การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของฮูเหยียนเอ้าป๋อทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเขายังรู้สึกได้ถึงความวิตกกังวลของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงรีบร้อนเรียกมณีสวรรค์ของเขากลับคืนที่เดิม
หลังจากได้ยินคำพูดของฮูเหยียนเอ้าป๋อ ความรู้สึกระแวดระวังภัยของเธอก็ลดลง “ผู้อาวุโส นี่หมายความว่าอย่างไร?”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อถอนหายใจก่อนจะกล่าว “พูดตามตรง นี่เป็นชะตากรรมที่น่าเศร้าสำหรับพวกเราอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้วว่าผู้ที่จะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ได้นั้นต้องมีทักษะธาตุมิติ ไม่ว่าจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์หรือจ้าวมณีธาตุก็ตาม ตราบใดที่คนๆ นั้นมีทักษะธาตุนี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ในบรรดา 4 ทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ความมืด แสง ชีวิต และมิติ สิ่งที่หายากที่สุดคือทักษะธาตุมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุมิติ คนเช่นนั้นหายากที่สุดอย่างไม่มีใครเทียบเทียมได้ เพราะฉะนั้นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงแค่จ้าวมณีธาตุที่มีทักษะธาตุมิติ เพราะว่ามันยากนักที่จ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุมิติจะเลือกเส้นทางอาชีพอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์”
หลังจากหยุดพักชั่วครู่ ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็กล่าวต่อ “ข้าจะบอกความลับให้เจ้า 2 อย่าง ระดับขั้นของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์นั้นขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการหลอมรวมคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เข้ากับร่างผู้ใช้และคุณภาพของศาสตรามณียุทธ์ อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับต่ำมักจะมีอัตราความสำเร็จในการหลอมรวมม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เข้ากับร่างกายผู้ใช้ได้น้อยกว่า 1 ใน 1000 ส่วน ดังนั้นจึงมักไม่ค่อยมีใครเลือกเส้นทางของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์มากนัก แม้แต่ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่ข้า ปรมาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ผู้นี้เป็นคนสร้าง อัตราความสำเร็จในการหลอมรวมม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เข้ากับร่างกายผู้ใช้ยังสำเร็จเพียงแค่ 1 ใน 100 ส่วน และนี่ก็คือขีดจำกัดของข้าแล้ว มีเพียงจ้าวมณีสวรรค์ที่เลือกเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เท่านั้นจึงจะสามารถกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ในระดับสูงมากกว่านี้ได้ หรือไม่แน่ คนผู้นั้นอาจจะไปถึงระดับขั้นพระเจ้าเลยก็ได้ และระดับพระเจ้านั่นก็เป็นความฝันสูงสุดของข้ามาโดยตลอด ความฝันที่ข้าคิดว่าในชาตินี้คงจะไม่มีวันทำได้สำเร็จแล้ว เสียดายที่ข้านั้นมีความรู้กว้างขวางเกินกว่าที่เขียนไว้ในตำราเสียอีก ดังนั้นข้าจึงต้องการถ่ายทอดความรู้ของข้าต่อไป และข้าหวังว่าลูกศิษย์ในอนาคตของข้าจะทำความฝันของข้าให้เป็นจริงให้ได้ในสักวัน…”
โจวเหว่ยชิงถามอย่างสงสัย “นี่ท่านกำลังพยายามชักชวนข้าเป็นลูกศิษย์หรือ?”
ใบหน้าของฮูเหยียนเอ้าป๋อกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที “นั่นเป็นความแตกต่างที่น่าปวดใจระหว่างพวกเราชาวอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์กับวิชาชีพอื่นๆ อาชีพอื่นนั้นมีแต่ลูกศิษย์ต้องตามหาอาจารย์ แต่สำหรับพวกเรานั้น อาจารย์ต้องเป็นคนตามหาลูกศิษย์ เจ้าก็รู้ว่าจ้าวมณีธาตุมิตินั้นหายากมาก ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวมณีสวรรค์ทักษะธาตุมิติที่ยากจนนั้นหาได้ยากกว่ามากนัก ดูสิ พวกเจ้าดูไม่ค่อยมีเงินมาก ดังนั้น น้องชาย ตราบใดที่เจ้าเต็มใจที่จะมาฝึกฝนและสืบทอดทักษะวิชาของข้า ราคาม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของข้าก็สามารถพูดคุยกันได้ ดังนั้น 500,000 เหรียญทองนั้นข้าย่อมไม่ขาย ข้าจะขายให้ด้วยราคาเท่ากับจำนวนเงินที่พวกเจ้ามี นั่นก็คือ 150,000 เหรียญทอง”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์คลายมือที่จับโจวเหว่ยชิงจากนั้นก็กรุ่นคิด คำพูดของฮูเหยียนเอ้าป๋อทำให้เธอตื่นเต้นมาก เพราะอย่างที่รู้กันว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์นั้นไม่มีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เลยสักคนเดียว แม้ว่าฮูเหยียนเอ้าป๋อจะเป็นคนโลภและตระหนี่อย่างยิ่ง แต่ในการสร้างศาสตรามณียุทธ์นั้นอาจกล่าวได้ว่าเขามีความสามารถอยู่ในระดับสูงส่ง ทั่วทั้งอาณาจักรเฟยหลี่แทบจะไม่มีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนใดเก่งไปกว่าเขาแล้ว หากโจวเหว่ยชิงได้ศึกษาวิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์กับอีกฝ่าย นั่นอาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่ออาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ในอนาคต
“ไม่มีทาง” โจวเหว่ยชิงปฏิเสธคำชักชวนของฮูเหยียนเอ้าป๋อโดยไม่ลังเล เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฮูเหยียนเอ้าป๋อซึ่งเคยทำท่าทียโสโอหังใส่ตน ในใจของเด็กหนุ่มจึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจะยอมรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ฮูเหยียนเอ้าป๋อหอบหายใจแรงขึ้น “ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ…ไม่ๆๆๆ! น้องชาย เจ้าไม่รู้หรือว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์นั้นรวยแค่ไหน? แม้พวกเราจะต้องทุ่มเทเวลาศึกษาและฝึกฝนเพื่อสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ แต่พวกเราก็ร่ำรวยที่สุดและยังเป็นอาชีพที่มีเกียรติสูง ได้รับการนับหน้าถือตาจากคนอื่นๆ อีกด้วย เอาแบบนี้ คัมภีร์ธนูราชันย์นี้ข้าจะขายแบบขาดทุนให้เจ้าเลย 100,000 เหรียญทอง สนใจหรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงส่งเสียงหึในลำคอ “ข้าเคยได้ยินแต่อาจารย์มอบของขวัญแก่ลูกศิษย์เป็นการต้อนรับ แต่ไม่เคยได้ยินว่าอาจารย์ขอเงินลูกศิษย์เป็นการต้อนรับมาก่อน ท่านเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวอย่างแท้จริง! ถ้าหากข้ายอมเป็นลูกศิษย์ของท่าน ข้าจะยังมีชีวิตที่ดีได้อีกหรือ? เพราะฉะนั้นข้าไม่เอาด้วยหรอก!”
เมื่อครู่ที่ผ่านมาฮูเหยียนเอ้าป๋อยังขึ้นราคาด้วยอย่างภาคภูมิ ทว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงกลับกำลังตอกกลับด้วยท่าทางเช่นเดียวกัน นี่คือการปะทะคารมแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างแท้จริง!
เฟิงหยูหัวเราะอย่างร่าเริง ปกติเขาเห็นคนมากมายไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าฮูเหยียนเอ้าป๋อ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชายชราต้องกล้ำกลืนยอมรับความพ่ายแพ้
ฮูเหยียนเอ้าป๋อถูมือไปมา สีหน้าแสดงความเจ็บปวด “ก็ได้ๆๆๆ เมื่อใดที่เจ้าตกลงเป็นลูกศิษย์ของข้าแล้ว ข้าจะมอบธนูราชันย์นี้ให้ ตกลงไหม?”
โจวเหว่ยชิงนั้นฉลาดเฉลียวเป็นที่สุด เขาย่อมรู้ว่านี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดสูงสุดที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อสามารถยอมได้ ความโกรธที่อยู่บนใบหน้าของเขาจางหายไปทันทีหลังจากฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าวว่าจะมอบคัมภีร์ให้กับเขา เขาพูดต่อไปด้วยสีหน้าที่ดูซื่อๆและจริงใจ ว่า “ผู้อาวุโส ข้าขอขอบคุณสำหรับความตั้งใจอันดีของท่าน แต่ก็อย่างที่ท่านรู้ การฝึกของจ้าวมณีสวรรค์นั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก ข้าและคู่หมั้นมาจากครอบครัวคนธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรามาจากอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ ท่านก็รู้ว่าอาณาจักรของเราไม่ค่อยร่ำรวยเท่าไหร่ และอาณาจักรก็ไม่มีเงินพอจะช่วยสนับสนุนการฝึกของพวกเราด้วย เงินจำนวน 150,000 เหรียญทองที่ภรรยาข้านำมาด้วยนั้นเป็นเงินสนับสนุนทั้งหมดที่อาณาจักรสามารถช่วยเหลือพวกเราได้แล้ว แต่ว่าเงินจำนวนแค่นั้นย่อมไม่เพียงพอต่อการฝึกของพวกเรา ตัวข้านั้นไม่ติดขัดหากต้องเรียนรู้การสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์จากท่าน แต่ทว่าเวลานี้ข้ายังไม่สะดวกและคงต้องเลื่อนไปก่อนเพราะข้ายังไม่ได้บรรลุศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บธาตุมณีเลยสักอย่าง การเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์นั้นคงไม่ง่ายใช่หรือไม่? การหาเงินก็คงไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้สำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ เช่นกัน ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าถึงจะมีเงินพอจนสามารถบรรลุได้ทั้งศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บธาตุมณี ก่อนหน้านี้พวกเราได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมกับวังกักเก็บทักษะของอาณาจักรเฟยหลี่ เพราะฉะนั้น ข้าจึงต้องขอปฏิเสธความตั้งใจของท่านด้วยความขอบคุณ เฮ้อ…นี่ช่างเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตโดยแท้!”
เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ยินว่าฮูเหยียนเอ้าป๋อจะมอบคัมภีร์ธนูราชันย์ให้โจวเหว่ยชิงโดยไม่ต้องเสียเงิน เธอก็อดจะตะลึงงันไม่ได้ นั่นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เหตุใดทุกอย่างถึงกลับตาลปัตรไปได้ถึงขนาดนี้! เมื่อฟังคำพูดของโจว เหว่ยชิง แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะไม่ชอบใจที่ไอ้คนเจ้าเล่ห์นี้แอบอ้างชื่อของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้พูดปฏิเสธเขาออกไป เธอรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อใดก็ตามที่สีหน้าของอ้วนน้อยโจวเปลี่ยนไปเป็นเรียบง่าย ใสซื่อและดูจริงใจ นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขากำลังเล่นละครหลอกลวงได้อย่างไร้ยางอายเป็นที่สุด
“ไม่ๆๆๆๆ นั่นย่อมไม่ดี ไม่ดีมากๆ เจ้าจะไปเข้าร่วมวังกักเก็บทักษะไม่ได้เด็ดขาด! เจ้าไม่รู้หรือว่าหากเข้าร่วมวังกักเก็บทักษะแล้ว นั่นก็เหมือนกับเจ้าขายตัวเองเพื่อเป็นทาสรับใช้ให้กับอาณาจักรเฟยหลี่?” หลังจากได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง ฮูเหยียนเอ้าป๋อก็เริ่มรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้น
โจวเหว่ยชิงกล่าวพร้อมกับสีหน้าอับจนหนทาง “ ข้าไม่มีทางเลือก! หากข้าต้องขายตัวเองเป็นทาส ข้าก็จะทำ! ข้าได้ยินว่าทักษะธาตุสำหรับจ้าวมณีธาตุนั้นราคาแพงกว่า ดังนั้นเราสองคนจะทนแบกรับค่าใช้จ่ายเช่นนั้นไหวได้อย่างไร! ข้าคิดว่าตราบใดที่พวกเราทำได้ดีในวังกักเก็บทักษะ พวกเขาก็จะเต็มใจจ่ายเงินเพื่อช่วยให้เราสามารถซื้อม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่เราต้องการได้ ใช่หรือไม่จ๊ะภรรยาจ๋า?”
จากนั้นชายไร้ยางอายผู้นี้ก็หันไปพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ทิ้งให้ฮูเหยียนเอ้าป๋อและเฟิงหยูมองแผ่นหลังของเขาตาปริบๆ ส่วนด้านโจวเหว่ยชิง เขาก็ลอบขยิบตาให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อย่างลับๆ
แม้ว่าเธอจะถูกเจ้าคนหน้าด้านนี่ใช้คำพูดแทะโลม แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก อีกทั้งยังไม่สามารถทำแผนการณ์ของเขาพังได้ เธอจ้องมองเขาอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะตอบอืออาในลำคอ “อะ อืม”
โจวเหว่ยชิงหันหลังกลับไปหาฮูเหยียนเอ้าป๋ออีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโส พวกเราไม่รบกวนแล้ว ธนูราชันย์นั่นท่านก็ขายให้กับคนอื่นเถิด พวกเราจะมุ่งหน้าไปวังกักเก็บทักษะก่อน บางทีในอนาคตเราอาจมีวาสนาได้ซื้อคัมภีร์จากท่านอีก” หลังจากพูดจบ เขาก็จับมือซ่างกวนปิงเอ๋อร์และมุ่งหน้าไปยังทางออก
ในเวลานี้โจวเหว่ยชิงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของฮูเหยียนเอ้าป๋อ และรู้สึกว่าตนแก้แค้นสำเร็จแล้ว ตาเฒ่าผู้นี้ย่อมชดใช้ให้เขาอย่างเหมาะสมกับสิ่งที่ตนทำลงไปก่อนหน้า นอกจากนี้เขายังได้แอบเอาเปรียบซ่างกวนปิงเอ๋อร์และจับมือของเธอราวกับเป็นคู่รักนี่ช่างยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว!!
“อย่าเพิ่งไป อย่าไปเลย! ให้เวลาข้ากรุ่นคิดสักครู่ก่อน!” ฮูเหยียนเอ้าป๋อเดินไปมาในห้องอย่างเคร่งเครียดราวกับหนูติดจั่น
……………………………………………………………