“เดิมพัน ข้าจะเดิมพันด้วย! พวกเราค่อยพูดคุยแบ่งผลประโยชน์กันภายหลัง ตอนนี้พวกเรามาวางเดิมพันกัน ก่อน” ขี้เมาเป่าเอ่ยอย่างไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้ หญิงงามเช่นซ่างกวนปิงเอ๋อร์และอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางอย่างโจวเหว่ยชิง…ในสายตาของเขาและสี่น้อย นี่ช่างเป็นผลกำไรที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง! ยิ่งไปกว่านั้น การที่สี่น้อยร่วมเดิมพันครั้งนี้ด้วยก็ทำเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะตกลงเดิมพันทันที
ตอนนี้เย่เป่าเปาสังเกตเห็นบางอย่าง แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้ว่าสี่น้อยและขี้เมาเป่าจะทรงพลังมากกว่าเขา แต่ในแง่ประสบการณ์ทางโลกและการมองคน พวกเขาก็ยังห่างชั้นจากเขามากนัก เย่เป่าเปาย่อมรู้ชัดแจ้งว่ายิ่งการเดิมพันมีความเสี่ยงมากเท่าไหร่ ผลกำไรก็จะยิ่งมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะเขาก็ยังคงเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง ภายในใจเขารู้สึกได้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิงมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ บางคนอาจแย้งได้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์อาจหุนหันพลันแล่นเกินไป แต่เนื่องจากโจวเหว่ยชิงไม่ได้เอ่ยปากแย้งการกระทำของเธอ เหตุผลของเขาจึงเป็นที่ชัดเจนโดยไม่ต้องเปิดปากพูดออกมาอีก อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเช่นนั้นเย่เป่าเปาก็ไม่ได้เข้าร่วมเดิมพันกับทั้งคู่ด้วย อย่างไรเงื่อนไขการเดิมพันก็เป็นถึงผู้ติดตามตลอดชีพ หากเขาร่วมเดิมพันด้วยก็คงจะเสียสติไปแล้ว! ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำเพียงแค่เฝ้าดูจากด้านข้าง เพราะไม่ว่าใครจะชนะการเดิมพันก็ไม่มีผลกับเขาอยู่แล้ว
เซียวเอี๋ยนมองไปที่ขี้เมาเป่าและพูดอย่างเคร่งขรึม “คิดให้ดีก่อนจะลงมือทำ”
อนิจจา ตอนนี้อาเป่าย่อมไม่คิดว่าพวกเขาจะแพ้พนันในครั้งนี้ เขาจึงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “ข้าเชื่อในตัวสี่น้อย ทั้งหมดแค่ 3 กระบวนท่าเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เจ้าก็สามารถวิ่งหนีเข้าได้อยู่ดี”
สี่น้อยพูดอย่างโกรธเคือง “หนีอย่างนั้นหรือ? คิดว่าเจ้านั้นจะสามารถเอาชนะข้าได้จริงๆหรือไง? ฮึ่ม พวกนั้นก็แค่พยายามหลอกให้เรากลัวเท่านั้น หากข้าหลงกลแผนการของพวกเขา ข้าจะยังกล้าเงยหน้ามองผู้อื่นได้อีกหรือ? หัวหน้า ท่านมาเป็นผู้ตัดสินเถิด ถ้าการเดิมพันจบลงและพวกเขาพยายามจะผิดคำพูด ท่านจะต้องยื่นมือเข้ามาทวงความยุติธรรมให้ข้าด้วย”
หลินเทียนอ้าวขมวดคิ้วและพูดว่า “พวกเจ้าแน่ใจแล้วหรือ?”
สี่น้อยและขี้เมาเป่าพยักหน้าโดยไม่ลังเล หลินเทียนอ้าวจึงหันไปมองโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาแฝงคำถาม
โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มและพูดว่า “หากภรรยาของข้าเสนอตัววางเดิมพันเช่นนี้แล้ว ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร? เข้ามาสิ” เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าทำไมซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถึงมั่นใจในตัวเขามากขนาดนี้
หลินเทียนอ้าวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าทั้งคู่จงสาบานกับมณีพลังของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะไม่มีใครสามารถกลับคำได้หลังจบการประลอง”
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้ง 4 จึงทำตามที่หลินเทียนอ้าวแนะนำ นั่นก็คือการสาบานกับมณีพลังของพวกเขา อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีความมั่นใจในตัวเองมาก ในขณะนี้จึงไม่มีใครยอมถอยเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้สนามในโรงเรียนเจ้ามณีนั้นกำลังเงียบสงบมาก ส่วนคนอื่นๆ ก็ถอยร่นออกไปอยู่ด้านข้าง ในฐานะผู้ตัดสิน หลินเทียนอ้าวจึงยืนอยู่ใกล้ๆกับพวกเขา ไม่ใช่แค่คอยตัดสินการต่อสู้ แต่ยังเตรียมพร้อมที่จะกระโดดเข้าไปช่วยเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงอีกด้วย
หากเป็นสถานการณ์ปกติ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม หลินเทียนอ้าวอาจไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แย่งชิงตำแหน่งแบบนี้แน่นอน แต่ทว่าในฐานะผู้ติดตามตลอดชีวิตของโจวเหว่ยชิง เขาย่อมไม่อาจหยุดยั้งสิ่งที่โจวเหว่ยชิงต้องการจะทำได้จริงๆ
โจวเหว่ยชิงและสี่น้อยยืนห่างกันประมาณ 20 หลา ส่วนหลินเทียนอ้าวยืนอยู่ด้านข้างสนาม ตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งคู่พอดี ในตอนนี้ทั้งโจวเหว่ยชิงและสี่น้อยได้ปลดปล่อยมณีสวรรค์ของพวกเขาออกมาแล้วแม้ว่าทั้งคู่จะใช้แขนเสื้อคลุมมณีธาตุเอาไว้เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้เห็นทักษะธาตุของตนเองก็ตาม
หลินเทียนอ้าวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าทั้งคู่พร้อมหรือยัง?” ไม่นานทั้งคู่พยักหน้าตอบรับ
หลินเทียนอ้าวตะโกนออกไป “ดี เอาล่ะ เริ่มได้!”
ทันทีที่เสียงตะโกนดังขึ้น สี่น้อยก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “เข้ามา!” กลิ่นอายที่ดูทรงพลังปะทุออกมาจากตัวเขา คลื่นพลังปราณสวรรค์พลันระเบิดออกเป็นม่านแสงสีขาวเข้มข้น ร่างกายของเขาพุ่งทะยานออกไปทันทีราวกับเป็นตัวหมัดที่กระโจนออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจก็คือสี่น้อยผู้ที่ดูเหมือนจะเกลียดชังโจวเหว่ยชิงและอยากจะต่อยตีอีกฝ่ายสักหมัดกลับกระโดดถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากระโดดถอยหลังนั้น แสงสีเขียวสว่าง 2 สายก็พลันสาดส่องออกมาหลอมรวมกันกลายเป็นปีกสีทองบนหลังของเขา และเมื่อเขากระพือปีกอย่างรวดเร็ว ปีกคู่นั้นก็สามารถพาเขาบินถอยหลังกลับไปในอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์
“บัดซบ! เจ้านั่นไร้ยางอายเกินไปแล้ว!” แม้เย่เป่าเปาจะมีนิสัยเยือกเย็น แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างเหลืออด สำหรับขี้เมาเป่าที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากลับเหยียดยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “จัดการสี่น้อยใน 3 กระบวนท่างั้นรึ? แม้แต่หัวหน้ายังไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ จุดแข็งของสี่น้อยคือความสามารถในการหลบหลีก เขาเป็นคนเดียวในหมู่พวกเราที่สามารถบินได้ชั่วขณะหนึ่ง หากเขาอยู่กลางอากาศเช่นนี้ ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าเด็กมณี 3 ชุดตัวเล็กๆ อย่างเขาจะสามารถเอา ชนะสี่น้อยใน 3 กระบวนท่าได้อย่างไร”
เย่เป่าเปาหันไปมองไปทางซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แต่เขากลับต้องประหลาดใจที่เห็นว่าเธอไม่ได้ดูกังวลอะไรเลย ในทางตรงกันข้าม ใบหน้าของเธอกลับประดับไปด้วยรอยยิ้มที่ดูมั่นอกมั่นใจ
ปีกคู่ของสี่น้อยไม่ใช่ศาสตรามณียุทธ์ชิ้นเดียว แต่อุปกรณ์คู่ 2 ชิ้น ทั้งยังเป็นชุดศาสตรามณียุทธ์ที่หายากมากอีกด้วย เมื่อรวมกับพลังปราณสวรรค์และการฝึกฝนใช้งานเป็นเวลานานๆ ประโยชน์ของมันคือก็ทำให้เขาสามารถโบยบินไปในอากาศได้อย่างสะดวกสบาย ปีกคู่นั้นไม่เพียงแต่ทำให้เขาสามารถบินได้ แต่ยังทำให้เขาสามารถหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวกลางอากาศ ทั้งยังสามารถใช้เร่งความเร็วได้ เขาสามารถใช้มันควบคู่ไปกับทักษะกักเก็บอื่นๆ ของเขา ก่อเกิดเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาไม่ได้คิดที่จะต่อสู้กับโจวเหว่ยชิงโดยตรง
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะดูเหมือนสี่น้อยและขี้เมาเป่าอารมณ์ร้อนและหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ทำให้พวกเขากล้ากระโดดเข้าร่วมการเดิมพันที่ท้าทายเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงทั้ง 2 คนกลับเฉลียวฉลาดมาก 3 กระบวนท่างั้นรึ? ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีทักษะพิเศษอะไรก็ตาม ตราบใดที่ไม่สามารถสัมผัสตัวสี่น้อยได้ เขาจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไร? แท้จริงแล้วนั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น สี่น้อยก็ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านความเร็วของหยกหินมังกรเพื่อกระโดดหนี เมื่อใช้ปีกของเขาเข้าช่วยอีกแรง เขาก็สามารถสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขาได้เกือบ 50 หลาทันที แน่นอนว่านั่นเป็นระยะทางที่ทักษะกักเก็บส่วนใหญ่ไม่สามารถเปิดใช้งานได้
เมื่อสี่น้อยกระโจนถอยหลังออกไป โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นสี่น้อยลอยขึ้นไปในอากาศด้วยปีกคู่นั้น เขาก็พลันหัวเราะออกมา โจวเหว่ยชิงดูไม่รีบร้อนเลยแม้แต่น้อย วินาทีนั้นเขายกมือขวาขึ้นมาโบกอย่างใจเย็น ส่วนผู้ตัดสินอย่างหลินเทียนอ้าวก็ค่อยๆ หลับตาลง ทันทีที่สี่น้อยกระโดดถอยหลังและบินขึ้นไปในอากาศ หลินเทียนอ้าวก็รู้ว่าผลแพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว ถ้าสี่น้อยเลือกที่จะพุ่งไปข้างหน้าและต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับโจวเหว่ยชิง เขาก็อาจยังมีโอกาสชนะเดิมพันครั้งนี้อยู่บ้าง แต่เมื่อเขาเลือกที่จะหลบหนี นั่นก็ถือว่าเขาตกสู่อุ้งมือของโจวเหว่ยชิงเสียแล้ว จงอย่าลืมว่าเขาเป็นนักธนู! ไม่ว่าสี่น้อยจะบินเร็วแค่ไหน ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้เขาก็ย่อมไม่มีวันบินหนีออกไปจากระยะยิงของโจวเหว่ยชิงได้ นอกจากนี้ ศาสตรามณียุทธ์ของโจวเหว่ยชิงยังมีหลุมบรรจุมณีถึง 2 ช่อง!
ไอหมอกเย็นยะเยือกค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ชั่วขณะนั้นธนูราชันย์ก็พลันปรากฏในมือของโจวเหว่ยชิง หลังจากเห็นภาพนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของขี้เมาเป่าก็หายไปอย่างช้าๆ ทั้งเขาและสี่น้อยต่างประเมินความสามารถทั้งหมดที่เป็นไปได้ของ โจวเหว่ยชิง แต่พวกเขากลับมองข้ามความจริงที่ว่าเขาอาจเป็นนักธนู!
สายธนูถูกโจวเหว่ยชิงง้างขึ้นจนสุดสาย เขาจ้องมองไปยังสี่น้อยที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ในเวลาเดียวกันนั้นสี่น้อยก็เห็นธนูในมือของเขาเช่นกัน จู่ๆความหวาดกลัวก็ตรงเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาทันที แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงเป็นนักเรียนผู้ทรงพลังคนหนึ่งในโรงเรียนเจ้ามณี ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน เขาก็จะไม่เผยท่าทีตื่นตระหนกเด็ดขาด โจวเหว่ยชิงเป็นนักธนูแล้วอย่างไร? เขาก็แค่ต้องหลบหลีกลูกศรของเขาให้ได้ 3 ดอก ด้วยเหตุนี้ ท้ายที่สุดเขาก็จะยังชนะได้อยู่ดี
ลูกศรพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศราวสายฟ้าฟาด ผู้ชมทั้งหมดเพิ่งมองเห็นอากาศสั่นสะเทือนได้เพียงเล็กน้อย ลูกศรที่ยิงจากธนูราชันย์ก็ไปถึงตัวสี่น้อยแล้ว
แม้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านั้นสี่น้อยจะบินฉีกออกไปได้ไกลมากแล้ว แต่เขาก็ยังไปไม่ถึง 100 หลา ในระยะใกล้เช่นนี้ การพยายามหลบหลีกลูกศรจากธนูราชันย์ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย!
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเองสี่น้อยก็ได้พิสูจน์ให้ผู้ชมคนอื่นๆ เห็นแล้วว่าแม้บางสิ่งจะดูยากเย็น แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ท่ามกลางแสงสีเงินเจิดจ้า จู่ๆ ร่างของเขาก็หายไปวับไปกลางอากาศ
เย่เป่าเปาและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ “ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา!”
ชั่ววินาทีนี้เอง สี่น้อยก็ได้เปิดเผยมณีธาตุของเขาออกมาเป็นครั้งแรก แท้จริงแล้วมณีธาตุของเขาไม่ใช่ธาตุลมอย่างที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์คาดเดาเอาไว้ก่อนหน้า แต่เป็นทักษะธาตุมิติ! เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงยกธนูราชันย์ขึ้นมา สี่น้อยก็คิดแผนการได้ทันที เขาใช้ทักษะอย่างไม่ลังเลและสามารถหลบลูกศรดอกแรกได้อย่างหวุดหวิด
ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตานั้นสามารถส่งเขาออกไปได้ 10 หลา เห็นได้ชัดว่าทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของสี่น้อยมีประสิทธิภาพมากกว่าโจวเหว่ยชิงเนื่องจากระดับพลังปราณของเขาเหนือกว่าอีกฝ่าย
ณ เวลานั้น สี่น้อยพลันรู้สึกลำพองใจขึ้นมา 3 กระบวนท่างั้นรึ? ถึงจะเป็น 30 กระบวนท่า เขาก็ยังไม่แพ้เลยด้วยซ้ำ! ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้มีเพียงทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาเท่านั้น แต่ยังมีทักษะโจมตีธาตุมิติที่ทรงพลังยิ่งกว่า หึ! ไม่ว่าลูกศรของเจ้าจะเร็วหรือทรงพลังแค่ไหน ข้าก็จะไม่พ่ายแพ้ให้แก่เจ้า มณี 3 ชุดกับมณี 4 ชุดอย่างนั้นรึ เห็นได้ชัดว่านี่คือความแตกต่างของพลัง!
อนิจจา ในขณะที่เขากำลังหลงชื่นชมตัวเองอยู่นั้น ผู้ชมด้านล่างก็ต้องเบิกตาขึ้นมาอย่างตกตะลึงทันที เหตุผลก็เพราะพวกเขาเห็นลูกศรของโจวเหว่ยชิงสามารถหยุดลงกลางอากาศได้เต็มสองตา และจริงๆ แล้วมันก็หยุดตรงจุดที่สี่น้อยลอยอยู่ก่อนหน้านี้ราวจับวาง คาดเดาได้อีกอย่างว่าลูกศรดอกนั้นต้องมีจุดประสงค์ที่จะหยุดตรงนั้นอยู่ก่อนแล้ว
มีเพียงซ่างกวนปิงเอ๋อร์เท่านั้นรู้แน่ชัดว่านี่เป็นวิธียิงธนูประเภทหนึ่งเพื่อควบคุมระยะของลูกศรที่ยิงออกไป อีกทั้งนี่ยังเป็นทักษะที่ทั้งคู่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงเวลาต่อมา สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจอย่างแท้จริงคือแสงสีดำจำนวน 12 สายที่มีลักษณะคล้ายหนวดปลาหมึก ดูแล้วแต่ละเส้นมีความยาวเกือบ 35 หลา สี่น้อยเพิ่งจะแสยะยิ้มกว้างออกมา ทว่าในพริบตาเดียวรอยยิ้มของเขาก็พลันแข็งค้างเนื่องจากหนวดสีดำที่ไม่ทราบที่มากำลังเกี่ยวรัดอยู่รอบๆ ร่างกายและปีกของเขา
แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เมื่อหนวดสีดำถูกปลดปล่อยออกมา จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นตามมาทันที ไม่นานพื้นที่ทั้งหมดในเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 หลาก็สว่างวาบขึ้นเป็นแสงสีฟ้าที่น่าตื่นตระหนก