“แค่นั้นหรือ” หลิงเซียวกล่าวเบาๆ
จากนั้นลมหายใจอันทรงพลังก็เริ่มแผ่ออกมาจากร่างกายเขา!
ลมหายใจนี้ทรงพลังมากกว่าจิตวิญญาณของหวังหนิงมาก
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดคล้ายกับปลาวาฬสีน้ำเงินปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลิงเซียว
ลมหายใจนี้ราวกับจะเปลี่ยนเป็นสสารเช่นภูเขาที่กดทับลงมาบนตัวของหวังหนิง
ฮึ่ม!
หวังหนิงรู้สึกหวาดกลัวกับลมหายใจของหลิงเซียวจนเขาถึงกับก้าวถอยหลังออกไปสามก้าวอย่างรวดเร็ว
“เป็นไปได้ยังไง!” หวังหนิงตกใจมาก
หวังหนิงไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาไม่ได้บอกว่าโรงเรียนมัธยมของหนานเฉิง มีเป็นนักรบจิตวิญญาณแค่คนหนึ่งไม่ใช่หรือ? แล้วคนที่สองนี่มันโผล่ออกมาได้ยังไง?
ไม่เพียงแค่นั้นระดับของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดนี้ก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขามาก!
“แกเป็นใคร” หวังหนิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลิงเซียวเหลือบมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “โรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม ชั้นปีที่สองห้องหก หลิงเซียว!!”
“มีคำถามอะไรเพิ่มเติมไหม ถ้าคุณมีปัญหา คุณสามารถต่อสู้ได้ทันที”
ใบหน้าของหวังหนิงมืดมน ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงเข้าไปต่อสู้แล้ว
แต่ต่อหน้า ซูเหยา ต่อหน้าผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าแฟนของ ซูเหยา เขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้
“ที่โดโจศิลปะการต่อสู้เทียนฉวน คืนนี้ฉันจะรอแกอยู่ที่นั้น!” หวังหนิงกล่าวอย่างโหดเหี้ยม (Dojo คำนี้ในภาษาญี่ปุ่นเป็นคำสองคำที่รวมกัน “Do-โด” หมายถึง วิถีหรือหนทาง “Jo-โจ” หมายถึงสถานที่ เมื่อรวมกันแล้วหมายถึง สถานที่ซึ่งเป็นที่ฝึกวีถีต่างๆ ที่เข้าใจง่ายๆเช่น โรงฝึกวิชาศิลปะการป้องกันตัว)
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและจากไปโดยไม่ลังเล
หลิงเซียวกระพริบตาและพูดว่า “ชายคนนี้ป่วยหรือเปล่า? บอกว่าจะรอฉันอยู่ที่นั่น คิดว่าฉันจะไปหรือไง?”
หลังจากผ่านไปสักพัก หลิงเซียวก็เห็นว่าทุกคนเงียบ เขาจึงหันหน้าไปถามว่า “ทำไมไม่พูดอะไรกันเลย? “
ซูเหยากลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “หลิงเซียวจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของคุณคือระดับอะไร “
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยังไงมันก็น่าจะแข็งแกร่งอยู่แล้ว ” หลิงเซียว กล่าวอย่างไม่แยแส
ทุกคนพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าเป็นคำถามที่สำคัญมากสำหรับนักรบจิตวิญญาณคนอื่นๆ แต่ตัดมาที่หลิงเซียว ทำไมเขาจึงไม่จริงจังกับมันเลย?
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินหลิงเซียวพูดช้าๆว่า “ฟังจากที่คนของกองกำลังดาบที่แหลมคมพูดแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดระดับกลาง”
พั๊ฟ!
ความไม่เข้าใจของหลิงเซียวคือกริชอันแหลมคมที่แทงทะลุหัวใจของทุกคน
ให้ตายเถอะ! ฉันผิดเอง! ฉันไม่ควรถาม!
จากนั้นทุกคนจากเมืองหนานเฉิงก็รีบไปที่โรงแรมที่จองไว้ในทันที
ทันทีที่หลิงเซียววางของเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ก๊อกๆ!
หลิงเซียวเปิดประตูและเห็นว่าเป็นซูเหยาและจางรุ่ยที่ยืนอยู่ข้างนอก
“หลิงเซียวฉันอยากจะเชิญคุณไปทานอาหารค่ำ เพื่อขอบคุณที่ช่วยฉัน” ซูเหยากล่าวพร้อมกับหน้าที่แดงก่ำ
ดูเหมือนว่าเป็นเพราะจูบก่อนหน้านี้ของหลิงเซียวเธอจึงหน้าแดงอย่างง่ายดายโดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงเซียว
“กินข้าว เธอแน่ใจน่ะ?” หลิงเซียวถาม
ซูเหยาพยักหน้า“ แน่นอนถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันคงจะรำคาญหวังหนิงไปอีกนาน แล้วเราก็จะใช้โอกาสนี้บอกคุณเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นี่ด้วย”
หลิงเซียวพยักหน้า จากนั้นทั้งสามคนก็ออกไปกินข้าวด้วยกัน
ในไม่ช้าซูเหยาก็รู้ว่าทำไมหลิงเซียวถึงได้ถามก่อนหน้านี้ว่าเธอแน่ใจไหม
หลิงเซียวกินมากเป็นสองเท่าของซูเหยาและจางรุ่ยรวมกันสะอีก
ความอยากอาหารอย่างมากนี้ทำให้ ซูเหยา ตะลึง
ระหว่างรับประทานอาหารหลิงเซียวยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับหวังหนิง
หวังหนิงเป็นชาวเมืองเทียนฉวน เขามาจากตระกูลที่ร่ำรวย และเขาก็เป็นนักรบจิตวิญญานระดับต้นๆ และในไม่ช้าเขาควรจะก้าวเข้าสู่นักรบจิตวิญญาณระดับสอง
แม้แต่ในเมืองหลวงของมณฑลอย่างเทียนฉวน ตระกูลของหวัง ก็ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ
โดโจศิลปะการต่อสู้เทียนฉวน เป็นหนึ่งในโดโจศิลปะการต่อสู้ที่ดีที่สุดในเมืองเทียนฉวน และมันยังเป็นสมบัติของตระกูลหวัง อีกด้วย
หลิงเซียวเข้าใจว่าซูเหยาจะสื่อถึงอะไรหลังจากที่ได้ฟัง
“ดูเหมือนว่าคุณไม่ต้องการให้ฉันมีความขัดแย้งกับหวังหนิง” หลิงเซียวกล่าว
ซูเหยาพยักหน้าหลิงเซียววางซ้อนลงบนโต๊ะอาหารแล้วพูดว่า “งั้นไปกันเถอะ”
“จะไปไหน” ซูเหยาถาม
หลิงเซียวกล่าวว่า “โดโจศิลปะการต่อสู้เทียนฉวน!”