จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 261 ทางที่ดีนางมิต้องกลับมาทั้งชาติเลย
ทั่วทั้งจวนซื่อจื่อครึกครื้นสนุกสนานมาก เพียงเพราะหยุนถิงกลับมาแล้ว เหล่าคนรับใช้พากันยุ่งขึ้นมาทันที
พ่อบ้านรีบให้คนไปบอกหยุนเฉิงเซี่ยงที่จวนตระกูลหยุน บอกว่าฮูหยินกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ดูท่าซื่อจื่อรีบร้อนจะจู๋จี๋กับฮูหยินขนาดนี้ คงลืมแน่
ส่วนจวินหย่วนโยวที่อยู่ในห้องทั้งดีใจและตื่นเต้นยิ่งนัก ทนมาหลายวันขนาดนี้แล้ว บัดนี้หยุนถิงได้ความบริสุทธิ์คืนมาแล้ว และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงอีก ต้องฉลองให้ดีสักครั้ง
หยุนถิงยังงุนงงอยู่เลย ก็โดนจวินหย่วนโยวอุ้มไปวางบนเตียง จากนั้นเขาก็กดร่างทับลงมา
“ซื่อจื่อ ทำไมท่านร้อนใจขนาดนี้เล่า ไหนบอกว่ากลางวันจะงานเลี้ยงต้อนรับให้ข้าน่ะ?” หยุนถิงรีบบอก
ถ้าให้พวกซวนอ๋องมาเห็นตนลงจากเตียงไม่ไหว หรือเดินไม่มั่นคง ต้องขบขันตนในใจแน่
“งานเลี้ยงต้อนรับ กลางคืนก็ได้” จวินหย่วนโยวก้มหน้าลงจุมพิตหยุนถิง ปิดปากนางไว้
พอคิดว่า นังหนูนี่ดึงเล่นใบหน้าโม่เหลิ่งเหยียน จวินหย่วนโยวก็โกรธ ท่วงท่าแข็งแกร่ง บ้าคลั่ง ไม่ยอมให้ปฏิเสธเลย
หยุนถิงอยากผลักเขาออก แต่กลับโดนสองมือของจวินหย่วนโยวคว้ามันไว้เหนือหัว เขาบ้าคลั่งอย่างไม่ยอมให้เธอปฏิเสธหรือต่อต้านเลย
หยุนถิงทำได้แต่ตั้งรับ ตัวเธอกลายเป็นเหมือนเรือที่อยู่ท่ามกลางคลื่นแรง โลดแล่นไปตามกระแสลม
ในห้องกว้างใหญ่เหลือเพียงเสียงอ้อนวอนขอร้องอย่างออดอ้อนของหยุนถิง และเสียงหอบหายใจหนักของจวินหย่วนโยว มันดังอยู่นานไม่ยอมหายไป
….
ทางนี้ องครักษ์ของจวนซื่อจื่อไปส่งข่าวที่จวนตระกูลหยุน หยุนเฉิงเซี่ยงดีใจและตื่นเต้นยิ่งนัก “ดียิ่งนัก ถิงเอ๋อร์ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ข้ารู้ว่านางไม่ได้ฆ่าใครแน่ และยังได้แต่งตั้งเป็นองค์หญิงอีก ช่างเป็นเกียรติแก่จวนตระกูลหยุนของข้าจริงๆ”
“พี่ใหญ่กลับไปจวนซื่อจื่อแล้ว ดียิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะไปหานางตอนนี้เลย” หยุนหลีตื่นเต้นยิ่งนัก ทำท่าจะไปเลย
องครักษ์รีบห้ามนางไว้ “คุณหนูหยุนสี่ ขออีกสักสองสามวันท่านค่อยไปจวนซื่อจื่อเถอะ ตอนนี้ไปดูจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่”
“ไม่สะดวก ข้าไปเจอพี่ใหญ่มีอะไรไม่สะดวกกัน?” หยุนหลีไม่เข้าใจ
หยุนเฉิงเซี่ยงย่อมฟังความหมายขององครักษ์ออกอยู่แล้ว “เจ้านี่ ไม่รู้จักรึว่าพี่ใหญ่เจ้ากับจวินซื่อจื่อน่ะห่างหายกันไปนาน รู้ว่าพี่ใหญ่เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัยก็วางใจแล้วล่ะ ขอบคุณซื่อจื่อแทนข้าให้ด้วยนะ”
“หยุนเฉิงเซี่ยงเกรงใจแล้ว งั้นข้าน้อยขอกลับก่อนล่ะ” องครักษ์ขอตัวกลับ
“นายท่าน นี่เป็นข่าวดียิ่งนัก คุณหนูใหญ่เป็นผู้มีบุญหนัก สวรรค์ย่อมคุ้มครองอยู่แล้ว” ซูอี๋เหนียงก็ดีใจมากเช่นกัน
“พี่ใหญ่ปลอดภัยเสียที” หยุนซูเองก็ดีใจเช่นกัน
มามาคนหนึ่งเดินเข้ามา “นายท่านแย่แล้ว ฮูหยินหายไปแล้ว ขอนายท่านส่งคนออกตามหาด้วยเถิด”
หยุนเฉิงเซี่ยงขมวดคิ้ว “นางจ้าว นางไม่ได้ดูแลหลิงเอ๋อร์อยู่รึ หายไปทำเรื่องที่ไหนอีกนี่?”
มามารีบอธิบายทันที “นายท่านโปรดอภัย ครั้งนี้มิใช่จริงๆ ฮูหยินเห็นร่างกายคุณหนูรองไม่สู้ดีมาตลอด เลยออกไปซื้อยาให้คุณหนูรอง เพียงแต่ครั้งนี้ไปครึ่งค่อนวันแล้ว ฮูหยินยังไม่กลับมา ข้าน้อยเลยเป็นห่วง”
“เป็นห่วงอะไรกัน นางเป็นผู้ใหญ่แล้วมีอะไรน่าห่วงกัน ไม่ต้องสนใจนาง ทางที่ดีที่สุดอย่ากลับมาอีกเลยน่ะล่ะ” หยุนเฉิงเซี่ยงตะคอกอย่างเดือดดาล
ด้านนอกประตู คนรับใช้พาขันทีคนหนึ่งเข้ามา “นายท่าน มีกงกงท่านหนึ่งมาหาท่าน”
หยุนเฉิงเซี่ยงมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า เขาเป็นขันทีรับใช้ข้างกายฮ่องเต้ “มิทราบว่า
กงกงมีเรื่องอันใดรึ”
“ใต้เท้าเฉิงเซี่ยง ฝ่าบาทมีกระแสรับสั่งให้ท่านเข้าวังโดยด่วน” ขันทีคารวะ
“กงกง พอทราบหรือไม่ว่าเรื่องอันใดกัน?” หยุนเฉิงเซี่ยงถาม
“เกี่ยวข้องกับเรือนหลังของใต้เท้าเฉิงเซี่ยงเอง เรื่องอื่นข้าน้อยมิสะดวกจะพูดอีก” ขันทีตอบ
“เรือนหลัง?” หยุนเฉิงเซี่ยงไม่เข้าใจ รีบเปลี่ยนเป็นชุดขุนนางตามขันทีเข้าวังอย่างรวดเร็ว
ตำหนักข้างในพระราชวัง
หยุนเฉิงเซี่ยงพบฮ่องเต้ รีบถวายบังคมทันที “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท มิทราบว่าฝ่าบาทเรียกกระหม่อมมาเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอันใดรึ?”
“หยุนเฉิงเซี่ยงเจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” สีหน้าฮ่องเต้เย็นชาลงทันที
หยุนเฉิงเซี่ยงตกใจจนตัวสั่นเทา รีบคุกเข่าลงทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมทำความผิดอันใดรึ?”
“หยุนเฉิงเซี่ยงเป็นข้าราชการนับว่าไม่เลวจริงๆ แต่เรื่องในเรือนหลังกลับมักจะวุ่นวายยุ่งเหยิงได้รึ ถึงครั้งนี้คนที่โดนฆ่าจะเป็นจ้าวเหลียงเหริน แต่เมียเจ้าเป็นคนใส่ร้ายลูกสาวเจ้า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้กลับยุ่งวุ่นวายมาถึงในวังของข้า หยุนเฉิงเซี่ยงเจ้านี่เก่งจริงๆ” ฮ่องเต้พูดอย่างเดือดดาล
หยุนเฉิงเซี่ยงยังไม่เข้าใจอยู่ดี หันมองซูกงกงที่ยืนข้างๆทันที
“หยุนเฉิงเซี่ยง ความหมายของฝ่าบาทคือท่านมีลูกสาวดี คุณหนูหยุนโดนใส่ความ แต่คนที่ใส่ความนางคือนางจ้าวจากเรือนหลังของท่านเอง นางเป็นคนพูดเรื่องปานบนแขนแขนของคุณหนูหยุนออกไป จากนั้นให้ฆาตกรแกล้งเผยให้เห็นรอยปานที่แขนตอนทำการฆ่าจ้าวเหลียงเหรินออกมา เพื่อใส่ความคุณหนูหยุน
ฝ่าบาทได้คืนความบริสุทธิ์ให้คุณหนูหยุนแล้ว ส่วนนางจ้าวโดนจับขังคุกหลวง ฝ่าบาทเห็นแก่หน้าหยุนเฉิงเซี่ยงถึงได้ละเว้นชีวิตนางอยู่” ซูกงกงรีบอธิบายทันที
หยุนเฉิงเซี่ยงสีหน้าเบิกโพลงอย่างเหลือเชื่อ “นางจ้าว นางเป็นคนทรยศขายถิงเอ๋อร์รึ หญิงน่าตายนี้ ปกติริษยาที่กระหม่อมรักใคร่บุตรสาว ทำเรื่องเลวร้ายมากมายนัก กระหม่อมลงโทษอย่างหนักไปแล้ว ไม่คิดว่านางจะหนักข้อขึ้น กล้าสบคบคิดคนนอกมาให้ร้ายถิงเอ๋อร์ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ลงโทษหญิงใจชั่วผู้นี้ให้กระหม่อม ในเมื่อนางถูกขังเข้าคุกหลวงแล้ว ก็ให้นางสำนึกผิดในคุกหลวงแล้วกัน”
ดวงตาทุ้มลึกของฮ่องเต้มีแววประหลาดใจ ไม่คิดว่าหยุนเฉิงเซี่ยงจะตัดใจได้
“ในเมื่อหยุนเฉิงเซี่ยงพูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นให้นางถูกขังในคุกหลวงไปก่อนแล้วกัน อีกครึ่งเดือนจะเป็นวันที่หอเทพเซียนคัดเลือกลูกศิษย์ การแข่งขันคัดเลือกในปีนี้ให้หยุนเฉิงเซี่ยงเป็นผู้รับผิดชอบแล้วกัน” ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น
หยุนเฉิงเซี่ยงรู้สึกประหลาดใจ พลันยกมือกุมหน้าอก “ฝ่าบาท ตามหลักแล้วกระหม่อมจงรักรับใช้ฝ่าบาทจนสายตัวแทบขาด เพื่อฝ่าบาทนั้นกระหม่อมตายไม่เสียดายชีวิตเลย เพียงแต่หลายวันนี้กระหม่อมรู้สึกเจ็บไข้ กลัวจะไม่มีเรี่ยวแรง เมื่อก่อนหลีอ๋องจะเป็นผู้รับผิดชอบทุกปี หลีอ๋องนั้นมีประสบการณ์เชี่ยวชาญมากกว่า เก่งกว่ากระหม่อมมากนักแล้ว”
“หยุนเฉิงเซี่ยง เจ้าเป็นเฉิงเซี่ยงแห่งต้าเยียน กลับมาอิดออดกระปอดกระแปดกับคำสั่งของข้า นี่คือไม่เห็นข้าอยู่ในสายตารึ?” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา
หยุนเฉิงเซี่ยงพูดด้วยสีหน้าตกใจทันที “ฝ่าบาท ท่านปรักปรำกระหม่อมแล้ว ความภักดีของกระหม่อมที่มีต่อฝ่าบาทนั้นสวรรค์เป็นพยานได้ กระหม่อมจงรักภักดียิ่งนัก กระหม่อมแค่กลัวจะทำพังแล้วทำให้ฝ่าบาทขายพระพักตร์เท่านั้นเอง”
“ยังดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้ให้เจ้าจัดร่วมกับหลีอ๋องแล้วกัน” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับบัญชา แค่กแค่ก—-“ หยุนเฉิงเซี่ยงตอบ
“ในเมื่อหยุนเฉิงเซี่ยงไม่สบาย ทหารส่งหยุนเฉิงเซี่ยงกลับไปพักผ่อนเถิด ขอเพียงอย่าส่งผลกระทบต่อการแข่งขันคัดเลือกก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
พอเห็นหยุนเฉิงเซี่ยงออกไป ซูกงกงถามขึ้นทันทีว่า “ฝ่าบาท เหตุใดท่านต้องให้หยุนเฉิงเซี่ยงจัดการด้วยเล่า?”
ดวงตาดำขลับคมปลาบของฮ่องเต้หรี่ลงเล็กน้อย “เมื่อก่อน การคัดเลือกของหอเทพเซียนทุกปีนั้น คนของแคว้นต้าเยียนมักจะแพ้อีกสามแคว้น ปีนี้ข้าคิดจะให้หยุนถิงเข้าร่วม แต่นิสัยของหยุนถิงนั้นคงไม่เห็นด้วยแน่ แต่ถ้าหยุนเฉิงเซี่ยงรับผิดชอบจัดการแข่งขัน ในฐานะลูกสาวนางต้องแบ่งเบาภาระบิดาตนแน่”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง!” ซูกงกงบอกอย่างเลื่อมใส
หยุนเฉิงเซี่ยงที่ออกจากพระราชวัง อดบ่นในใจไม่ได้ว่า จิ้งจอกเฒ่าอย่างฮ่องเต้นี่กล้าคิดดึงถิงเอ๋อร์ลงมาร่วมด้วย ช่างชั่วร้ายจริงๆ