จอมนางข้ามพิภพ บทที่289 หรือว่าเจ้าชอบเขา
กลางดึกแถมยังเป็นที่รกร้างแถวชานเมือง ตอนนั้นก็มีเพียงนางกับหยุนถิงเท่านั้น ไม่ใช่หล่อนช่วยตัวเองแล้วจะเป็นใคร
เพียงแต่ว่าเหตุใดนางถึงช่วยตัวเอง นางควรเกลียดตัวเองมากไม่ใช่หรือ และฉวยโอกาสฆ่าตัวเองเพื่อปิดปากไม่ใช่หรือ
“ไม่งั้นล่ะ” หยุนถิงถามกลับ
“ทำไมเจ้าถึงช่วยข้า?” ชางหยุนสี่สับสน
“ก็ต้องเป็นเพราะเห็นแก่หน้าชางหลันเย่อยู่แล้ว มิฉะนั้นต่อให้เจ้าถูกข่มขืนแล้วฆ่าข้าก็จะไม่สอดรู้สอดเห็น” หยุนถิงทำเสียงเชอะ
ทันใดนั้นชางหยุนสี่ก็รู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม โกรธจนหน้ามืดครึ้ม: “เจ้ากับเสด็จพี่ไท่จื่อของข้าเป็นอะไรกันแน่ หรือว่าเจ้าชอบเขา?”
คำเดียว ข้าวที่หยุนถิงกินเข้าปากก็พุ่งออกมา จ้องมองชางหยุนสี่ด้วยความโกรธ: “เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้า”
จากนั้นหยุนถิงก็เห็นสีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นลงเล็กน้อย และรีบอธิบาย: “ซื่อจื่อ นางใส่ร้ายข้า ข้ากับชางหลันเย่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย ข้าก็แค่เห็นเขาถูกขันทีพวกนั้นรังแก จึงช่วยเขาไปหลายครั้ง แค่นี้จริงๆ”
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ผ่อนคลายลง สีหน้านิ่งเฉย: “ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย เจ้าตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม”
หยุนถิงมองเขาด้วยความงุนงง: “แล้วทำไมเจ้าถึงขมวดคิ้ว?”
“ข้าแค่รู้สึกว่ารสชาติของโจ๊กนี้พิเศษไปหน่อย” จวินหย่วนโยวตอบ
หยุนถิงกลอกตา: “ตกใจหมดเลย ข้านึกว่าท่านจะหึงอีกแล้ว”
ชางหยุนสี่ที่มองดูฉากนี้อยู่ข้างๆ ก็ตกตะลึงเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าหยุนถิงที่ยโสโอหังมาโดยตลอดนั้นจะกลัวจวินซื่อจื่อหึงขนาดนี้ เห็นท่าทางที่ขี้ขลาดของนางในเมื่อครู่นั้น ชางหยุนสี่ก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก
ชางหยุนสี่เดิมทีที่รู้สึกกลัวและโกรธเล็กน้อยนั้น จู่ๆก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เดินไปนั่งลงโดยตรง ไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนนอกสักนิดเลย: “ข้าก็จะกินโจ๊กเหมือนกัน”
“กินโจ๊กไม่รู้จักไปตักเองหรือ ไม่ใช่ว่าไม่มีมือสักหน่อย” หยุนถิงพูดอย่างหมดคำพูด
“เจ้า——” ชางหยุนสี่โกรธแทบตาย แต่เมื่อเห็นว่าสามคนนี้นางเองก็สั่งไม่ได้จริงๆ ท้องก็หิวมากแล้ว ทำได้เพียงไปตักมาชามหนึ่งเองด้วยความโกรธ
“ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากลับไปไม่ได้ ข้าจะไม่มีวันกินโจ๊กของเจ้าแน่นอน” ชางหยุนสี่พูดด้วยความโกรธ ยกขึ้นมาแล้วกินไปคำหนึ่ง
เป็นโจ๊กธรรมดาที่ใส่หมูหยองอยู่ด้านในเท่านั้น แต่รสชาติกลับดีมากๆ อร่อยกว่าที่นางเคยกินในแคว้นชางเยว่ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้นางอึ้งมาก
“นังหนู ฝีมือของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ที่ที่รกร้างอะไรแบบนี้เจ้าก็ยังสามารถทำของรสชายอร่อยเช่นนี้ออกมาได้ ไม่เลวเลยจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าเสนอของว่างเยอะขนาดนั้นในแคว้นต้าเยียน ล้วนเป็นที่นิยมมาก” คงอู๋ไต้ซืออดไม่ได้ที่จะพูดชื่นชม
“แหม ไต้ซือเรื่องนี้ท่านก็รู้ด้วยหรือ?” หยุนถิงถามอย่างคาดไม่ถึง
“แม้ว่าข้าจะอยู่ในที่ไม่ค่อยมีคนเช่นนี้ แต่เรื่องด้านนอกข้างล้วนรู้อย่างชัดเจนหมด”
“แสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อน” ชางหยุนสี่พูดอย่างดูถูก
คงอู๋ไต้ซือชำเลืองมองนาง: “แม่นาง ชะตากรรมของเจ้าไม่ดี มีความดุร้ายมากเกินไป แม้จะเกิดมาในฐานะที่ร่ำรวย แต่วาสนารักกลับไม่ดี แต่งงานสามครั้งก็หย่าสามครั้ง และจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนถึงตาย ตายในต่างแดน”
ชางหยุนสี่ฟังจนหน้ามืดครึ้มไปหมด แและจ้องมองมาอย่างโกรธ: “ไอ้หลวงจีนแก่ เจ้ากล้าสาปแช่งข้า รนหาที่ตายชัดๆ!” ว่าแล้วนางก็โจมตีคงอู๋ไต้ซือ
คงอู๋ไต้ซือไม่แม้แต่จะขยับตัว สะบัดแขนเสื้อเบาๆ ละลายพลังฝ่ามือของนางไป
หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: “น่าเวทนาจริงๆ ไต้ซือมีวิธีแก้ไขหรือไม่?”
“เจ้า”
“ข้า?” หยุนถิงขมวดคิ้ว
“เจ้าก็คือคนที่มาช่วยพลิกชีวิตของนาง หากต้องการแก้ไข ต้องมีเจ้าค่อยช่วยเหลือ” คงอู๋ไต้ซือตอบ
“ข้าช่วยนาง?”
“ข้าไม่เห็นอยากได้ความช่วยเหลือของนางเลย หลวงจีนเจ้าพูดแต่เรื่องไร้สาระ ข้าเป็นองค์หญิงที่เสด็จพ่อโปรดปรานที่สุด และในอนาคตก็ต้องเป็นคนเหนือคน จะเป็นอย่างที่เจ้าพูดไม่ได้แน่นอน” ชางหยุนสี่โต้กลับ
“จริงหรือไม่ เวลาจะพิสูจน์ทุกสิ่ง” คงอู๋ไต้ซือพูดจบ มองดูนกจำนวนมากที่บินอยู่นอกกระท่อมมุงจาก สีหน้าตึงเครียด
“ลมพัดแล้ว ข้าก็ควรไปแล้ว เจ้าหนูจวินระวังตัวด้วย!” หลังจากสิ้นเสียงลง คงอู๋ไต้ซือก็บินจากไป
เพียงแค่ในชั่วพริบตา ก็หายเข้าไปในป่า
จวินหย่วนโยวเงยหน้าขึ้นมองหยุนถิง: “พวกข้าก็ควรไปแล้ว”
“อืม”
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวลุกขึ้นและจะจากไป ชางหยุนสี่โกรธมาก แต่ก็ทำได้เพียงตามไป เพราะในที่รกร้างเช่นนี้ หากมีสัตว์ป่าหรือพวกคนร้ายล่ะ
หลงเอ้อยกหม้อโจ๊กที่ฮูหยินต้มไปด้วยทั้งหม้อเลย จะกินทิ้งกินข้างไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เดินออกจากป่า ก็เห็นชางเยว่หมิงกับโม่ฉีเฟิงและคนจำนอนมากกำลังเดินไปมาอยู่นอกป่า
“พี่รอง ข้าอยู่นี่!” ชางหยุนสี่ตะโกนราวกับว่าเห็นผู้ช่วยชีวิต
ชางเยว่หมิงเห็นว่านางออกมาพร้อมกับหยุนถิงและจวินหย่วนโยว ก็โกรธมาในทันที: “หยุนถิง เจ้าเป็นคนจับน้องสี่ของข้ามาที่นี่หรือ ทหาร ห้ามพวกเขาเอาไว้!”
สีหน้าของชางเยว่หมิงเย็นจนน่ากลัว: “รนหาที่ตายชัดๆ!”
เมื่อเสียงสิ้นลง ชายชุดดำหลายสิบคนก็บินลงมาจากฟ้า ล้อมคนของชางเยว่หมิงเอาไว้หมด
สีหน้าของชางเยว่หมิงตึงเครียด คิดไม่ถึงว่าจวินหย่วนโยวจะพาคนเยอะขนาดนี้มาด้วย เขาเองก็รู้ว่าองครักษ์เงามังกรนั้นค่อยติดตามจวินหย่วนโยวตลอดอยู่แล้ว หากสู้กันจริงๆ องครักษ์พวกนี้ของเขาคงสู้ไม่ได้
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันและกัน จู่ๆหยุนถิงก็เอ่ยว่า:”องค์ชายรองตอบแทนพระคุณด้วยความแค้นเช่นนี้หรือ?”
“อบแทนพระคุณด้วยความแค้น เจ้ามีพระคุณต่อข้าเมื่อไหร่กัน?” ชางเยว่หมิงสับสน
“พี่รอง เจ้ารีบให้คนถอยไป หยุนถิงเป็นคนช่วยข้าไว้เอง” ชางหยุนสี่รีบวิ่งมาทันที
“หยุนถิงช่วยเจ้า เป็นไปได้อย่างไร?” ชางเยว่หมิงไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องจริง หากไม่ใช่เพราะนาง ตอนนี้ที่เจ้าเห็นคงเป็นศพข้าแล้ว” ชางหยุนสี่พูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ
ฟังเอาชางเยว่หมิงโกรธยิ่งนัก: “เป็นไอ้สารเลวคนไหนที่กล้าคิดร้ายต่อน้องสี่ของข้า เจ้าไว้ใจ พี่รองจะจับคนร้ายให้ได้ แล้วสับมันให้เป็นชิ้นๆแก้แค้นแทนเจ้า”
“ขอบคุณพี่รอง”
ชางเยว่หมิงจ้องมององครักษ์เหล่านั้นด้วยความโกรธ: “ยังไม่รีบหลีกไปอีก เมื่อครู่ข้าขอโทษยิ่งนัก จวินซื่อจื่อและคุณหนูหยุนได้โปรดอย่าถือสากันเลย ข้าเองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสี่ ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร คราวหน้าองค์ชายรองก็ถามให้ชัดเจนก่อนลงมือจะดีกว่า ครั้งนี้เห็นแก่หน้าชางหลันเย่ ข้าและซื่อจื่อไม่ถือสากับพวกท่าน หากมีครั้งนั้น ท่านก็รอเก็บศพให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้ของท่านเถอะ” !” หยุนถิงกล่าวอย่างดุดัน
ชางเยว่หมิงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และในขณะเดียวกันในใจก็เกลียดชางหลันเย่มากยิ่งขึ้น ทำไมมาถึงแคว้นต้าเยียนเขายังต้องดูสีหน้าของตัวประกันคนหนึ่งด้วย แม้ในใจของชางเยว่หมิงจะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา
เพราะเขารู้ดีว่า คนของเขาไม่ใช่ผู้ต่อสู้ขององครักษ์เงามังกร
เมื่อเห็นหยุนถิงและจวินหย่วนโยวขึ้นรถม้าและจากไปแล้ว ชางเยว่หมิงจึงค่อยรู้สึกโล่งอกลง
“พี่รอง พวกข้ารีบกลับกันเถอะ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่” ชางหยุนสี่พึมพำ
“เดี๋ยวก่อน อุตส่าห์มาวัดชิงหยุนแล้ว ข้าได้ยินมาว่าคงอู๋ไต้ซือเป็นผู้ก่อตั้งของวัดชิงหยุน พวกข้าไปเยี่ยมหน่อย” ชางเยว่หมิงแนะนำ
“อืม” แน่นอนว่าชางหยุนสี่เองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของคงอู๋ไต้ซืออยู่แล้ว