จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 296 ใครก็อย่าคิดจะแตะต้องฮูหยินของข้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 296 ใครก็อย่าคิดจะแตะต้องฮูหยินของข้า

ผู้อาวุโสทั้งสามท่านของหอเทพเซียน รวมไปถึงมู่เซียวเซียวตกใจมาก หากมู่ว่านว่านเป็นอะไรไปจริงๆ ท่านพ่อต้องลงโทษนางอย่างแน่นอน

ดีที่ท่านเจ้าหอแห่งหอเทพเซียนได้รับจดหมาย และพาคนเร่งเดินทางมา

“ท่านพ่อ ช่างดีจริงๆที่ท่านมาแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากงานเลี้ยงในวังคืนนั้นน้องสาวก็ล้มป่วย สุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ ข้ากับผู้อาวุโสทั้งหลายตรวจดูแล้วแต่กลับไม่พบสาเหตุการป่วย” มู่เซียวเซียวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด

ท่านเจ้าหอเทียนบาฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รีบจับชีพจรให้มู่ว่านว่านทันที จากนั้นก็ฝังเข็มอังความร้อนให้นาง เขียนใบสั่งยา บรรดาผู้อาวุโสถือใบสั่งยาไปซื้อยามาต้มด้วยตัวเอง

ผ่านไปสามวันติดต่อกัน มู่ว่านว่านไม่เพียงไม่ดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับหายใจรวยริน คนทั้งคนแม้แต่ยาน้ำก็ดื่มไม่ลง

ทีนี้มู่เทียนบาเป็นกังวลอย่างมาก เขารีบเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันที อธิบายเหตุผลต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้ส่งหมอหลวงทั่วทั้งโรงหมอหลวงไปช่วยรักษาให้กับมู่ว่านว่าน แต่ก็ยังหาสาเหตุของอาการป่วยไม่พบ และไม่ดีขึ้นเลย ซึ่งทำให้ทุกคนเป็นกังวลอย่างมาก

“เจ้าบอกว่าว่านว่านถูกหยุนถิงทำร้ายหรือ?” มู่เทียนบาบันดาลโทสะ

“ใช่แล้วท่านพ่อ หากคุณหนูหยุนไม่ยืนกรานบีบบังคับให้ว่านว่านดื่มสุราถ้วยนั้นให้ได้ บางทีว่านว่านก็อาจจะไม่ล้มป่วย น้องสาวไม่เคยดื่มสุรามาก่อน” มู่เซียวเซียวกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูสงสารและเป็นห่วงอย่างมาก

“บัดซบ ถึงกับกล้าทำร้ายลูกสาวของข้ามู่เทียนบา แถมยังทำให้หอเทพเซียนอับอายครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าหอเทพเซียนของข้าไร้คนมีความสามารถจริงหรือ เด็กๆ ตามข้าไปที่จวนซื่อจื่อ!” มู่เทียนบาคำรามด้วยความโกรธ ก้าวเท้าก็เดินจากไป

ผู้อาวุโสรองอยู่ดูแลมู่ว่านว่าน คนอื่นๆล้วนติดตามมู่เทียนบาออกไป

กลุ่มคนของหอเทพเซียนมุ่งหน้าไปยังจวนซื่อจื่ออย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทุกคนบนท้องถนนล้วนตื่นตกใจ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ บางคนใจกล้าจนถึงกับติดตามดูความครึกครื้นอยู่ด้านหลัง

จวนซื่อจื่อ

โม่ฉือชิงมองดูหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความสอดรู้สอดเห็นทันที: “พวกเจ้าสองคนได้ยินหรือยัง อาการป่วยของมู่ว่านว่านร้ายแรงมาก หยุนถิงเจ้าพูดมาตามตรง เจ้าแอบลงมือต่อมู่ว่านว่านใช่ไหม?”

มุมปากของหยุนถิงยกเป็นมุมโค้งเล็กน้อย: “ครั้งนี้ท่านเดาผิดไปแล้วจริงๆ ข้าไม่ได้แอบลงมือทำอะไรเลย”

“คำพูดของเจ้าจะหลอกใครได้ ข้าไม่เชื่อหรอก เจ้าวางยาพิษไปในสุราถ้วยนั้นใช่หรือไม่?” โม่ฉือชิงซักไซ้

สำหรับหยุนถิงที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมาตลอด นางริเริ่มดื่มสุราคารวะก่อน ต้องมีอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน

“ปัญหาอยู่ที่สุราถ้วยนั้นจริงๆ แต่ข้าไม่ได้วางยาพิษ อีกฝ่ายเป็นถึงหอเทพเซียน หากในสุรามีพิษจริงๆ ท่านคิดว่ามู่เซียวเซียวจะไม่สังเกตเห็นหรือ อันที่จริงข้าแค่ยืมสำนวนหนึ่งมาใช้เท่านั้น: ตีตนไปก่อนไข้”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“ที่ข้าขอพญาอินทรีตัวนั้นกับฝ่าบาท ก็เพราะว่ามันดูคล้ายกับอินทรีทอง คนทั่วไปสามารถดูออก แต่สำหรับมู่ว่านว่านที่ตกใจกลัวอินทรีทองแล้ว นางแยกแยะได้ยากมาก

ข้าไปสำรวจเส้นทางที่อุทยานเอาไว้ล่วงหน้า แขวนอินทรีเอาไว้บนเสาที่อยู่ตรงหน้ามู่ว่านว่าน ผ่านหลักการหักเหของภาพสะท้อน ก็จะทำให้เงาของพญาอินทรีปรากฏขึ้นมาในถ้วยสุราของนางพอดี เช่นนี้ตัวมู่ว่านว่านก็จะตื่นตระหนกและหวาดกลัว นึกว่าอินทรีทองล้างแค้น” หยุนถิงอธิบาย

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง หยุนถิงเจ้าช่างร้ายกาจจริงๆ ต่อไปจะล่วงเกินใครก็อย่าได้ล่วงเกินเจ้าเลย มิเช่นนั้นก็จะเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง” โม่ฉือชิงทอดถอนใจ

“รู้ก็ดีแล้ว”

บ่าวรับใช้คนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความตื่นตระหนก: “ซื่อจื่อ ท่านเจ้าหอแห่งหอเทพเซียนขอเข้าพบ บอกว่าต้องการจะพบฮูหยิน”

“พาพวกเขาไปที่ห้องโถงเถอะ!” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก

“ขอรับ”

จากนั้นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังห้องโถง โม่ฉือชิงก็ตามไปดูความครึกครื้นเช่นกัน

มู่เทียนบาพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา เห็นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเดินออกมา รู้สึกตกใจทันที ในตอนที่เห็นใบหน้าของหยุนถิงชัดเจน คนทั้งคนของมู่เทียนบาตกตะลึงไป

เขาย่อมเคยเห็นสาวงามมานับไม่ถ้วนอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะมีหน้าตางดงามเช่นนี้

ในอดีตใบหน้าของหยุนถิงดำมืดราวกับถ่าน ตอนนี้งดงามน่าทึ่ง งามล่มชาติล่มเมือง รูปร่างก็ยิ่งเย้ายวนมีเสน่ห์ ทำให้มู่เทียนบารู้สึกประหลาดใจจริงๆ ถึงขั้นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยด้วยซ้ำ

จวินหย่วนโยวมองดูมู่เทียนบาจ้องมองหยุนถิงเช่นนี้ สะบัดแขนเสื้ออย่างแรง จู่โจมไปทางมู่เทียนบาทันที

รู้สึกถึงกระแสอากาศที่อันตรายจู่โจมมาด้านหน้า มู่เทียนบารีบหลบออกไปทันที แต่ก็ยังช้าไปเล็กน้อย แขนเสื้อถูกตัดออกไปครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตา

“จวินหย่วนโยวนี่คือวิถีการต้อนรับแขกของเจ้าหรือ?” มู่เทียนบาคำรามด้วยความโกรธ

“ท่านเจ้าหอจ้องมองฮูหยินของข้าเช่นนี้ ต้องการจะรนหาที่ตายหรือ!” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว

มู่เทียนบาถูกเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชน สีหน้ากระดากอายอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย แค่ชั่วพริบตาสีหน้าของมู่เทียนบาก็กลับคืนสู่ปกติ

“ได้ยินมาว่าคุณหนูหยุนดื่มสุรากับลูกสาวของข้า ถึงได้ทำให้นางล้มป่วยลง เรื่องนี้หากคุณหนูหยุนไม่ให้คำอธิบายต่อหอเทพเซียนของข้า ข้าจะไม่ยอมง่ายๆเด็ดขาด!” มู่เทียนบากล่าวด้วยความโกรธเคือง

“ลูกสาวของเจ้าล้มป่วยเกี่ยวอะไรกับฮูหยินของข้า หากท่านเจ้าหอก่อความวุ่นวายสุ่มสี่สุ่มห้าก็อย่ามาโทษที่ข้าไม่เกรงใจเจ้า!” เสียงของจวินหย่วนโยวเย็นชา แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมและเด็ดขาด ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกตัวสั่นแม้จะไม่หนาว

องครักษ์เงามังกรปรากฏตัวขึ้นมาทันที เงาร่างสิบกว่าเงาลอยลงมาจากท้องฟ้า ล้อมรอบมู่เทียนบาและคนอื่นๆเอาไว้ ต่างก็พากันชักกระบี่เข้าใส่

มู่เทียนบาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย: “จวินซื่อจื่อ นี่เจ้าต้องการจะเปิดศึกกับหอเทพเซียนหรือ?”

“ใช่แล้วอย่างไร หากใครกล้าแตะต้องฮูหยินของข้า ถึงแม้ต้องใช้กำลังทั้งหมดขององครักษ์เงามังกร ข้าจะทำให้มันตายก็ตายไม่ได้ อยู่ก็อยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน ข้าจะไม่มีทางยอมให้หยุนถิงได้รับความคับข้องใจแม้แต่น้อยนิดเด็ดขาด!” จวินหย่วนโยวปกป้องเมียอย่างแสดงอำนาจ

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ผู้อาวุโสสองท่านกับมู่เซียวเซียวที่ติดตามมาล้วนตกใจแย่แล้ว รู้สึกถึงสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มู่เซียวเซียวรีบร้อนเอ่ยปาก

“ท่านพ่อ บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดกัน ขอจวินซื่อจื่อโปรดอย่าได้โกรธไป พ่อข้าก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาวมากเกินไปเท่านั้น ถึงได้บุ่มบ่ามเช่นนี้ ขอซื่อจื่อโปรดอย่าได้ถือสา สถานการณ์ของน้องสาวร้ายแรงมากจริงๆ เราเองก็ไม่มีทางเลือก ถึงได้มาสอบถามสถานการณ์กับคุณหนูหยุนที่จวนซื่อจื่อ”

“ในเมื่อมาสอบถาม เช่นนั้นก็ควรจะมีท่าทีของการสอบถาม ระดมกำลังคนมามากมายเช่นนี้ คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าหอเทพเซียนพวกท่านต้องการจะมาหาเรื่องที่จวนซื่อจื่อเสียอีก” หยุนถิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

สีหน้าของมู่เทียนบาไม่น่าดูมากขึ้นเล็กน้อย แต่เขาเองก็รู้ว่า ที่นี่คือจวนซื่อจื่อ และยังมีองครักษ์เงามังกร หากลงมือกันขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าเขาคงไม่ได้รับผลดีใดๆ

“ได้ยินมาว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูหยุนยอดเยี่ยม ชำนาญการรักษาโรคที่รักษายากที่สุด หากคุณหนูหยุนยอมช่วยน้องสาวของข้า หอเทพเซียนจะต้องตอบแทนอย่างงามแน่นอน” มู่เซียวเซียวถาม

“ข้าไม่ยินดี” หยุนถิงปฏิเสธเสียงเย็นชา

ถูกปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน มู่เทียนบาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองกล่าวขึ้นมาว่า: “ลูกสาวของข้า ข้าช่วยเองเซียวเซียวไม่ต้องไปขอร้องนาง!”

“ถ้าหากท่านเจ้าหอมีความสามารถขนาดนี้ เกรงว่าวันนี้คงไม่มาที่จวนซื่อจื่อแล้ว ข้ามีวิธีช่วยมู่ว่านว่านได้จริงๆ”

“วิธีอะไร?” สีหน้าของมู่เทียนบาตึงเครียด

“ข้าได้ยินมาว่าหอเทพเซียนมีหญ้าเถาวัลย์ที่มีอายุนับพันปีต้นหนึ่ง หากท่านเจ้าหอยอมตัดใจ เช่นนั้นข้าก็จะรักษามู่ว่านว่าน” หยุนถิงเอ่ยปากโดยตรง

“เป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นถึงสมบัติล้ำค่าที่สุดของหอเทพเซียนข้า!” มู่เทียนบาปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านเจ้าหอก็รอเก็บศพลูกสาวของท่านเถอะ!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท