จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 314 ซื่อจื่อท่านลามกเกินไปแล้วนะ
พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วสบาย เป็นธรรมชาติ ปล่อยไปตามใจเช่นนี้ ประหนึ่งสามีภรรยาทั่วไป ถึงโม่ฉือหานจะไม่อยากยอมรับ แต่เขาอิจฉาจริงๆ
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วมิรู้ว่าเมื่อใด เขาก็อยากมีสตรีผู้หนึ่งที่รักกันและกันอย่างจริงใจ ไม่สนใจฐานะตำแหน่ง สนใจเพียงตนเองสักคน เขากับนางรักใคร่ปรองดอง อยู่กันอย่างผาสุก จับมือแก่เฒ่าไปด้วยกัน—-
แต่โม่ฉือหานรู้ดีว่า นั่นคือฝันกลางวัน เขาคือหลีอ๋องแห่งแคว้นต้าเยียน ยังเป็นน้องชายแท้ๆของฝ่าบาทด้วย ฐานะเช่นนี้ย่อมกำหนดไว้แล้วว่า เขาไม่เชื่อผู้ใด และยิ่งไม่เชื่อความรักอันจริงใจ
ต่อให้เมื่อก่อนหยุนถิงตามขอความรักเขาจนกลายเป็นเรื่องตลกนานาชนิด เพราะทำให้เขากลายเป็นเรื่องขบขันและหัวข้อสนทนาของแคว้นต้าเยียน โม่ฉือหานเลยไม่เคยเชื่อความรักอันจริงใจที่หยุนถิงมีต่อเขา
ตอนนี้เห็นบรรยากาศระหว่างนางกับจวินหย่วนโยวดูกลมกลืนเช่นนี้ โม่ฉือหานเสียใจยิ่งนัก
หากตอนนั้นตนยอมเชื่อนาง หากตนมิได้ทำกับนางเช่นนั้น หากตนให้เวลานางเพิ่มอีกหน่อย—
บางทีระหว่างพวกเขาคงมิได้เป็นจุดจบเช่นนี้กระมัง
น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก
สายตาโม่ฉือหานมีแววเจ็บปวด วินาทีนี้เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหยุนถิงเลือกจวินหย่วนโยว มิใช่ตน
เพลงหนึ่งเล่นจบ หยุนถิงลืมตาขึ้น ยื่นมือไปเด็ดใบไม้มาใบหนึ่ง เป่ามันออกมา
สายตาจวินหย่วนโยวมีแววยิ้มละไม ดีดพิณต่อไป เพียงแต่เสียงพิณของเขาสอดประสานกับเสียงเป่าใบไม้ของหยุนถิง
หลงเอ้อร์และหลิงเฟิงที่อยู่ข้างๆฟังอย่างประหลาดใจ ฝีมือการดีดพิณของซื่อจื่อพวกเขารู้ดี ไม่คิดว่าฮูหยินแค่เป่าใบไม้ก็สอดประสานกับเสียงพิณของซื่อจื่อแล้ว ฟังแล้วไม่รู้สึกเสียดแก้วหู กลับรู้สึกพิเศษนัก
หยุนถิงแกล้งเป่าให้เร่งร้อนขึ้นมา เสียงพิณของจวินหย่วนโยวกลับดีดเร็วขึ้นอีกหลายเสียง ส่วนหยุนถิงกลับแสร้งเป่าช้าเบาลง จวินหย่วนโยวรีบปรับเปลี่ยนตามนางผ่อนช้าลง—
ดังนั้นทั้งสองคนเลยสู้กันไปมา ไม่ว่าหยุนถิงจะเป่าอย่างไร จวินหย่วนโยวก็ประสานได้หมด เสียงเพลงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด
“ฮูหยินกับซื่อจื่อช่างเป็นคู่สร้างคู่สมกันจริงๆเลย!” หลงเอ้อร์ถอนหายใจยาว
“แน่นอนอยู่แล้ว ในโลกนี้มีเพียงฮูหยินเท่านั้นที่คู่ควรกับซื่อจื่อ และมีแต่ซื่อจื่อที่รักใคร่โปรดปรานฮูหยินคนเดียว!” หลิงเฟิงก็บอกเช่นกัน
ห่างไปไม่ไกล โม่ฉือหานฟังได้ยินชัดเจน ฟังพวกเขาเปลี่ยนทำนองไม่หยุด แต่ยังสอดประสานกันได้อย่างรู้ใจ ผสมผสานเข้าหากันและกัน ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดียิ่งนัก จึงหมุนตัวจากไป
จวินหย่วนโยวที่ดีดพิณอยู่ สายตาคมปลาบของเขาปรายไปทางที่โม่ฉือหานจากไป พลางยิ้มหยันมุมปากขึ้นมา
หลังจากประมือกันมาสักพัก ในที่สุดหยุนถิงก็ยอมแพ้ “ซื่อจื่อ ท่านรังแกข้า”
จวินหย่วนโยวหยุดดีดพิณ ลุกขึ้นเดินมาหา เขาที่ห่างเหินมาตลอดนั่งลงข้างหยุนถิงอย่างไม่แยแสเลยสักนิด
“ข้ารังแกเจ้าอย่างไรรึ?”
“ข้าใช้ใบไม้ ท่านใช้พิณโบราณ นี่ไม่เรียกว่ารังแกรึ?” หยุนถิงแสร้งถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธขึ้ง
พื้นหญ้าเขียวขจี แสงตะวันสาดส่อง จวินหย่วนโยวในตอนนี้นั่งย้อนแสง ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเขานั้นยิ่งหล่อเหลาคมคาย ราวกับเทพเซียน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็รังแกกลับมาสิ!” จวินหย่วนโยวหัวเราะแผ่วเบา นอนลงทันที สองแขนกางออก ทำท่าทางยอมให้เจ้าทุกอย่าง
“ซื่อจื่อ ท่านลามกเกินไปแล้วนะ ใครเขาจะรังแกกลับแบบนี้กัน” หยุนถิงบ่น
“ข้าเข้าใจผิดแล้ว เจ้าว่ามาสิ ข้ายอมให้เจ้าลงโทษได้ตามใจเลย” จวินหย่วนโยวยอมร่วมมือโดยดี
“งั้นท่านช่วยข้าแคะขี้หูแล้วกัน ระยะนี้ค่อนข้างคันหู”
“ตกลง” จวินหย่วนลุกขึ้นนั่ง
หยุนถิงหยิบไม้แคะหูออกมาจากในกระเป๋าที่พกติดตัว “ใช้สิ่งนี้ นี่เปล่งแสงได้เองนะ แบบนี้ถึงใส่เข้าไปในหูก็สามารถมองเห็นได้ จะไม่ได้ทำให้หูเจ็บด้วย”
จวินหย่วนโยวมองของแปลกประหลาดนี้ ยื่นมือมาจับเล่น “นี่ก็เป็นของจากโลกของพวกเจ้ารึ?”
“แน่นอน พวกเรายังมีมือถือ ไอแพด ห้าง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ประเด็นสำคัญคือยังมีไนท์คลับ ผับ หลังอาหารเย็น หนุ่มหล่อสาวสวยล้วนไปผ่อนคลายกัน ครึกครื้นอย่างมาก ถ้าเจอใครที่ชอบพอ ยังขอแอดวีแชทได้ ไม่แน่อาจจะได้อยู่ด้วยกันก็ได้” หยุนถิงคิดๆแล้วก็คิดถึงวันเวลาในยุคปัจจุบันจริงๆ
จวินหย่วนโยวกลับคิ้วขมวดมากขึ้น คงอู๋ไต้ซือเคยพูดไว้ว่าไร้หนทางยับยั้ง และไม่มีหนทางให้นางอยู่ต่อ ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
วินาทีต่อมา จวินหย่วนโยวพลันกอดหยุนถิงไว้แน่น และกดนางลงพื้นหญ้า
“ชาตินี้ห้ามจากข้าไปไหนเด็ดขาด!”
น้ำเสียงทรงอำนาจ แข็งกล้า ห้ามปฏิเสธ
พอสบตากับดวงตาดำขลับทุ้มลึกที่งดงามของจวินหย่วนโยว ประหนึ่งทางช้างเผือก หยุนถิงหัวเราะคิก “ซื่อจื่อ ท่านไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ดอก ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง อันที่จริงต่อให้ข้าอยากกลับ ก็ไม่รู้จะกลับไปอย่างไรอยู่ดี”
“งั้นเจ้ายังอยากกลับไปรึ?” จวินหย่วนโยวถามเสียงเย็น
“เปล่า แค่คิดถึงเท่านั้น ตอนพึ่งมาที่นี่ข้าเคยคิดอยากกลับไป แต่ตอนนี้มีซื่อจื่ออยู่เคียงข้าง ข้าก็ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นแล้ว” หยุนถิงตอบตามตรง
จวินหย่วนโยวก้มหน้าลงไปจุมพิตริมฝีปากหยุนถิง สกัดคำพูดที่เหลือของนาง
การกระทำอ่อนโยนแผ่วเบา เกลียวตวัด แฝงความรักลึกซึ้งของเขา
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่า ยามเขาได้ยินว่านางอยากกลับไปนั้น หัวใจเขาปวดหนึบยิ่งนัก
นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้ว่าหยุนถิงมิใช่คนของโลกนี้ ก็มักจะหวาดกลัวว่า วันใดหยุนถิงจะหายตัวและจากไป
เขาเคยชินกับการคงอยู่ของหยุนถิงแล้ว และคุ้นชินกับกลิ่นอายของนาง รสชาติของนาง ความเคยชินของนาง หากจู่ๆนางก็จากไป จวินหย่วนโยวไม่อาจคิดได้เลย น่ากลัวว่าโลกของเขาทั้งใบคงจะมืดบอดแล้วกระมัง
เพราะหยุนถิงเป็นทุกอย่างของเขา
หยุนถิงรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนของซื่อจื่อ พลันนึกถึงตอนดีดพิณเมื่อครู่ เธอออกแรงผลัก ผลักจวินหย่วนโยวออกไป จากนั้นพลิกตัวขึ้นทับร่างจวินหย่วนโยวแทน
“ซื่อจื่อ อย่าเอาคิดจะกดข้าสิ ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นข้ากดทับท่านบ้างนะ” หยุนถิงบอกอย่างเจ้าเล่ห์
“ได้ ข้ายอมถูกเจ้ากดทับชั่วชีวิต ไปถึงชาติหน้า ชาติต่อไปด้วย” น้ำเสียงทุ้มนวลของจวินหย่วนโยวลอยมา มือใหญ่คว้าหมับแขนหยุนถิง จากนั้นออกแรงดึง
ตัวหยุนถิงล้มลงมา ประจวบเหมาะริมฝีปากของทั้งคู่กระทบกันพอดี
สี่สายตาประสาน พวกเขาเห็นตนเองในดวงตาอีกฝ่าย และยังเห็นความรักของอีกฝ่ายด้วย
หยุนถิงยิ้มออกมา และหลับตาลง จูบจวินหย่วนโยว
จวินหย่วนโยวพอใจยิ่งนัก มือใหญ่คว้าหมับท้ายทอยหยุนถิง เพิ่มความลึกซึ้งให้กับจูบนี้
ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ คนสองคนจุมพิตกอดกัน กลิ้งไปมา ประหนึ่งเด็กสองคนที่กำลังเล่นสนุกกัน
หลงเอ้อร์และหลิงเฟิงที่มองดูอยู่ไม่ไกลนักรีบหันหลังอย่างรู้งาน ต่างอิจฉายิ่งนัก เห็นซื่อจื่อกับฮูหยินรักใคร่กันเยี่ยงนี้ พวกเขาเองก็ดีใจนัก
บนต้นไม้ใหญ่ห่างไปไม่ไกล ร่างชุดดำร่างหนึ่งเห็นภาพเหล่านี้ทั้งหมด
เมื่อครู่โม่ฉือหานก็ไม่รู้ทำไม เดินไปแล้วยังย้อนกลับมาอีก สุดท้ายก็มาเห็นภาพทั้งสองพลอดรักกัน
เห็นหยุนถิงจุมพิตกับจวินหย่วนโยว โม่ฉือหานรู้สึกราวกับมีดาบแหลมคมแทงทะลุหน้าอกก็ไม่ปาน
หนึ่งดาบ หนึ่งดาบ หนึ่งดาบ —-
เจ็บราวกับหน้าอกเขากำลังเลือดออก โม่ฉือหานเหมือนได้ยินเสียงหัวใจแตกสลายของตนเอง
หากรู้เช่นนี้ คราแรกก็มิควร ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาทำตนเองทั้งนั้น