The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1120 – เทพอสูรกระดูกโรย

ตอนที่ 1120 - เทพอสูรกระดูกโรย

  แสงก้อนโลหิตได้แปลงกายเป็นชายแคระตัวเท่าฝ่ามือเท่านั้น

  ใบหน้าของคนตัวจิ๋วเห็นได้อย่างชัดเจนเขามีเขาสีดำสนิทแหลมคมเหนือศีรษะ มีเขี้ยวที่มุมปาก ดวงตานั้นแดงจนน่ากลัว มันคล้ายกับดวงตาของเซียนมณี

  ผู้เฒ่าตัวจิ๋วยืนมือไพล่หลังมองเซียนมณีหัวจรดเท้าด้วยความสนใจเขายิ้ม

  ใบหน้างดงามของหลินหลางเปลี่ยนไป

   เจ้าคือ…เทพอสูรกระดูกโรยหรือ? 

   หึหึเจ้ายังจำข้าได้สินะ 

  เทพอสูรกระดูกโรยแสยะยิ้ม

  ผู้คนที่ได้ยินตัวแข็งทื่อ!

  นั่นก็คือเทพอสูรรึ?ใบหน้าของคนเขตกลางที่ถูกขังในระยะแสนลี้ซีดด้วยความกลัว

  ดวงตาเซียนมณีเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนนางกำหมัดถาม

   ทำไมเจ้าถึงอยู่ในจิวโจว?ทำไมถึงเหลือแค่ดวงวิญญาณกับจิตวิญญาณเทพ? 

  มีความสงสัยอยู่ในแววตาของนางเต็มไปหมด

   เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ 

  เทพอสูรกระดูกโรยพูดเยาะ

  ทั้งสองมองกันโดยไม่มีใครเข้าใจความหมายทั้งสองมิได้มีความสัมพันธ์ของเผ่าพันธุ์เดียวกันที่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนเป็นคนใกล้ชิดที่คนนอกมิอาจยุ่งเกี่ยวได้เสียมากกว่า

   เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?จะอย่างไรเราก็รู้จักกันมานาน 

  หลินหลางวนดัชนีบนเส้นผมที่ยาวถึงหน้าอกด้วยครึ่งยิ้มบนใบหน้า

  สายตานางดูอันตราย

   หึหึเจ้าเองก็ไม่ได้สภาพดีไปกว่าข้า กายหยาบเลือนหาย เหลือแต่จิตวิญญาณเทพในร่างกายประหลาดนั่น    เทพอสูรกระดูกโรยพูดอย่างไม่แยแส

  ทั้งสองจ้องมองกันแม้แต่คนนอกก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ระเบิดมาจากทั้งคู่

  ด้วยเหตุนี้เซียนมณีจึงเลิกสนใจซือหยู นางจ้องมองเทพอสูรกระดูกโรยอย่างเย็นชา นางดูลังเลใจ

  เทพอสูรกระดูกโรยเพียงแสยะยิ้มราวกับว่าไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

  เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะหันดาบเข้าหากันเทพอสูรกระดูกโรยดูจะสัมผัสบางอย่างได้ เขามองไปยังขอบนภาด้วยสายตากังวล

  เขาพูดอย่างหม่นหมอง

   ข้าจะพูดกับเจ้าตรงๆ ข้ามาที่นี่เพื่อหนีมือสังหารที่ไล่ล่าข้า พวกมันมาถึงนอกจิวโจวแล้ว ข้าต้องใช้ประตูมิติเทวะเพื่อหนีไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดเพื่อหาที่ซ่อน ถ้าเจ้าไม่อยากให้พวกมันหาเจ้าเจอ เจ้าก็ควรจะหนีไปให้เร็วที่สุดเช่นกัน 

  เมื่อเขาพูดจบเขาก้าวถอยและบินไปยังประตูมิติ เขามองหลินหลางไม่วางตา

   ใครกันที่มาตามล่าเจ้า? 

  หลินหลางชักสีหน้า

  เทพอสูรกระดูกโรยมองขอบนภาอีกครั้งสีหน้าเขายิ่งกังวลหนักกว่าเดิม

   จะมีใครอีกเล่าที่เจ้าคิดว่าจะตามล่าเทพอสูร? 

   พวกมันรึ? 

  หลินหลางระแวง

  เทพอสูรกระดูกโรยกล่าว

   จะเชื่อข้าหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า!ข้าจะหนีไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ถ้าเจ้าปรารถนาความตายก็จงนั่งรออยู่ที่นี่เสีย อย่าลากข้าไปตายกับเจ้า! 

  ขณะที่เขาพูดเขาเรียกแก้วออกมาหลายดวงเพื่อเตรียมจะใช้ประตูมิติเทวะ

  หลินหลางชักสีหน้าเพียงครู่สั้น ๆ นางส่ายหน้าและตะโกนอย่างเยือกเย็น   จะอย่างไรข้าก็ปล่อยเจ้าไปกับเขาไม่ได้! 

  ฟึ่บ!

  นางไม่คิดเป็นครั้งที่สองก่อนจะซัดพลังออกไปนางซัดมือลงไปที่พื้น พลังตกลงไปใกล้จุดที่ซือหยูยืนอยู่

   โง่เง่า! 

  เทพอสูรกระดูกโรยไม่พอใจนักเขาแตกมือซ้าย มิติที่ถูกปิดตายในระยะแสนลี้พังทลายลง เขาคว้าชุดของซือหยูด้วยมือขวาและช่วยให้ซือหยูหลบพลังของนาง

  ไม่นานก็มีเส้นหนวดสีเลือดพุ่งออกมาจากผิวกายของเขามันคมราวกับแส้ยาว เขาฟาดมันลงบนอากาศ มิติในเขตกลางแตกสลายไปหลายส่วน

  รอยแยกมิติดูดกลืนพลังของเซียนมณีเข้าไปแต่ครึ่งเมืองเขตกลางก็มิอาจเลี่ยงความวิปโยคเมื่อถูกวายุมิติกลืนกิน ความตายเกินขึ้นมากมาย  ก่อนที่เทพอสูรกระดูกโรยจะใช้พลังอีกครั้งหลินหลางถอนหายใจแรง ฟันสีเงินของนางเปล่งแสงอันเย็นยะเยือก

   เจ้าอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดนะเงาเทพของเจ้าก็แตกดับไปด้วยรึ! ฮ่าฮ่า โชคเข้าข้างข้า! ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะมีชะตาเช่นนี้! 

  ตู้ม!

  ท้องนภาแบ่งแยกร่างใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นมา มันสูงหมื่นศอก เป็นกายหยาบที่ชัดเจน มันคือเทพอสูรที่ตัวแดงทั้งตัว

  ซือหยูเบิกตากว้างนั่นมัน…นั่นมันร่างจริงของเทพอสูรมณีที่ถูกผนึกอยู่ในหอคอยไม่ใช่รึ? ทำไมมันถึงปรากฏออกมาได้?

  แต่ไม่นานซือหยูก็พบว่ามันเป็นเพียงร่างเงาเทพเท่านั้น

  เทพอสูรจ้องมองเหล่าชีวิตเบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชาดวงตาสีเลือดของมันมองเทพอสูรกระดูกโรยอย่างหยามเหยียด

  เทพอสูรกระดูกโรยร่างกายเลือนหายไปหยดโลหิตสีทองหลายหยดหยดลงมาจากปาก

  โลหิตทองเหล่านี้คือโลหิตเทพที่มีจิตวิญญาณเทพแฝงอยู่!

  ซือหยูจ้องมองมันและเห็นว่ามีเลือดเทพสามหยดอยู่ที่พื้นแต่เขาก็ถูกเทพอสูรกระดูกโรยจับตัวอยู่ เขามิอาจไปเก็บเลือดออกมาได้ในเวลานี้

   หลินหลาง!เจ้าอยากจะสู้กับข้าให้ตายไปข้างหนึ่งงั้นเรอะ? 

  เทพอสูรกระดูกโรยตะโกนอย่างดุร้ายและเช็ดเลือดที่มุมปาก

  หลินหลางใบหน้าเยือกเย็นนางชิงชังเขาถึงกระดูก

   ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าข้าถึงตกมาอยู่ในสภาพนี้! ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ก่อนที่ข้าจะเป็นเทพ และพอได้เป็นเทพ ข้าก็ยังฆ่าเจ้าไม่ได้ ยามนี้ โอกาสมาถึงหน้าข้า ข้าจะปล่อยให้มันหลุดมือหรือ?    หลินหลางซัดพลังอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรเงาเทพบนท้องนภาขยับไปพร้อมกับร่างของนาง ทุกการเคลื่อนไหวทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในโลก ผืนดินในระยะล้านลี้ถูกดูดซับจนเหือดแห้งกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า

  แม้แต่เหล่าสิ่งมีชีวิตใต้ดินก็ถูกดูดพลังเข้าไปจนตาย

  เขตกลางที่เคยเป็นดินแดนรุ่งเรืองด้วยพลังวิญญาณกลับกลายเป็นพื้นที่ที่มิอาจบ่มเพาะพลังได้อีก

  เขตมหาสัตว์อสูรเองก็พบเจอกับชะตาแบบเดียวกัน

  เมื่อเจอพลังของเงาเทพเทพอสูรกระดูกโรยมิอาจทนไหวอีกต่อไป หยดเลือดสีทองไหลมาที่ลำคอของเขาอีกหยดจนซือหยูตื่นเต้น

  แต่น่าเสียดายที่เทพอสูรกระดูกโรยกลั้นเอาไว้เขากลืนเลือดกลับเข้าไป ซือหยูผิดหวังอย่างมาก  หลินหลางซัดพลังอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรเงาเทพบนท้องนภาขยับไปพร้อมกับร่างของนาง ทุกการเคลื่อนไหวทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในโลก ผืนดินในระยะล้านลี้ถูกดูดซับจนเหือดแห้งกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า

  แม้แต่เหล่าสิ่งมีชีวิตใต้ดินก็ถูกดูดพลังเข้าไปจนตาย

  เขตกลางที่เคยเป็นดินแดนรุ่งเรืองด้วยพลังวิญญาณกลับกลายเป็นพื้นที่ที่มิอาจบ่มเพาะพลังได้อีก

  เขตมหาสัตว์อสูรเองก็พบเจอกับชะตาแบบเดียวกัน

  เมื่อเจอพลังของเงาเทพเทพอสูรกระดูกโรยมิอาจทนไหวอีกต่อไป หยดเลือดสีทองไหลมาที่ลำคอของเขาอีกหยดจนซือหยูตื่นเต้น

  แต่น่าเสียดายที่เทพอสูรกระดูกโรยกลั้นเอาไว้เขากลืนเลือดกลับเข้าไป ซือหยูผิดหวังอย่างมาก  แต่เลือดเทพสามหยดบนพื้นนั้นยังไม่มีใครเก็บไป!

  ด้วยสิ่งที่เขาได้จากโลหิตเทพมังกรซือหยูจะไม่รู้หรือว่าโลหิตเทพนั้นมีค่าเพียงใด? มันมีค่ายิ่งกว่าสมบัติภูติร้อยชิ้นเสียอีก!

  เมื่อเห็นว่ามิอาจต่อกรหลินหลบางเทพอสูรกระดูกโรยนั้นแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง

  เขาหันไปจ้องซือหยูแทนและรีบตะโกน

   ไอ้หนูเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว! หลินหลางแข็งแกร่งเกินไป ข้าไม่ใช่คู่มือนาง กายหยาบนางอยู่กับเจ้าไม่ใช่หรือ? เอามันมาให้ข้า ข้าจะได้ฆ่านางได้ 

  หยุนหยาซือเคยบอกว่าตราบเท่าที่เป็นเทพร่างกายของเทพอสูรมณีสามารถถูกดวงวิญญาณและจิตวิญญาณเทพยึดครองได้ อีกทั้งยังสามารถปล่อยพลังที่เหนือเซียนได้อีก มันทรงพลังน้อยกว่าเทพจริงเพียงไม่มากเท่านั้น

  เทพอสูรกระดูกโรยเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณและจิตวิญญาณเทพเขาย่อมสามารถสิงร่างของเทพอสูรมณีได้

   อย่าโดนมันหลอกนะ! 

  หลินหลางตะโกนนางใจหายเมื่อได้ยินสิ่งที่เทพอสูรกระดูกโรยพูด แต่เมื่อนางคิดถึงซือหยู นางก็โล่งใจ ด้วยความเฉลียวฉลาดของเขา ซือหยูย่อมรู้ดีว่าเขาจะได้ประโยชน์และโทษอย่างไรบ้าง

  หลินหลางใบหน้าไม่ตึงเครียดนักนางพูด

   ซือหยูการต่อสู้นี้คือการต่อสู้ระหว่างกระดูกโรยกับข้า หวังว่าเจ้าจะไม่มายุ่งเกี่ยว 

  ซือหยูเองจะคิดไม่ได้หรือ?

  ถ้าเขาปฏิเสธที่จะมอบร่างจริงให้หลินหลางเขาก็ย่อมต้องไม่ให้ร่างของนางกับเทพอสูรแปลกหน้าอื่น

  ซือหยูพูด

   ชีวิตข้าอยู่ในมือเขาข้าไม่มีทางเลือก ข้าจะเอาร่างเจ้าออกมา เจ้าสองคนก็สู้กันไปเองแล้วกัน     อย่านะ! 

   ดีมาก! 

  กระดูกโรยและหลินหลางอุทานขึ้นพร้อมกันหนึ่งคนกระวนกระวาย อีกคนดีใจลิงโลด

  ซือหยูอยู่ในกำมือของกระดูกโรยใครกันเล่าจะมีโอกาสได้ร่างจริงของนางมากที่สุด?

  นอกเหนือจากนั้นกระดูกโรยยังเป็นร่างวิญญาณบริสุทธิ์ เขาสามารถเข้ายึดร่างเทพอสูรได้อย่างง่ายดาย

  ส่วนหลินหลางนั้นมีร่างกายของปิงหวูชิงอยู่แล้วนางเพิ่งจะได้หลอมรวมกับอีกดวงวิญญาณที่มีต้นกำเนิดเดียวกันมาไม่นาน ถ้าหากนางต้องหลอมรวมกับร่างเทพอสูรอีก มันจะใช้เวลานานพอสมควร นางจะต่อสู้กับกระดูกโรยได้หรือ?

   เทพอสูรกระดูกโรยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าคือเทพอสูรที่ชั่วร้ายที่สุดมันฆ่ามนุษย์ไปมากมาย! มันชั่วร้ายยิ่งกว่าข้าเป็นหมื่นเท่า 

   ถ้าเจ้าเอาร่างเทพอสูรออกมาเจ้าจะไร้ค่ากับเขา แล้วเจ้าจะถูกฆ่าทันที หากเจ้ายังมีร่างเทพอสูรอยู่ในมือ มันจะไม่ทำร้ายเจ้าสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้าต้องคิดให้ดี! 

  ใบหน้าหลินหลางเต็มไปด้วยความวิตก

  ซือหยูอดกลอกตาไม่ไหว

   เจ้าไม่ละอายใจหรือที่เรียกคนอื่นว่าชั่วร้ายข้าไม่เคยเห็นความดีของเจ้าแม้สักครั้ง 

  หลินหลางชั่วแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนจะพูดด้วยความแค้น

   ข้าเคย…ข้าเคยแตะต้องเจ้ารึ?ข้าเพียงแค่กลืนกินดวงวิญญาณและหัวใจเพื่อฟื้นพลังของข้า แต่มันน่ะต่างกัน! มันฆ่าคนเพื่อความสนุกสนาน! 

   เจ้าหนูข้าสาบานต่ออสูรภายใน ถ้าเจ้าส่งร่างเทพอสูรให้ข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก เจ้าว่าอย่างไรล่ะ? 

  กระดูกโรยดูย่ามใจ

   ถ้าไม่เช่นนั้นถ้าข้าโดนนางฆ่าตาย ใครกันจะเป็นคนคุ้มกันเจ้า?    ซือหยูเงียบไปราวกับกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก

  ไม่นานซือหยูกัดฟัน

   ข้าทำใจแล้ว!ข้า…จะให้ร่างเทพอสูร! 

  เมื่อพูดจบซือหยูแตะหน้าอกด้วยฝ่ามือ หอคอยสีทองแดงโบราณปรากฏออกมา เมื่อเขาใช้ความคิด หอคอยชั้นที่ร้อยก็เปิดออก

  เทพอสูรกระดูกโรยดีใจมากเขาสัมผัสกลิ่นอายของร่างเทพอสูรได้อย่างชัดเจน

   ข้ากำลังจะเอามันออกมาแล้ว! 

  ซือหยูตะโกนเขาบีบอัดหอคอยด้วยมือทั้งสอง พลังอสูรมหาศาลระเบิดออกมา

   นี่เจ้า! 

  หลินหลางตัวแข็งทื่อนางไม่สนใจเรื่องการฆ่ากระดูกโรยอีกต่อไปแล้ว นางก้าวพริบตาเข้าไปคว้าร่างเทพอสูรที่กำลังจะลอยออกมา

  เทพอสูรกระดูกโรยได้แต่ระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อดีดนิ้ว เขาก็ได้ควบคุมพลังอสูรมหาศาลเหล่านั้นในมือ

   ฮ่าๆๆๆๆหลินหลาง ขอบคุณสำหรับร่… 

  จู่ๆ กระดูกโรยก็ถูกกระดูกมือที่แห้งเหี่ยวจากพลังอสูรกดลงมายังกะโหลก

  ร่างวิญญาณของกระดูกโรยแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาหนีไปหมื่นศอกพร้อมกับโลหิตทองคำขนาดเท่ากำปั้น เขาก่อตัวเป็นคนร่างสีเลือดอีกครั้ง แต่อ่อนแอกว่าเดิมอย่างมาก

  ใบหน้าอัปลักษณ์ของเขาเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว

   ฝีมือผู้ใดกัน?! 

  ชายแก่เดินมือไพล่หลังก้าวออกมาจากพลังอสูรเขามองเทพอสูรกระดูกโรยอย่างไม่แยแส

  หากมองให้ใกล้ใบหน้าของเทพอสูรนั้นแปรเปลี่ยนไปมาก เพราะเขาได้เจอกับดวงวิญญาณของเทพที่มีจิตวิญญาณเทพ

  หลินหลางหยุดนิ่งนางยิ้มเยาะที่มุมปาก นางเหลือบมองซือหยูด้วยความชื่นชม  เขามีอุบายไว้ใช้ไม่หมดไม่สิ้นจริงๆ!

  ตอนที่ซือหยูกำลังจะปลดปล่อยร่างเทพอสูรนางรู้อยู่แล้วว่าซือหยูกำลังใช้อุบาย ท่าทีกระวนกระวายของนางก็เพื่อเป็นการแสดงตามน้ำไปกับซือหยู เพื่อล่อให้กระดูกโรยติดกับ

  นางไม่เชื่อว่าซือหยูจะปลดปล่อยร่างเทพอสูรออกมาจริง

   เสี้ยววิญญาณเทพอสูรอีกตน… 

  หยุนหยาซือมองเทพอสูรกระดูกโรย

  กระดูกโรยมองชายแก่ตรงหน้าด้วยความหวาดกลัวขั้นสุดเหตุที่พลังเมื่อครู่ไม่ได้ฆ่าเขาเป็นเพราะเสี้ยววิญญาณเทพนั้นมีพลังจำกัด แต่เขาก็ยังคงเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง

  ถ้าหากเขาร่วมมือกับหลินหลางกระดูกโรยอาจจะตายอย่างสิ้นซากในวันนี้ จิตวิญญาณเทพของเขาก็จะตายไปด้วย

   เจ้าเป็นใคร? 

  กระดูกโรยถามด้วยความกังวล  หยุนหยาซือเหลือบมองเขากับหลินหลางและก้าวมาข้างหน้าโดยขวางซือหยูเอาไว้

   ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใครข้าไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับกงการเจ้า เจ้าตัดสินกันเองเถอะ 

  เพื่อเขาพูดเขาพาซือหยูไปยังประตูเคลื่อนย้ายและเริ่มเปิดมัน

  เทพอสูรกระดูกโรยถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาแอบเหลือบมองประตูที่กำลังรวมพลัง

  หลินหลางติดคำพูดไว้ที่ปลายลิ้นนางอยากจะหยุดซือหยู แต่นางไม่พูดเพราะว่าความลังเลของนาง

  หากหยุนหยาซือถูกบังคับให้ยังอยู่ที่นี่เขาจะต้องร่วมมือกับเทพอสูรกระดูกโรยเพื่อต่อสู้กับนางเป็นแน่ ดังนั้นนางต้องจัดการกับเทพอสูรกระดูกโรยก่อน และจัดการหยุนหยาซือทีหลัง

  หลังจากคิดอ่านผลประโยชน์เรียบร้อยหลินหลางจ้องมองประตูมิติ แต่มิได้กระทำการใดเพื่อหยุดยั้งการเดินทาง

  เหลือเวลาอีกสามลมหายใจประตูกำลังจะทำงาน

  สองลมหายใจ!

  หนึ่งลมหายใจ!

  จู่ๆ เทพอสูรกระดูกโรยก็เคลื่อนไหว เขากลายเป็นก้อนแสงโลหิตพุ่งตรงไปที่ประตู เขาพยายามจะหนีไปด้วยคลื่นพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ของประตูมิติ!

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท