จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 359 ตอนนี้ยังอายอยู่หรือ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่359 ตอนนี้ยังอายอยู่หรือ

“ซื่อจื่อ งั้นพวกข้ากลับมาได้อย่างไร?” หยุนถิงถาม

“ข้าออกมาจากวังก็ได้ยินว่าเจ้าเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นจึงรีบไปที่หอเหวินหยวนทันที แต่ก็ได้ยินว่าเจ้าถูกโม่ฉือหานพาตัวไปแล้ว ข้าจึงไปที่จวนหลีอ๋อง แล้วพาเจ้ากลับมา” จวินหย่วนโยวพูดสั้นๆ

หยุนถิงประหลาดใจมาก “อย่างงี้ละก็ โม่ฉือหานพาข้าไปที่จวนหลีอ๋องนะสิ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก?”

เมื่อก่อนโม่ฉือหานเกลียดนางจนอยากขับไล่นางออกจากจวนหลีอ๋อง มองดูนางมากไปหน่อยก็จะรู้สึกว่าขวางหูขวางตา ทำไมจู่ๆถึงช่วยตัวเองเอาไว้ แถมยังพาตัวเองกลับไปด้วย

“คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว พักผ่อนดีๆก่อน ไว้ใจเถอะ ข้าจะสืบให้กระจ่างแจ้งอย่างแน่นอน” จวินหย่วนโยวพูดปลอบโยน

“อืม ขอบคุณซื่อจื่อ” หยุนถิงรู้สึกซาบซึ้งใจ

“ในเมื่อเช่นนี้ งั้นข้าช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อที่เปื้อนเลือดทิ้ง” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นและไปที่ตู้หยิบชุดชั้นในที่ใส่สบายมาตัวหนึ่ง

แผลบนไหล่ของหยุนถิง ได้รับการพันแผลโดยหมอหลวงในจวนหลีอ๋องแล้ว ก็แค่ตัดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดบนไหล่ของนางออกนิดหนึ่ง และทำแผลให้ ดังนั้นบนเสื้อผ้าของหยุนถิงจึงยังมีเลือดจำนวนมาก

เมื่อเห็นจวินหย่วนโยวใกล้เข้ามา หยุนถิงก็กำลังจะลุกขึ้น

“อยู่เงียบๆ ข้าทำเอง” จวินหย่วนโยวเหยียดนิ้วยาวที่งามสง่าออกมา และปลดริบบิ้นบนเอวของหยุนถิง

การกระทำที่ชำนาญ และเป็นธรรมชาติ สมกับเป็นผลที่ได้จากการฝึกฝนในทุกๆวันจริงๆเลย

ในชั่วพริบตา เสื้อผ้าของหยุนถิงก็ถูกถอดออก เหลือเพียงชุดชั้นในและกางเกงในเท่านั้น จู่ๆก็อยู่ใกล้ชิดกับจวินหย่วนโยวมาเช่นนี้ มองดูท่าทางของเขาที่ช่วยตัวเองถอดเสื้ออย่างระมัดระวังและอ่อนโยนนั้น หน้าของหยุนถิงก็แดงขึ้นในทันที

แม้ว่าปกติซื่อจื่อก็จะช่วยตัวเองสวมเสื้อผ้าอยู่เสมอ แต่ก็เป็นเพียงเสื้อคลุมและเสื้อป้ายตัวในเท่านั้น จู่ๆก็ใส่น้อยเช่นนี้ต่อหน้าซื่อจื่อแถมยังเป็นเวลากลางวันแสกๆด้วย หยุนถิงรู้สึกอายยิ่งนัก

จวินหย่วนโยวแค่ก้มหัวลงช่วยหยุนถิงสวมเสื้อผ้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นแก้มที่แดงของหยุนถิง ระหว่างคิ้วนั้นก็มความโปรดปรานขึ้นเล็กน้อย

“ทำไม ตอนนี้ยังอายอยู่หรือ บนตัวเจ้ามีตรงไหนที่ข้าไม่เคยเห็นบ้าง”

“ซื่อจื่อ อย่าซน” หยุนถิงเขินอายอย่างยิ่ง

ระยะห่างระหว่างทั้งสองนั้นใกล้มาก จวินหย่วนโยวสูงกว่าหยุนถิงไปครึ่งศีรษะ เมื่อเขาพูด ลมหายใจแสนอุ่นๆ ของเขาก็พ่นรดลงมา ทำให้แก้มของนางเลือดมากขึ้นกว่าเดิม และเขินอายยิ่งนัก

เมื่อได้กลิ่นหอมจางๆ ของสมุนไพรบนตัวของจวินหย่วนโยว หัวใจของหยุนถิงก็รู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก

“ข้าก็แค่พูดตามความจริง ต่อให้เจ้าอยากก็ไม่ได้ ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บอยู่ ควรพักผ่อนให้ดี รอเจ้าหายดีแล้วข้ารับรองว่าจะให้เจ้าพึงพอใจอย่างแน่นอน” จวินหย่วนโยวพูดล้อเล่น

ทีนี้หยุนถิงยิ่งอายจนเอาหัวมุดเข้าหน้าอกของจวินหย่วนโยวโดยตรง “ซื่อจื่อ ท่านอันธพาลเกินไปแล้ว”

“ข้าทำเช่นนี้กับเจ้าเพียงเท่านั้น” จวินหย่วนโยวพูดล้อเล่น และช่วยหยุนถิงใสเสื้ออย่างระมัดระวัง

โดยไม่ได้แตะโดนบาดแผลของหยุนถิงเลย ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

หยุนถิงรู้สึกอายและโกรธ พอเปลี่ยนเสื้อเสร็จก็รีบหันหลังไปโดยไม่สนใจเขาอีกเลย

แต่จวินหย่วนโยวกลับกอดหยุนถิงจากด้านหลัง “ถิงเอ๋อร์ เรื่องในวันนี้เป็นเพราะข้าประมาทเกินไป ข้าจะสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้อย่างแน่นอน และให้คำอธิบายแก่เจ้า พักผ่อนดีๆ”

หยุนถิงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็นอนลงบนเตียงภายใต้การดูแลของจวินหย่วนโยว อาจเป็นเพราะการเสียเลือดมากเกินไป สักครู่นางก็หลับไปแล้ว

เมื่อฟังเสียงหายใจตื้นๆ ของนาง จวินหย่วนโยวก็ห่มผ้านวมให้นาง จากนั้นก็อยู่ต่ออีกสักพักแล้วค่อยเดินออกไป

หลงยีรออยู่หน้าประตูแล้ว เมื่อเห็นซื่อจื่อออกมาก็พูดทันทีว่า “ซื่อจื่อ ข้าน้อยสืบได้แล้วว่าคนเหล่านั้นเป็นคนของสำนักสิ้นรัก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเซวียนอ๋องที่หยุดซากศพของนักฆ่าเหล่านั้นเอาไว้ และพบตราประทับของสำนักสิ้นรักบนขาซ้ายของพวกเขา”

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นชาและจริงจัง “สำนักสิ้นรัก ใครกันแน่ที่มีความสามารถสั่งให้สำนักสิ้นรักทำงานให้พวกเขาได้?”

สำนักสิ้นรักเป็นองค์กรมืดอันดับหนึ่งในทั้งสี่แคว้น ส่วนใหญ่เน้นในการฝึกฝนหน่วยกล้าตายและรับประกาศออกหมายจับ พวกเขาจะฝึกฝนหน่วยกล้าตายจำนวนหนึ่งและส่งไปยังองค์กรอื่น ๆ ในสี่แคว้นทุกปี และมักจะท้าทายรับงานประกาศออกหมายจับที่ยาก

คนของพวกเขาถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ไปมาอย่างไร้ร่องรอย ไม่พบร่องรอยใดๆ

หากบอกว่าสำนักราตรีเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุด เช่นนั้นสำนักสิ้นรักก็เป็นองค์กรมืดอันดับหนึ่ง ต่อให้จะยังไงสำนักราตรีก็เทียบมิได้

แต่ว่าสำนักสิ้นรักได้หายไปในยุทธภพเป็นเวลาหลายปี เหตุใดจึงปรากฏขึ้นอีกครั้งเพราะหยุนถิง ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังสั่งให้พวกเขาทำอย่างนี้

“เจ้ารีบส่งคนไปสอบสวนทันที ไม่ว่าสำนักสิ้นรักจะซ่อนอยู่ที่ใด ก็ต้องหาผู้อยู่เบื้องหลังของพวกเขาออกมาให้ได้ และห้ามปล่อยให้ซื่อจื่อเฟยตกอยู่ในอันตรายอีก!” จวินหย่วนโยวสั่งการ

“ขอรับ” หลงยีไปทำในทันที

จวินหย่วนโยวให้รั่วจิ่งเฝ้าห้องไว้ ส่วนตัวเองก็ไปที่ห้องหนังสือ เขียนจดหมายฉบับหนึ่งแล้วให้จดหมายนกพิราบส่งไป จากนั้นก็ค่อยกลับเข้ามา

เนื่องจากหลงเอ้อก็ถูกวางยาพิษเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไปพักผ่อนแล้ว

ข้างนอกประตู องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามา “ซื่อจื่อ นี่คือจดหมายที่มู่ว่านว่านเขียนถึงซื่อจื่อเฟย”

จวินหย่วนโยวเลิกคิ้ว มู่ว่านว่านเกลียดหยุนถิงแทบตาย ก่อนหน้านี้ก็มาหาเรื่องหลายครั้งแล้ว จะเขียนจดหมายถึงหยุนถิงได้อย่างไรกัน เขากลัวว่ามันจะมีกับดัก จึงรับมาแล้วเปิดออก

แต่เมื่อเห็นเนื้อหาบนจดหมาย ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ด้านบนมู่ว่านว่านบอกว่ากำลังจะกลับมาที่หอเทพเซียนพร้อมกับพี่ใหญ่และคนอื่นๆ ให้หยุนถิงดูแลตัวเองดีๆ ด้วยคำง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ ทำเอาจวินหย่วนโยวยิ่งสงสัยมากขึ้น

มู่ว่านว่านกำลังอำลากับหยุนถิงหรือ ซึ่งดูไม่เหมือนสไตล์ของนางเลยจริงๆ แต่จวินหย่วนโยวก็ยังคงนำจดหมายเข้าไปในห้อง

ประตูห้องของซื่อจื่อเฟย

โม่หลานเดินไปเดินมาอย่ารีบร้อน นางได้ยินว่าหยุนถิงเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นจึงรีบมาหาซื่อจื่อเฟยในทันที

ซูชิงโยวก็กังวลมากเช่นกัน นางกังวลมากเมื่อทราบข่าว จึงรีบมาเยี่ยมหยุนถิงเช่นกัน

องค์ชายสี่ก็ยิ่งไปใหญ่ มาพร้อมกับบัญชีแยกประเภทและลูกคิดโดยตรงเลย

แต่ยามไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามา พ่อบ้านตอบเป็นการส่วนตัว โดยบอกว่าซื่อจื่อเฟยต้องการพักผ่อน ไม่ได้มีอันตรายอะไรถึงชีวิต และได้ทำแผลเสร็จแล้ว

จากนั้นทุกคนจึงค่อยจากไปอย่างสบายใจ

แน่นอนว่าชางหลันเย่ในพระราชวังก็ได้ยินเรื่องที่หยุนถิงถูกลอบสังหารแล้วเหมือนกัน และดวงตาที่สงบและไม่แยแสนั้นฉายร่องรอยของความเข้มงวดและความมืดครึ้ม

“นายท่าน คราวนี้คนของสำนักสิ้นรักเป็นคนออกมือเอง โปรดท่านให้คำชี้แนะ?” องครักษ์ลับตอบด้วยความเคารพ

“สำนักสิ้นรัก ถึงกับเป็นวี่อู๋เสีย!” เสียงของชางหลันเย่เย็นชายิ่งนัก

แม้ว่าเขาและวี่อู๋เสียจะยังมีความสัมพันธ์กันอยู่บ้าง แต่เขากลับลงมือกับหยุนถิง ชางหลันเย่ไม่ยอดเด็ดขาด

“เจ้าไปหาทางเปิดเผยจุดติดต่อของสำนักสิ้นรักในเมืองหลวงแห่งต้าเยียนให้กับคนของจวินหย่วนโยว”

“ขอรับ!” องครักษ์ลับไปทำทันที

ชางหลันเย่มองดูคืนที่มืดมิดนอกหน้าต่าง นัยน์ตาอันมืดทืบมีร่องรอยของความกังวลฉายผ่านไป หยุนถิงหวังว่าเจ้าจะปลอดภัยดี ครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณของเจ้าละกัน

หลงยีที่กำลังส่งคนไปค้นหา จู่ๆ ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งหล่นลงมาจากบนฟ้า เขาเปิดและตรวจสอบทันที แม้ว่าจะสงสัยในจุดประสงค์ของอีกฝ่าย แต่ก็พาคนไปยังที่ซ่อนแห่งหนึ่งเพื่อทดลองดู ปรากฏว่าจับคนของสำนักสิ้นรักได้จจริงด้วย

หลงยีได้กระจายกองกำลังทั้งหมดขององครักษ์เงามังกรออกไปทันที ภายในคืนเดียว ซ่อนตัวของสำนักสิ้นรักในเมืองหลวงแห่งต้าเยียนก็ถูกกำจัดหมดสิ้นในทันที

จวินหย่วนโยวไปจัดการในตอนกลางคืนเลยทีเดียว เหลือรั่วจิ่งและหลงซื่อเฝ้าห้องของหยุนถิงเอาไว้

หลับจนถึงเที่ยงคืน หยุนถิงก็เหมือนจะสังเกตถึงอะไรบางอย่างได้ ลืมตาขึ้นและทันใดนั้นก็เห็นบนหัวเตียงมีคนคนหนึ่ง นางตกใจไปครู่หนึ่ง และกำลังจะทำการตอบโต้ แต่ก็ถูกคนนนั้นกดจุดไปทำให้ขยับตัวไม่ได้

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท