จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 367 เอาคืนต่อหน้าธารกำนัล สะใจนัก
คนที่พูดคือจ้าวซ่างซู ครั้งก่อนเขาโดนหยุนถิงเล่นงานเข้าให้ เอาคืนต่อหน้าธารกำนัล ความแค้นนี้จ้าวซ่างซูจำได้แม่นเลย
เขารับราชการเป็นขุนนางกับหยุนเฉิงเซี่ยงมาหลายปี ย่อมต้องรู้ความสามารถของหยุนเฉิงเซี่ยงแน่นอน ความคิดเก่งกาจเช่นนั้นต้องไม่ใช่เขาคิดออกมาเองแน่ บวกกับตอนนั้นหยุนถิงกับจวินซื่อจื่อก็อยู่ด้านนอก จ้าวซ่างซูไม่ใช่คนโง่ ย่อมต้องเดาได้ว่าเป็นวิธีที่หยุนถิงคิดออกมาแน่
ขณะที่ทอดถอนใจอิจฉาที่หยุนเฉิงเซี่ยงมีลูกสาวดี ในเวลาเดียวกันจ้าวซ่างซูก็แค้นหยุนถิงเข้าเหมือนกัน
พอดีเลยคนคุมสอบครั้งนี้เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเขา ได้ยินว่าหยุนถิงรับผิดชอบสนามสอบทางฝั่งจ้าวเคอ จ้าวซ่างซูรู้ทันทีว่าโอกาสมาแล้ว
จ้าวเคอตกตะลึง คุกเข่าลงกับพื้น “ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่ได้ทำทุจริตแน่นอน คุณหนูหยุนยิ่งไม่ได้ช่วยทำทุจริตให้ข้า บทความที่ข้าน้อยเขียนล้วนเขียนจากความสามารถของตนเอง ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย หากข้าพูดปดมดเท็จแม้เพียงคำเดียว ขอให้ฟ้าผ่าข้าทันที!”
คำสาบานหนักหนาเช่นนี้ ขุนนางคนอื่นพากันหันมามอง และวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“จ้าวซ่างซู ท่านกำลังแก้แค้นส่วนตัว ครั้งก่อนถูกข้าทำความดีความชอบนำไป ดังนั้นท่านเลยเจ็บแค้นกระมัง เสียแรงที่เป็นซ่างซู กล้าพูดเรื่องทำการทุจริตในสนามสอบออกมาได้
ทุกสนามสอบก็มีผู้คุมสอบสามคน ต่อให้หยุนถิงเป็นหนึ่งในนั้น อีกสองคนตายแล้วรึ หากหยุนถิงช่วยเขาทุจริตจริง พวกท่านคิดว่าพวกเขาจะไม่รายงานต่อฝ่าบาทรึ?” หยุนเฉิงเซี่ยงลูบคางถลึงตาใส่แค่นเสียงเย็น
“หยุนเฉิงเซี่ยงท่านร้อนใจเพียงนี้ โดนข้าพูดแทงใจดำงั้นรึ ร้อนตัวรึ?” จ้าวซ่างซูย้อนถาม
“เหอะเหอะ ข้าร้อนตัว ข้าเป็นคนเที่ยงตรงตรงไปตรงมา นิสัยหยุนถิงข้ารู้ดียิ่งกว่าใคร ข้ากล้ารับประกันเลยว่า หยุนถิงไม่มีทางช่วยใครทุจริตแน่ ข้าจะใช้ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายพนันกับเจ้าเลย!” หยุนเฉิงเซี่ยงประกาศออกมาตรงๆ
จ้าวซ่างซูดีใจนัก แต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียดอยู่ ได้บทเรียนไปคราก่อน ครั้งนี้จ้าวซ่างซูเลยระมดระวังขึ้นมาก
“ในท้องพระโรงมีหรือจะมาพนันตามเจ้าพูด ขอฝ่าบาทตรวจสอบจ้าวเคอด้วย!” จ้าวซ่างซูเอ่ยขึ้น
ยังไม่รอฝ่าบาทเอ่ยอะไร หยุนถิงที่เดินเข้ามาจากด้านนอกแค่นเสียงใส่ “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่า มีคนกล้ามาก่อก่วน ใส่ร้ายท่านจอหงวนคนใหม่ที่นี่ หรือว่าราชสำนักเป็นบ้านท่านกัน?”
คำพูดเย็นชาคำนี้ทำเอาสีหน้าจ้าวซ่างซูไม่น่าดูอย่างมาก โดนสตรีผู้หนึ่งลบหลู่ต่อหน้าธารกำนัล เขาจะวางหน้าแก่ๆของตนไว้ที่ไหนกัน ต่อไปจะอยู่ในราชสำนักต่อไปได้อย่างไร
“หยุนถิงบังอาจนัก เจ้ามาราชสำนักทำอะไร นับแต่โบราณมาสตรีห้ามก้าวก่ายงานราชกิจนะ?”
หยุนถิงเหล่มองเขาอย่างไม่แยแส “ฝ่าบาทเรียกข้าเข้าเฝ้าในท้องพระโรงเอง ท่านสงสัยฝ่าบาทรึ?”
จ้าวซ่างซูโดนย้อนจนใบ้กิน หันมองฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์อย่างลนลาน “ฝ่าบาท กระหม่อมมิได้หมายความเช่นนั้น ท่านอย่าได้ฟังคำยุแยงของหยุนถิงเป็นอันขาดนะ”
“พอเถอะจ้าวซ่างซู ข้าเรียกหยุนถิงมาเอง จ้าวเคอเป็นคนที่หยุนถิงเสนอชื่อขึ้นมา วันนี้จ้าวเคอสอบได้จอหงวน หยุนถิงมีความดีความชอบยิ่งนัก ดังนั้นข้าเลยเรียกนางมาเข้าเฝ้าเป็นพิเศษ” ฮ่องเต้พูดเนิบช้า
สีหน้าจ้าวซ่างซูบูดเบี้ยวยิ่งนัก เหมือนกินแมลงวันเข้าไป รีบคารวะอย่างนอบน้อมทันที “ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง”
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท” หยุนถิงคารวะ
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท” จวินหย่วนโยวทำตาม
“ลุกขึ้นเถอะ เมื่อครู่จ้าวซ่างซูบอกว่าเจ้าช่วยทำทุจริตให้จ้าวเคอ หยุนถิงเจ้าจะอธิบายอย่างไร?” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ลูกพ่อ ตีหน้าเขาให้แตกเลย เจ้าแก่นี่ต้องโดนสักยก!” หยุนเฉิงเซี่ยงแค่นเสียงต่ำ
“คุณหนูหยุนขออภัยด้วย ข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว” จ้าวเคอบอกอย่างรู้สึกผิด
“พูดอะไรน่ะ เจ้าอาศัยความสามารถความรู้ของตนเองสอบได้จอหงวน ข้าดีใจนัก ในเมื่อมีคนมาหาเรื่อง ข้าก็จะทำให้เขาสมหวัง” หยุนถิงหันไปพยักหน้ากับพ่อตนเอง จากนั้นหมุนตัวกลับมา
“จ้าวซ่างซู ในเมื่อบอกว่าข้าช่วยทำทุจริตให้จ้าวเคอ ท่านเห็นกับตาตัวเองรึ?” หยุนถิงแค่นเสียงเย็นถาม
จ้าวซ่างซูชะงักค้าง “มิได้ แต่สนามสอบที่เจ้าคุมเป็นสนามทางฝั่งจ้าวเคอพอดี ดูจะบังเอิญเกินไปกระมัง”
“ฝ่าบาทเสนอชื่อข้าไปคุมสอบ ส่วนจะเป็นสนามไหนมิใช่อะไรที่ข้าจะควบคุมได้เลย หรือว่าท่านคิดว่าฝ่าบาทให้ข้ามาคุมสอบนั่นไม่สมควร?” หยุนถิงถามอีก
จ้าวซ่างซูเหงื่อแตกซิก “เจ้าอย่ามาเบี่ยงเบนความหมายของข้า ข้ามีหรือจะสงสัยฝ่าบาท?”
“เช่นนั้นขอให้ฝ่าบาทเบิกตัวผู้คุมสอบอีกสองคนที่รับผิดชอบคุมสอบพร้อมกับหม่อมฉัน และหลีอ๋องเข้ามาด้วยเถิด ข้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้เอง” หยุนถิงเอ่ยขึ้น
“ใครก็ได้ เบิกตัวผู้คุมสอบสองคนและหลีอ๋องเข้ามา!” ฮ่องเต้อนุญาต
ใม่นาน ผู้คุมสอบสองคนก็เข้ามา ถวายบังคมให้ฮ่องเต้
“ข้าขอถามพวกเจ้า ตอนนั้นที่ข้าคุมการสอบ ได้เข้าไปในสนามสอบหรือไม่?” หยุนถิงเปิดประเด็นเลย
“ตอนนั้นคุณหนูหยุนมิได้เข้าไป” หนึ่งในผู้คุมสอบตอบ
“พวกเจ้าแน่ใจรึ?” จ้าวซ่างซูเริ่มลนลาน
“แน่ใจ ตอนนั้นพวกข้าสองคนอยู่ด้านในตลอด นับจากเริ่มสอบจนเสร็จสิ้น แน่ใจว่าคุณหนูหยุนมิได้เข้าไปเลย ตอนนั้นพวกข้ายังประหลาดใจว่าเหตุใดคุณหนูหยุนถึงมิเข้าไป?” ผู้คุมสอบอีกคนเอ่ยขึ้น
สีหน้าจ้าวซ่างซูซีดเผือดลงไปหลายส่วน “ต่อให้นางไม่ได้เข้าไปในสนามสอบ หากอยากได้ข้อสอบมา ด้วยฝีมือขงคุณหนูหยุนและจวินซื่อจื่อ มันง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก”
“จ้าวซ่างซู ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าท่านมาเป็นซ่างซูได้อย่างไร สมองกลวงรึ คำถามเช่นนี้ยังถามออกมาได้ ฝ่าบาท ท่ามาตอบคำถามนี้ให้จ้าวซ่างซูดีกว่า” หยุนถิงเหลือกตามองบน
สีหน้าฮ่องเต้ดำทะมึนลงมา “จ้าวซ่างซู เจ้าเป็นถึงซ่างซู คำพูดไร้สมองเช่นนี้เจ้ายังพูดออกมาได้ หัวข้อในการสอบทุกปีล้วนออกมาจากไท่ฟู่ในคุกหลวง หลังจากคิดหัวข้อแล้วก็ไว้ในคุกหลวงตลอด ข้าส่งองครักษ์ลับไปรับผิดชอบการกินการอยู่ของพวกเขา ห้ามมิให้พวกเขาได้พบใคร
วันสอบ ก็จะเป็นองครักษ์ของข้าทำหน้าส่งหัวข้อไปถึงมือผู้คุมสอบ ถึงเริ่มเปิดผนึกซอง ระยะนี้จะผ่านด่านมากมาย หากมีหลุดรอดออกไปได้แม้เพียงนิด ข้าก็จะรู้ จ้าวซ่างซูกำลังสงสัยองครักษ์ลับของข้ารึ?”
จ้าวซ่างซูตกใจใบหน้าซีดเผือด คุกเข่าลงพื้นดังพลั่ก “ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมเสียมารยาทเอง กระหม่อมเป็นกังวลในความยุติธรรมของการสอบมากเกินไป ดังนั้นเลยวิตกกังวลเกินไป ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย”
หลีอ๋องเดินเข้ามาจากด้านนอก ถวายบังคมให้ฮ่องเต้ “มิทราบว่าเสด็จพี่เรียกกระหม่อมมา มีเรื่องอันใดรึ?”
ฮ่องเต้หันมองหยุนถิง “เจ้าให้ข้าเรียกหลีอ๋องมา มีอะไรจะให้หลีอ๋องเป็นพยานรึ?”
“หม่อมฉันไม่ได้เข้าสนามสอบ แต่ช่วยรักษาอาการป่วยให้หลีอ๋องตลอด เรื่องนี้หลีอ๋องสามารถเป็นพยานได้!” หยุนถิงตอบเสียงเนิบ
หลีอ๋องสีหน้าชะงักค้าง ดูกระดากเล็กน้อย ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ตอบตามตรง “กราบทูลเสด็จพี่ หยุนถิงพูดมิผิดเลย ตอนนั้นกระหม่อมกับองค์ชายสี่ไปสนามสอบ ก็เห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวดื่มชาอยู่ที่ศาลาด้านนอก
จากนั้นหยุนถิงบอกว่าจะตอบแทนน้ำใจของกระหม่อม โดยการช่วยรักษาให้กระหม่อม กระหม่อมเห็นด้วย จวบจนเวลาหนึ่งก้านธูปในการสอบเสร็จสิ้นลง หยุนถิงก็คอยช่วยกระหม่อมรักษาร่างกายอยู่ตลอด จวินหย่วนโยวดูอยู่ข้างๆตลอด องค์ชายสี่ก็รออยู่ด้านนอก ผู้คุมที่รับผิดชอบเก็บกระดาษข้อสอบก็เห็นเช่นกัน ฝ่าบาทสามารถเรียกพวกเขามายืนยันได้!”