จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 375 ขุนซื่อจื่อของข้าให้อ้วนท้วนสมบูรณ์
จวินหย่วนโยวมองหยุนถิงด้วยสีหน้าทะมึน โบกมือใส่องครักษ์ข้างๆ บอกให้พวกเขาเข้ามา
เหล่าองครักษ์มีหรือจะกล้าลงมือกับซื่อจื่อ ซื่อจื่อพูดแค่คำเดียวก็เอาชีวิตพวกเขาได้ ไม่ลงมือซื่อจื่อก็จะให้พวกเขาอยู่ไม่สู้ตาย พวกเขานี่ทำตัวยากจริงๆ
ตอนนี้เห็นซื่อจื่อเฟย เหล่าองครักษ์เหมือนเห็นพระมาโปรด พากันหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
“ทุกคนออกไปเถอะ ข้าฝึกเป็นเพื่อนซื่อจื่อเอง!” หยุนถิงบอก
พอเหล่าองครักษ์ได้ยินดังนั้น ก็พากันขอบคุณซื่อจื่อเฟยไปตามๆกัน พร้อมใจวิ่งหนีไปกันหมด ถ้าทนอยู่ต่อไป พวกเขาต้องโดนซื่อจื่อซ้อมจนตายแน่
พอจวินหย่วนโยวเห็นทุกคนไปกันหมดแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่สีหน้ายิ่งเย็นชามากขึ้น
“ซื่อจื่อ ท่านระวังให้ดีนะ ข้ามาแล้ว” หยุนถิงบอก พลางโจมตีเขา
จวินหย่วนโยวมองนางด้วยสีหน้าทะมึน จะหลบ โจมตีกลับ แต่หยุนถิงเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง อ้อมหลังมากระโดดขึ้นหลังเขาทันที สองขาดกอดรัดขาจวินหย่วนโยวไว้ กอดหลังจวินหย่วนโยวเหมือนหมีโคอาล่า เกาะอยู่บนหลังเขา
จวินหย่วนโยวชะงัก “ลงมา!”
“ไม่ลง!” หยุนถิงปฏิเสธ
“รีบลงมาเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ลง ไม่ลง ถ้าท่านโกรธข้าจะไม่ยอมลง!”
ทำอะไรหยุนถิงไม่ได้ จวินหย่วนโยวเลยถอนหายใจ “ข้าไม่โกรธ”
“ท่านไม่โกรธ แล้วทำไมต้องซ้อมทุกคนลงไปกองกับพื้นด้วย?”
“เพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไป!” จวินหย่วนโยวเบ้ปาก
“ได้ได้ ซื่อจื่อของข้าแข็งแกร่งเกินไป แค่โบกมือก็ทำคนล้มไปกองกับพื้นแล้ว ซื่อจื่อทำไมท่านเก่งกาจขนาดนี้เล่า!” หยุนถิงเลียแข้งเลียขา
คิ้วงามงอนของจวินหย่วนโยวถึงคลายลง แต่สีหน้ายังเย็นชาอยู่ “ไม่มีอะไรจะบอกข้ารึ?”
“มีอยู่แล้วสิ ซื่อจื่อของข้านะเย็นชาหล่อเหลาที่สุด องอาจสง่างาม เฉลียวฉลาดมีสติปัญญา ข้ารักท่านเหมือนกับสายน้ำที่หลั่งไหลมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นมหาสมุทร—-“
“เจ้าก็รู้ว่าที่ข้าอยากฟังไม่ใช่เรื่องพวกนี้” จวินหย่วนโยวปฏิเสธเสียงเย็น
“อันที่จริงวันนี้ข้าคิดจะไปร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ของจ้าวเคอคนเดียว ดูท่าเขาก็คงเชิญข้าคนเดียว เขาเองไม่รู้จักคนอื่นเท่าไหร่ด้วย
ข้าพลันนึกได้ว่าซื่อจื่อท่านชอบกินหมูหัน เลยจะซื้อตัวหนึ่งกลับมากินด้วยกันกับท่าน สุดท้ายได้ยินผู้คนเสียดสี ดูถูก ไม่แยแสจ้าวเคอ
ท่านก็รู้ว่าข้าน่ะชอบช่วยเหลือผู้อื่นที่สุด พอข้าโกรธก็เรียกหลายคนไป แต่ข้าไม่ได้เรียกหลีอ๋องนะ ข้ายังเซ็งอยู่เลยว่าเขาไปตระกูลจ้าวทำไม
เขาบอกว่าเป็นตัวแทนฝ่าบาทไป ข้าจะขวางก็ไม่ได้ใช่ไหม นี่เป็นการให้ความสำคัญต่อจอหงวนคนใหม่ของฝ่าบาท ข้าขวางไม่ได้นี่นา” หยุนถิงอธิบาย
“งั้นซวนอ๋องยังยกกุ้งให้เจ้า?”
หยุนถิงอึ้ง แต่คิดๆไปก็เดาได้ ซื่อจื่อส่งองครักษ์ลับตามคุ้มครองตน ก็ต้องกลับมารายงานทุกอย่างอยู่แล้ว
“อันที่จริงซวนอ๋องไม่ได้ยกให้ข้าหรอก เขาแค่รำคาญหลีอ๋องที่แย่งกุ้งตัวหนึ่งกับข้า ต่อมาข้าก็กินกุ้งจานนั้นหมดเลย เพราะไม่อยากเหลือให้โม่ฉือหาน”
สีหน้าจวินหย่วนโยวถึงคลายลงหน่อย “ว่าเรื่องได้หน้า มีผู้ใดให้หน้าได้ยิ่งกว่าข้ารึ?”
“แน่นอนสิ ซื่อจื่อของข้านะทั้งสูงใหญ่องอาจหล่อเหลาเย็นชา ยืนอยู่ตรงนั้นก็ชนะไปทั้งถนนแล้ว นี่ไม่ใช่คิดว่าฝ่าบาทเรียกท่านเข้าเฝ้า กลัวท่านไปแล้วกินไม่อร่อย ผู้คนมากมายเต็มโต๊ะมั่วซั่วไปหมด ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบหนวกหู ดังนั้นเลยไม่ได้เรียกท่าน” หยุนถิงอธิบาย
“หมูหันที่เจ้าซื้อให้ข้าล่ะ?”
“ไอ้หยา ข้ากินหมดแล้ว ข้าไปบ้านจ้าวเคอมีเอาของขวัญไปนะ สุดท้ายคนไปกันเยอะเกินไป เดิมท่านแม่จ้าวเคอเตรียมอาหารไว้ให้ข้าคนเดียว สุดท้ายคนมากันเยอะมาก อาหารไม่พอ ข้าเลยเพิ่มเข้าไป ถ้าซื่อจื่อท่านอยากกิน ข้าไปซื้อให้ท่านใหม่ดีไหม?” หยุนถิงยิ้มกระดากอาย
“ไม่ต้อง เจ้าทำให้ข้ากินเลย!” คนบางคนงอน
“ได้ ข้าทำเอง ข้าจะให้พ่อบ้านไปซื้อหมูหันตัวเล็กมาหนึ่งตัว รับรองว่าย่างออกมาได้หอมตลบอบอวลแน่ ต้องขุนซื่อจื่อของข้าให้อ้วนท้วนสมบูรณ์เลยเชียว”
รั่วจิ่งที่แอบฟังอยู่พอเห็นสีหน้าซื่อจื่อดีดุจเดิมแล้ว ก็อดไม่ไหวยกนิ้วโป้งให้ซื่อจื่อเฟย
เหนือชั้นกว่าจริงๆด้วย ซื่อจื่อถูกซื่อจื่อเฟยจับไว้อยู่หมัดจริงๆ
รั่วจิ่งรีบไปหาพ่อบ้านทันที แน่นอนว่าให้เขาไปซื้อหมูมาตัวหนึ่ง
ไม่นาน หมูหันตัวเล็กตัวหนึ่งก็โดนชำระล้างสะอาด พ่อบ้านให้คนไปยกเตาไฟมาที่สวนด้วยตัวเอง เหล่าองครักษ์ตั้งเตาเรียบร้อย หยุนถิงย่างด้วยตัวเอง จวินหย่วนโยวนั่งดูอยู่ข้างๆ
พ่อครัวหลายคนของห้องครัวพากันมายืนดูอยู่ข้างๆ ฝีมือการทำอาหารของซื่อจื่อเฟยดียิ่งนัก พวกเขาเองก็อยากจะเรียนรู้ด้วย
หยุนถิงเอาหมูทั้งตัวไปหมักก่อน แล้วถึงเอาขึ้นไปย่างบนเตา และทาน้ำมันเป็นระยะๆ
ทั่วทั้งสวนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของหมูหัน แค่ดมกลิ่นก็รู้เลยว่าอร่อยแน่
“ซื่อจื่อ ท่านอยากกินเผ็ดหน่อย หรือว่ารสอ่อนหน่อย?” หยุนถิงถาม
“เจ้าทำเถิด”
“ได้ งั้นก็ครึ่งหนึ่งใส่พริก ครึ่งหนึ่งใส่เกลือ ไม่งั้นรสอ่อนไปจะไม่มีรสชาติเอา” หยุนถิงย่างต่อไป
จวินหย่วนโยวเห็นนางทำอย่างชำนิชำนาญ บางครั้งมีลมพัดมา ก็ไอค่อกแค่กจากควัน จวินหย่วนโยวรีบเดินเข้าไปดึงนางมาข้างๆ
“ยืนข้างๆมิเป็นรึ?”
“ข้าแค่ลืมไปได้ไหม อยากจะย่างให้อร่อยหน่อย ซื่อจื่อท่านจะได้กินได้อร่อยขึ้นไง” หยุนถิงตอบ
เห็นเขม่าสีดำข้างแก้มนาง จวินหย่วนโยวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช็ดให้นาง ท่าทางอ่อนโยนลงมาก
หยุนถิงกลอกตาไปมา เหล่มองถ่านดำข้างๆ ยื่นมือไปหยิบมาหนึ่งชิ้น ป้ายไปที่หน้าจวินหย่วนโยวหนึ่งที “ฮะฮะ ซื่อจื่อท่านเองก็กลายเป็นแมวลายแล้ว”
จวินหย่วนโยวมุมปากกระตุก “ปัญญาอ่อน!”
“งั้นรึ ทำไมข้าไม่รู้สึกล่ะ ข้าชอบนี่นา” หยุนถิงวาดบนหน้าจวินหย่วนโยวต่อไป
จวินหย่วนโยวรีบหลบ หยุนถิงไล่ตามหลัง ทั้งสองคนวิ่งไล่กันล้อมรอบไฟถ่านในสวนใหญ่
ในที่สุดจวินหย่วนโยวก็เปลี่ยนจากโกรธกลายเป็นมีความสุข หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง อันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินว่าหลีอ๋องคีบกุ้งตัวเดียวกับนาง ซวนอ๋องก็ยกจานให้นาง จวินหย่วนโยวหึงหนักขึ้นมาทันที
มองดูสตรีที่กำลังหัวเราะร่วนตรงหน้า คิ้วโก่งงามดั่งคันศร งดงามเย้ายวน นางเจ้าเล่ห์ดุจหมาจิ้งจอก แต่ก็จิตใจดีงามมีเมตตา ไม่เกรงกลัวอำนาจใด รู้วิชาแพทย์ เข้าใจทำมาค้าขาย งดงามล่มเมือง—
บางครั้งจวินหย่วนโยวก็คิด หากหยุนถิงไม่ได้เยี่ยมยอดเช่นนี้จะดีแค่ไหนกัน แบบนี้ผู้อื่นก็คงไม่สังเกตเห็นนางแล้ว
เช่นนั้นนางก็จะเป็นของเขาแต่ผู้เดียว
แต่เขารู้ดีว่าหยุนถิงรักอิสระ และไม่ชอบกฎเกณฑ์ ดังนั้นนางอยากทำสิ่งใด จวินหย่วนโยวก็จะคอยอยู่เคียงข้างนาง ให้พื้นที่และอิสระแก่นาง
บางที เขาชอบนางในแบบทั่กอิสระตรงไปตรงมา ไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้แหละ
จวินหย่วนโยวทั้งสับสนและลังเล ปวดใจแต่ก็คลายใจ เขากลายเป็นอ่อนแอลังเล คอยระมัดระวังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
อาจเป็นเพราะรักใครคนหนึ่ง ต้องรักทุกอย่างที่เป็นนาง รักความชื่นชอบของนาง รักสิ่งที่นางรัก
จวินหย่วนโยวที่วิ่งอยู่ด้านหน้าพลันหยุดลง หยุนถิงที่วิ่งไล่หลังชนกับหลังเขาพอดี
“อ๊า เจ็บนะ ทำไมจู่ๆท่านก็หยุดล่ะ—-“
จวินหย่วนโยวพลันหมุนตัวกลับมา ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากหยุนถิง ใช้ปากปิดคำพูดที่นางจะพูดกลับไป