จอมนางข้ามพิภพ บทที่442 เจ้าอย่าใส่ร้ายป้ายสีท่านอ๋อง
ทหารบางคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับโม่หลานและอีกสองคน สอบถามด้วยความเป็นห่วงทันที
โม่หลานรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก “ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงพวกข้า พวกข้าสามคนนะซวยมากเลย ที่นี่ไม่สะดวกที่จะพูดคุยกัน ทุกคนรีบจากไปกับพวกข้า มิฉะนั้นเป่ยหมิงฉี่คงไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้าได้จากไปอย่างมีชีวิตอยู่แน่นอน”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ทำหน้าจริงจัง
“คุณหนูโม่ ท่านอย่าปล่อยข่าวลือเขย่าขวัญพวกข้า พวกข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาเจรจาสันติภาพกับหลีอ๋อง เป่ยหมิงไท่จื่อต่างหากที่เชิญพวกข้ามา” ทหารคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“เจ้าโง่หรือ ไม่เคยได้ยินคำว่ากลเล่นจับมาก่อนหรือ ในฐานะรองนายพลถูกเป่ยหมิงฉี่จับมา หลีอ๋องก็ยังเพิกเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปล่อยให้พวกข้าสามคนตามยถากรรมเอง พวกเจ้าเป็นเพียงทหารธรรมดา โม่ฉือหานยิ่งไม่สนว่าพวกเจ้าจะเป็นหรือตาย บางทีตอนนี้เขาอาจวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปเองแล้วก็ได้ พวกเจ้าไม่ไปข้าจะไปแล้ว รีบหนีไปโดยเร็วก่อนที่เป่ยหมิงฉี่ยังไม่ทันสังเกตเห็น ”โม่หลานทำหน้ากังวล ดึงหยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อไว้แล้ววิ่งหนีออกไปจากประตูด้านข้าง
เมื่อทหารคนหนึ่งเห็นเช่นนี้ ก็รีบตามไปทันที “คุณหนูโม่พูดถูก ชีวิตเป็นของตัวเอง”
คนอื่นๆ ต่างก็หวาดกลัวและตื่นตระหนกกันในทันที เพราะไม่มีใครไม่กลัวตาย ดังนั้นต่างก็หนีตามไปกันหมด
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่โม่หลานกับเป่ยหมิงฉี่ปรึกษาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จงใจปล่อยให้ผู้ที่เฝ้าไว้หนีไป เพื่อให้พวกเขามีโอกาสหนี
เป่ยหมิงฉี่ต้องการเพียงโม่ฉือหาน และโม่หลานก็ไม่อยากทำร้ายผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจึงพาพวกเขาไป
เมื่อโม่หลานและคนอื่นๆ กลับมาถึงที่กองทัพนอกเมือง คนอื่น ๆ ก็รวมเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
มีเพียงเหลยถิงเท่านั้นที่มองพวกเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “ท่านอ๋องล่ะ?”
วันนี้หลีอ๋องพาคนไปเจรจาสันติภาพที่จวนไท่จื่อ และให้เหลยถิงอยู่ปกป้องที่นี่ เหลยถิงเป็นทหารที่เชื่อได้ของเขา มอบหมายให้เหลยถิงเท่านั้นถึงจะเชื่อใจได้
โม่หลานชำเลืองมองเหลยถิง “ทำไมฟังจากคำพูดที่เจ้าพูดแล้ว เหมือนไม่อยากให้พวกข้ากลับมา? ไม่แปลกใจเลยที่พวกข้าสามคนถูกจับไปนานขนาดนั้นก็ไม่ส่งคนมาช่วย ที่แท้แล้วเป็นหลีอ๋องนั่นเองที่ไม่อยากช่วยพวกข้า?”
“เจ้าอย่าใส่ร้ายป้ายสีท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ได้ไม่สนพวกเจ้า วันนี้ท่านอ๋องพาคนไปทำการเจรจาสันติภาพแล้ว” เหลยถิงโต้กลับ
“ถ้าอย่างนั้นพวกข้าก็กลับมาแล้ว ทำไมท่านอ๋องของเจ้ายังไม่กลับมา หรือว่าไปซ่องโสเภณีในระหว่างทางแล้ว?”
“หากเจ้ายังพูดเหลวไหลอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” เหลยถิงพูดอย่างสีหน้าเย็นชา
“มาสิ ข้าไม่กลัวเจ้า” โม่หลานพูดขณะที่กำลังจะยกดาบขึ้น
คนอื่นก็รีบห้ามปราม แน่นอนว่าจะปล่อยให้พวกเขาตีกันขึ้นมาจริงไม่ได้
เหลยถิงโมโหยิ่งนัก จับคนหนึ่งคนที่ไปเจรจาสันติภาพกับท่านอ๋องในวันนี้แล้วถาม คนคนนั้นไม่กล้าปิดบังและรีบบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นออกมาทันที
เหลยถิงโกรธมากจนผลักชายคนนั้นออกไป “ไอ้ห่าเอ๊ย หากท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปอย่างแน่นอน!”
“เจ้าพูดแบบนี้ข้าไม่ชอบฟังยิ่งนัก ความปลอดภัยของท่านอ๋องเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ แล้วความปลอดภัยของทหารไม่สำคัญเลยหรือ ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ใช่ชีวิตหรือ!” โม่หลานพูดอย่างเหยียดหยาม
เมื่อหยุนเสี่ยวลิ่วเห็นว่าเหลยถิงกำลังจะชักดาบออกมา ก็รีบพูดทันทีว่า “เจ้ามีเวลามาเถียงกับพี่โม่หลานและคนอื่นๆ ยังไม่ดีกว่าคิดดูว่าจะไปช่วยคนที่จวนไท่จื่ออย่างไร!”
“รอข้ากลับมาค่อยมาจัดการพวกเจ้า!” เหลยถิงตะโกนด้วยความโกรธ และเรียกทหารที่ติดตามหลีอ๋องโจมตีเข้าไปในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ทันที
“ข้าจะรอ!” โม่หลานพูดอย่างเหยียดหยาม
ทหารคนอื่นก็รู้สึกซาบซึ้งโม่หลานในทันที ในสายตาของหลีอ๋องการเสียสละก็ถือเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว แม้ว่าทุกคนจะฝ่าอันตรายมากับเขา แต่กลับไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลย คำพูดของโม่หลานในขณะนี้พูดได้ถูกใจทุกคนยิ่งนัก และทำให้นางมีกลุมแฟนคลับเพิ่มขึ้นมาในทันที
โม่หลานกลับไปที่กระโจม เขียนจดหมายทันที และให้คนส่งกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด
……………….
เมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน
จักรพรรดิหารือกับขุนนางไปสักพัก และในที่สุดก็ตัดสินใจส่งร่างของชางหลันเย่กลับไปที่แคว้นชางเยว่ เพราะหากอยู่ต่ออีกวันหนึ่ง ศพก็มีความเป็นไปได้ที่จะเน่าเปื่อยขึ้น
แม้ว่าจะมีหยกน้ำแข็งพันปีที่หยุนถิงให้มา แต่ก็มีผลเพียงหนึ่งเดือน จากแคว้นต้าเยียนไปยังแคว้นชางเยว่ก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณยี่สิบกว่าวัน หากเกินอุบัติเหตุอะไรอีก เวลาหนึ่งเดือนก็ยังถือว่าน้อยไป
วันนี้ หยุนถิงตื่นแต่เช้า ไปส่งชางหลันเย่
คนอื่นๆเห็นว่าหยุนถิงก็ออกมาส่งแล้วเดิมทีบรรดาผู้ที่ยังสงสัยในการตายของชางหลันเย่อยู่นั้นก็เชื่อในทันที
เมื่อเห็นว่าโลงศพออกจากเมืองอย่างปลอดภัย หยุนถิงจึงค่อยโล่งใจลง ตอนนี้ชางหลันเย่คงใกล้ถึงแคว้นชางเยว่แล้วสินะ
ก่อนหน้านี้หลังหยุนถิงรักษาชางหลันเย่เสร็จแล้ว ชางหลันเย่กลับไปก็กินยาแกล้งตายที่หยุนถิงให้ในทันที จากนั้นก็ผ่านการตรวจของหมอหลวงในวังและขันทีน้อยที่คอยรับใช้อยู่ประจำ และถือโอกาสจับจารชนของแคว้นชางเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในแคว้นต้าเยียน จากนั้นชางหลันเย่ก็กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบและจากไป
คนที่เหลือไว้เป็นเพียงคนที่มีรูปร่างคล้ายกับเขาเท่านั้น คนเยอะขนาดนั้นตรวจสอบไปแล้ว แน่นอนว่าก็ไม่มีใครสงสัยอีก
เนื่องจากหยุนถิงเศร้าโศกเสียงใจเกินไป ก็ไปที่หอใต้หล้าโดยตรง และสั่งห้องส่วนตัวพิเศษและสั่งสุราสิบเหยือกมาโดยเฉพาะ คนนอกคิดแต่เพียงว่าเป็นเพราะหยุนถิงเศร้าโศกเสียงใจเกินไป
สายลับของฝ่าบาทได้นำข่าวนี้กลับไปรายงานแล้ว ใจของฝ่าบาทที่สงสัยมาโดยตลอดนั้นจึงค่อยวางใจลง ดูเหมือนว่าชางหลันเย่จะตายไปแล้วจริงๆ
ฝ่าบาทไม่รู้เลยว่า หยุนถิงและหลงเอ้อได้ออกไปทางประตูหลังของหอใต้หล้านานแล้ว
เมื่อหยุนถิงไปที่จวนซื่อจื่อ ก็เห็นรถม้าหรูหราที่หน้าประตู ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “หลงเอ้อ มีแขกมาจวนซื่อจื่อหรือ?”
เมื่อหลงเอ้อมองดูรถม้า สีหน้าก็จริงจังขึ้นในทันที “ซื่อจื่อเฟย นี่คือรถม้าของฮูหยินหานกั๋ว นางไม่ใช่คนที่เข้ากับคนได้ง่าย ท่านต้องระวังให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามให้นางรู้เรื่องที่ท่านตั้งครรภ์”
นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนถิงเห็นท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้ของหลงเอ้อ “ฮูหยินหานกั๋วผู้นี้มีภูมิหลังที่มาอย่างไร?”
“นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮูหยินท่านก่อน นั่นก็คือแม่ของซื่อจื่อ ทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน ต่อมาฮูหยินท่านก่อนออกไปรบ นางได้ร้องขอให้ฮูหยินหานกั๋วว่าหากนางกลับมาไม่ได้ หวังให้หล่อนช่วยดูแลลูกของตัวเอง
ตอนนั้นฮูหยินหานกั๋วเสียใจมากเมื่อได้ยินว่าฮูหยินท่านก่อนและแม่ทัพเกิดเรื่อง จึงมาที่นี่เป็นโดยเฉพาะ ตอนนั้นซื่อจื่อเพิ่งเกิด
จวนซื่อจื่อยุ่งเหยิงไปหมด พ่อบ้านติดต่อกับลูกน้องเก่าของแม่ทัพ ต้องการล้างแค้นให้พวกเขา และยังต้องการสืบจารชนและผู้ทรยศที่คิดร้ายฮูหยินและแม่ทัพ จึงไม่มีเวลามาสนใจซื่อจื่อ
อีกอย่างพ่อบ้านก็ไม่ได้แต่งงานจึงดูแลเด็กไม่เป็น ในเวลานั้นฮูหยินหานกั๋วมา และบอกว่าสามารถช่วยเลี้ยงดูซื่อจื่อได้ แน่นอนว่าพ่อบ้านเองก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว แท้จริงแล้วเขาก็กลัวว่ามีคนจะคิดร้ายซื่อจื่อ
เช่นนี้ฮูหยินหานกั๋วจึงพาซื่อจื่อไป ในช่วงปีแรกฮูหยินหานกั๋วก็ดีกับซื่อจื่อจริงๆ จนกระทั่งซื่อจื่ออายุได้ห้าขวบ ฮูหยินหานกั๋วตั้งครรภ์
แต่สามีของนางมีแอบมีอนุภรรยาที่ข้างนอก และยังแต่งอนุภรรยานั้นเข้ามา อนุภรรยายั่วยุท้าฮูหยินหานกั๋วทุกวัน และฮูหยินหานกั๋วเองก็อดทนมาโดยตลอด
ซื่อจื่อเห็นฮูหยินอารมณ์ไม่ดี จึงไปทำซุปหวานด้วยตนเองโดยเฉพาะ แต่คิดไม่ถึงว่าชามซุปหวานนั้นจะถูกอนุภรรยาวางยา ฮูหยินหานกั๋วที่ดื่มซุปหวานลงไปก็มีอาการปวดท้องในทันที และในที่สุดก็แท้ง แถมหมอยังบอกว่าต่อไปนางไม่สามารถมีลูกได้อีก
ในตอนนั้นซื่อจื่อตกใจกลัวยิ่งนัก และไปคุกเข่าอยู่นอกประตูของฮูหยินหานกั๋วเป็นเวลาสองวันสองคืน เขาโทษตัวเองและรู้สึกผิดยิ่งนัก ตันเองทำให้ลูกของฮูหยินตาย