จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 456 ห้ามเจ้าปฏิเสธ
เทพผู้ยิ่งใหญ่สององค์นี้จ้องมองเขาด้วยความโกรธพร้อมกัน หยุนไห่เทียนรู้สึกถึงเพียงแรงกดดันที่ท่วมท้น ราวกับคนที่อุ้มอยู่ไม่ใช่น้องสาวของตัวเอง แต่เป็นประหนึ่งเผือกร้อนที่ถือเอาไว้รังแต่จะลวกมือเท่านั้น
เขามองไปทางคนที่อยู่ในอ้อมแขนโดยสัญชาตญาณ ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงปิดเอาไว้เล็กน้อย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
โม่เหลิ่งเหยียนเดินตรงเข้ามา “ส่งนางมาให้ข้า!”
“ให้ข้า!” จวินหย่วนโยวกล่าวเสียงเย็นชา
บนหน้าผากของหยุนไห่เทียนมีเส้นสีดำสามเส้นแว๊บผ่านไป วันนี้สองคนนี้เป็นอะไรไป ถึงกับต่อสู้กันเพื่อถิงเอ๋อร์
“แม่ทัพหยุนวางหยุนถิงลงเถอะ ข้ากับซูหลินประคองนางไปพักผ่อนที่กระโจมถัดไปดีกว่า!” ซูชิงโยวกล่าวพร้อมเดินเข้ามา
หยุนไห่เทียนรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่งทันที วางหยุนถิงลงอย่างระมัดระวัง ซูชิงโยวกับซูหลินไปยืนทั้งสองข้างของหยุนถิง และประคองนางไปที่กระโจมถัดไปทันที
จวินหย่วนโยวจ้องมองซวนอ๋องด้วยความโกรธครู่หนึ่ง ไม่ได้สนใจ เดินตามไปโดยตรง
โม่เหลิ่งเหยียนก็เต็มไปด้วยการเหยียดหยามเช่นกัน ก้าวเท้าเดินตามไปติดๆ
กระโจมด้านข้าง ซูชิงโยวกับซูหลินประคองหยุนถิงนอนลง จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนที่เข้ามากำลังจะลงมืออีกแล้ว หยุนถิงเดือดดาลขึ้นมาทันที
“พวกท่านหยุดด้วยกันทั้งคู่เลย จะหยุดพักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร!”
ทันทีที่เห็นนางตื่นขึ้นมา โม่เหลิ่งเหยียนตื่นเต้นไม่สิ้นสุด จวินหย่วนโยวกลับวิ่งเข้าไปก่อนเขาก้าวหนึ่ง “ถิงเอ๋อร์เจ้าตื่นแล้วช่างดีจริงๆ ได้รับบาดเจ็บตรงไหน ข้าจะให้หมอมารักษาเจ้าทันที?”
โม่เหลิ่งเหยียนยืนอยู่ด้านข้างเตียงโดยตรง ขวางกลางระหว่างหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว สายตานั่นเต็มไปด้วยความท้าทาย ขาดแค่พูดออกมาประโยคหนึ่ง เจ้าตัวปลอม
จวินหย่วนโยวโมโหอย่างมากขฌ ชกหมัดออกมาอีกครั้ง!
“ซื่อจื่อ หยุดนะ!” หยุนถิงส่งเสียงห้ามปราม “พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้ามีเรื่องจะคุยกับซื่อจื่อและซวนอ๋อง”
หยุนไห่เทียนและคนอื่นๆรู้สึกหลุดพ้นในทันที ทุกคนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่อยากอยู่เป็นตัวรับกระสุนหรอกนะ
ภายในกระโจม หยุนถิงมองไปทางโม่เหลิ่งเหยียน “ซวนอ๋อง วันนี้ท่านทำเกินไปแล้ว ถึงแม้ท่านจะรู้ว่าซื่อจื่อไม่ใช่ตัวจริง แต่อย่างไรก็ต้องไว้หน้าจวินหย่วนโยวเล็กน้อยใช่ไหม”
สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเย็นยะเยือกสุดขีด “เหตุใดข้าต้องไว้หน้าเขาด้วย ตัวปลอมคนหนึ่งก็กล้าโอหังต่อหน้าข้า ข้าไม่ฆ่าเขาก็ถือว่าให้ความเมตตาจนถึงที่สุดแล้ว”
หลงหวู่ซึ่งปลอมตัวอยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มิน่าวันนี้ซวนอ๋องถึงล้ำเส้นเช่นนี้ ที่แท้ก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ซื่อจื่อตัวจริง
“ถึงแม้ซวนอ๋องจะรู้ฐานะของข้า แต่คนนอกก็มองว่าข้าคือซื่อจื่อ ข้าไม่มีทางยอมให้ใครมาทำให้ซื่อจื่อของข้าเสียหน้าเด็ดขาด!”หลงหวู่กล่าวเสียงเย็นชา
กำปั้นของโม่เหลิ่งเหยียนกำลังจะชกเข้ามาโดยตรง หยุนถิงรีบหยุดเอาไว้ทันที “หยุดนะ! หากพวกท่านยังทำเช่นนี้อีก ก็ออกจากค่ายทหารไปให้หมดเลย”
โม่เหลิ่งเหยียนถึงได้เก็บกำปั้นกลับมา “ฟังคำเจ้า”
“ซื่อจื่อเฟย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” หลงหวู่กล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นไร แค่ใช้แผนซ้อนแผนเท่านั้น” หยุนถิงถึงได้เล่าความเป็นมาของเหตุการณ์ออกมา
มือที่ห้อยอยู่ในแขนเสื้อของโม่เหลิ่งเหยียนหญ ถึงได้คลายกำปั้นออก
รู้ว่านางไม่เป็นอะไร โม่เหลิ่งเหยียนก็วางใจแล้ว
“ไอ้นักเลงหัวไม้แบบนี้ไม่คู่ควรให้เจ้าลงมือด้วยตัวเองหรอก ข้าช่วยเจ้าจัดการมันเอง!” ซวนอ๋องกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“ไม่ต้อง หากถูกท่านสังหารในกระบวนท่าเดียว จะไม่น่าเบื่อไปหรอกหรือ ข้าสามารถฉวยโอกาสนี้พักผ่อนอย่างเต็มที่ได้พอดี เช่นนี้โลกภายนอกก็จะไม่สงสัยอีกด้วย” หยุนถิงตอบ
“ตกลง ตามที่เจ้าพูดมา ข้าจะให้หมิงจิ่วซางคอยปกป้องอยู่ข้างกายเจ้า ห้ามเจ้าปฏิเสธ ข้าไม่อยากให้พันธมิตรของข้ายังไม่ทันได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ก็ตายซะแล้ว!” น้ำเสียงของโม่เหลิ่งเหยียนเย็นยะเยือก ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
มุมปากของหยุนถิงกระตุกขึ้นมา “ใครเขาพูดจาทำร้ายคนอื่นอย่างท่านเช่นนี้กัน”
“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น ข้างกายของเจ้าในตอนนี้ต้องการคนคอยปกป้อง กลุ่มคนของจวินหย่วนโยวก็เท่านั้นเอง” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างดูหมิ่น ยังไม่ลืมเหลือบมองหลงหวู่ครู่หนึ่ง
หลงหวู่โมโหอย่างมากญห ซวนอ๋องผู้นี้จะโอหังเกินไปแล้ว มีแต่ซื่อจื่อเท่านั้นที่สามารถถ่วงดุลกับเขาจริงๆ
“ก็ได้ น้ำใจของซวนอ๋องข้ารับเอาไว้แล้ว ท่านกลับไปดีกว่า ผ่านเรื่องวุ่นวายนี้แล้ว เกรงว่าคงได้ยินไปถึงหูฝ่าบาทแล้ว!” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ตกลง!” โม่เหลิ่งเหยียนพูดจบ ก็หันหน้าไปทางหลงหวู่ที่ปลอมตัวอยู่ “ดูแลซื่อจื่อเฟยของเจ้าให้ดี!”
“ไม่ต้องให้ซวนอ๋องบอก ข้าทำอยู่แล้ว” หลงหวู่กล่าวอย่างเย็นชา
หยุนถิงเห็นซวนอ๋องจากไปแล้ว ถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หากเจ้าหมอนี่อยู่ต่อเกรงว่าทั้งค่ายทหารคงต้องวุ่นวายหมดแน่
หลงหวู่คุกเข่าลงไปทันที “เป็นเพราะข้าน้อยไม่ได้ปกป้องซื่อจื่อเฟยให้ดี ขอซื่อจื่อเฟยโปรดลงโทษด้วย!”
“รีบลุกขึ้นมาเถอะ นี่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า หากถูกคนเห็นเข้าจะต้องสงสัยแน่นอน ตอนนี้เจ้าคือซื่อจื่อนะ!” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ขอรับ!”
“แต่ว่าเจ้าสามารถออกไปสั่งสอนได้นะ!” หยุนถิงเสนอแนะ
“ขอรับ!” หลงหวู่ออกไปทันที
เมื่อหยุนไห่เทียนที่รออยู่ข้างนอกเห็นจวินหย่วนโยวออกมา ก็ตกใจจนตัวสั่น “ซื่อจื่อมีอะไรให้รับใช้?”
“สั่งให้ทุกคนมารวมตัวกัน ข้าจะซักถามด้วยตัวเอง กล้าทำร้ายซื่อจื่อเฟยของ ข้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด!” หลงหวู่ที่ปลอมตัวเป็นจวินหย่วนโยวออกคำสั่งอย่างแสดงอำนาจ
“ขอรับ!” หยุนไห่เทียนไม่กล้าขัดคำสั่ง เรียกทุกคนมารวมตัวทันที
ทุกคนผ่านการหารือและตรวจสอบ จู่ๆก็ได้ว่าจวินซื่อจื่อจะตรวจสอบอีก ก็รีบมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของฉางเซิ่นตึงเครียดเล็กน้อย รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย จวินซื่อจื่อขึ้นชื่อเรื่องโหดร้ายอำมหิต วิธีการโหดเหี้ยมอย่างมาก หากให้เขาสืบออกมาเกรงว่าตัวเองคงจะต้องตายโดยไม่มีที่ฝังศพ
แต่หากไม่ไป จะต้องถูกสงสัยแน่นอน เท่ากับยอมรับสารภาพออกมาเองโดยไม่ต้องคาดคั้น
ฉางเซิ่นลังเลอยู่ เดินไปทางด้านนั้นอย่างช้าๆ ก็เห็นองครักษ์เงามังกรคนหนึ่งทั้งเตะและต่อยทหารคนหนึ่ง ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทหารคนนั้นเจ็บปวดจนกรีดร้องโหยหวน ทุกคนที่มุงดูอยู่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไป พากันตกใจแทบตาย
“ทางนั้นเกิดอะไรขึ้น?” ฉางเซิ่นถามทหารที่อยู่ใกล้ๆ
“ข้าได้ยินมาว่า ทหารคนนั้นน่าสงสัย องครักษ์เงามังกรสงสัยว่าเขาคือคนที่ลอบสังหารซื่อจื่อเฟย ดังนั้นจึงทรมานเขา จวินซื่อจื่อบอกว่ายอมฆ่าผิดหนึ่งพันคนบภ ก็จะไม่ปล่อยหนึ่งร้อยหนีไปได้เด็ดขาด ภาวนาให้ตัวเองเถอะ” ทหารที่อยู่ด้านข้างตอบ
ฉางเซิ่นมองดูคนผู้นั้นกรีดร้องโหยหวน ถูกซ้อมจนกระอักเลือด แต่องครักษ์เงามังกรก็ยังไม่หยุด ก็ตกใจแทบแย่ทันที
“จู่ๆข้าก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา ขอไปห้องน้ำก่อน” ฉางเซิ่นกล่าวจบ ก็หันหลังวิ่งเหยาะๆจากไป
องครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อตามไปทันที
ฉางเซิ่นเดินอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องของทหารคนนั้นดังมาจากด้านหลัง เขาฟังด้วยความหวาดกลัว เข้ามุ่งหน้าไปห้องน้ำทันที
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงห้องน้ำแล้ว ฉางเซิ่นมองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีคน ก็กระโดดข้ามกำแพงด้านข้างห้องน้ำออกไปทันที วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
แค่สงสัยก็ถูกซ้อมจนกระอักเลือด หากจวินซื่อจื่อสืบได้ว่าเป็นตัวเอง จะไม่ถลกหนังดึงเส้นเอ็น ห้าอาชาแยกร่างหรอกหรือ
องครักษ์ลับกระโดดตัวตามไป โดยไม่มีใครสังเกตทันที
ฉางเซิ่นตะบึงอย่างบ้าระห่ำตลอดทาง เพราะเป็นการหนีออกมา จึงไม่มีม้าและรถม้า ฉางเซิ่นวิ่งไปประมาณหนึ่งชั่วยามกว่า สุดท้ายก็เข้าไปในหฤหาสน์หลังหนึ่ง
องครักษ์ลับกระโดดตัวขึ้นไปบนหลังคาทันที ในตอนที่เห็นฮูหยินหานกั๋วที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าเคร่งขรึมก็ลงมาทันที
“ข้ากลับไปรายงานซื่อจื่อเฟย เจ้าจับตาดูทางนี้เอาไว้!” องครักษ์ลับกล่าว
“ตกลง!”
หยุนถิงที่อยู่ในค่ายทหารได้ยินว่าฮูหยินหานกั๋วเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการลอบโจมตีนาง ดวงตาคู่สวยเคร่งขรึมทันที ลมหายใจรอบตัวเคร่งขรึมลงไปเล็กน้อย
“นางถึงกับต้องการเอาชีวิตข้า เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่ไว้หน้าซื่อจื่อก็แล้วว่า!”