จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 459 หากท่านไม่รังเกียจ ข้ายินดีมอบร่างกายให้

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 459 หากท่านไม่รังเกียจ ข้ายินดีมอบร่างกายให้

แคว้นเป่ยลี่

ในตอนที่โม่ฉือหานตื่นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในคุก มือและเท้าถูกโซ่เหล็กหนาล่ามเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้

โม่ฉือหานถึงได้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนอยู่ในห้องหนังสือของเป่ยหมิงฉี่ เรื่องราวต่อจากนั้นเขาก็จำไม่ได้แล้ว เวลานี้กำลังภายในทั่วทั้งร่างกายของเขาถูกปิดผนึกเอาไว้ ไม่สามารถใช้วรยุทธได้เลย เขาโกรธจนเดือดดาลไปหมด

“ไอ้สารเลวเป่ยหมิงฉี่ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!” โม่ฉือหานกล่าวด้วยความโกรธแค้น

แสร้งทำเป็นเจรจาสันติภาพ ถึงกับวางแผนทำร้ายตัวเอง น่าชิงชังนัก

“ใครก็ได้ ข้าต้องการพบเป่ยหมิงฉี่ ใครก็ได้!”

เสียงที่คำรามด้วยความโกรธ ได้ยินไปถึงหูผู้คุมที่เฝ้าเรือนจำด้านนอก

ผู้คุมสองคนเดินเข้ามา “ถึงแม้เจ้าจะตะโกนจนคอแหบคอแห้งไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยของเราก็ไม่พบเจ้าหรอก เทพสงครามแห่งแคว้นต้าเยียนอะไรกัน ข้าว่าเจ้ามันก็แค่ขยะไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น”

“ก็นั่นน่ะสิ อย่างเขาก็คู่ควรเจรจาสันติภาพกับไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยของเรา เอาหน้ามาจากไหน!”

โม่ฉือหานโกรธจนสีหน้าดำมืด เส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา เขาเป็นถึงหลีอ๋องแห่งแคว้นต้าเยียน ทุกคนล้วนประจบประแจงเอาใจเขา เวลานี้กลับถูกผู้คุมสองคนนี้ทำให้อับอายขายหน้า ไหนเลยที่โม่ฉือหานจะสามารถทนได้

“ไอ้สารเลว!” โม่ฉือหานใช้แรงดิ้นรนโซ่เหล็ก ก็จะไปสั่งสอนผู้คน

ผู้คุมคนหนึ่งชกไปที่ใบหน้าของโม่ฉือหานอย่างแรง ได้ยินเพียงเสียงครางเบาๆ ตาของโม่ฉือหานกลายเป็นหมีแพนด้าข้างหนึ่งทันที

“รนหาที่ตาย ถึงกับกล้าด่าข้าว่าสารเลว เจ้ายังคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่อยู่อีกหรือ ข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ที่นี่คือคุกของแคว้นเป่ยลี่ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาวางมาด!” ผู้คุมกล่าวพร้อมต่อยไปอีกหลายหมัด

โม่ฉือหานเจ็บจนสีหน้าซีดขาว ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน หากไม่ใช่เพราะเวลานี้เขาไม่สามารถขยับมือและเท้าได้ จะต้องถลกหนังผู้คุมที่ไม่รู้ที่ตายสองคนนี้ทั้งเป็นให้ได้

ผู้คุมสองคนผลัดกันซ้อมโม่ฉือหาน ทั้งเตะและต่อย ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยสั่งการเอาไว้แล้ว ดูแลหลีอ๋องแห่งแคว้นต้าเยียนให้ดีๆ ผู้คุมสองคนนี้ย่อมใส่เต็มที่ไม่มียั้งมืออยู่แล้ว

จนกระทั่งโม่ฉือหานกระอักเลือด ทั้งสองคนถึงได้หยุดลง “กล้ามาใช้อำนาจบาตรใหญ่กับข้าอีก จะซ้อมเจ้าให้ตายเลย!”

“เอาล่ะ เราไปดื่มเหล้ากัน พูดจาไร้สาระกับเขาทำไม!”

มองดูผู้คุมสองคนจากไป โม่ฉือหานกระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง จ้องมองไปทางแผ่นหลังของพวกเขาด้วยความโกรธแค้น นาทีนี้โม่ฉือหานสาบานในใจว่าจะต้องสับสองคนนี้เป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้

เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ในคุก ก็ไม่รู้ว่ากองทัพเป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดเหลยถิงถึงยังไม่มาช่วยตนเองอีก

โม่ฉือหานไม่รู้เลยว่า กลุ่มคนที่เหลยถิงพาไปด้วยถูกเป่ยหมิงฉี่กำจัดไปหมดนานแล้ว แม้แต่เหลยถิงก็ถูกตัดเส้นเอ็นมือและเท้าและโยนไปบนถนน ให้เขาอยู่เองตามยถากรรม

แคว้นเป่ยลี่จวนไท่จื่อ

เป่ยหมิงฉี่จัดงานเลี้ยงต้อนรับโม่หลานกับหยุนเสี่ยวลิ่ว เสี่ยวอันจื่อ สามคนนี้ทั้งกินทั้งดื่ม ไม่ได้ถือตัวเองเป็นคนนอกเลยแม้แต่น้อย

“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าลอบโจมตีแคว้นเทียนจิ่ว บุญคุณอันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะตอบแทนได้ ข้าดื่มก่อนเพื่อแสดงความเคารพ!” เป่ยหมิงฉี่ยกถ้วยสุราและเงยหน้าดื่มหมดในรวดเดียว

“เป่ยหมิงฉี่นี่เจ้าจะหลงตัวเองไปแล้ว ที่เราลอบโจมตีแคว้นเทียนจิ่วล้วนเป็นเพราะ——” โม่หลานตอบ

หยุนเสี่ยวลิ่วจ้องมองนางครู่หนึ่ง “พี่โม่หลานท่านกำลังพูดอะไรของท่าน ไท่จื่อเป่ยหมิงคือคนรู้จักบุญคุณ พวกเราช่วยเขาขัดขวางแคว้นเทียนจิ่วเอาไว้ เขาต้องขอบคุณเราเป็นอย่างดีแน่นอน”

โม่หลานเห็นหยุนเสี่ยวลิ่วขยิบตาให้นาง ก็เข้าใจในทันที “เสี่ยวลิ่วกล่าวถูกแล้ว เป่ยหมิงฉี่ท่านคิดจะตอบแทนเราอย่างไร รายละเอียดเฉพาะเจาะจงท่านพูดกับเสี่ยวลิ่วก็พอ”

ให้นางถือดาบฆ่าคนยังพอได้ ให้นางวางอุบายอย่างเปิดเผยและลับๆไม่ไหวจริงๆ ข้อนี้โม่หลานรู้สึกนับถือหยุนเสี่ยวลิ่วด้วยใจจริง

เป็นเด็กแก่แดด หน้าเนื้อใจเสือคนหนึ่งเลย

“ก็ได้ เสี่ยวลิ่วอยากได้อะไร ขอเพียงไม่มากเกินไป ข้าล้วนรับปากทั้งนั้น!”

“เช่นนั้นก็ต้องเป็นแก้วแหวนเงินทอง และสาวงามอยู่แล้ว!” หยุนเสี่ยวลิ่วหัวเราะแฮะๆ

เป่ยหมิงฉี่ก็ยังถูกเขาทำให้ตกตะลึง “เจ้าเด็กบ้า เจ้ายังโตไม่เต็มวัยเลย ก็ต้องการสาวงามแล้วหรือ?”

“ข้าเก็บเอาไว้ชื่นชม มองให้สบายตาสบายใจไม่ได้หรือ?” หยุนเสี่ยวลิ่วถามกลับ

“ได้ เช่นนั้นอีกเดี๋ยวข้าจะส่งสาวงามไปให้เจ้าหนึ่งร้อยคน”

“หนึ่งร้อยคนมากเกินไปแล้ว ก่อกวนขวัญและกำลังใจกองทัพ ท่านส่งสาวงามหนึ่งร้อยคนนี่ไปที่จวนซื่อจื่อในภายหลังเถอะ ส่งไปให้พี่ใหญ่ของข้าอึดอัดใจ”

ใบหน้าของเป่ยหมิงฉี่เคร่งขรึมทันที “เจ้าเด็กบ้าเจ้าอย่ามาทำร้ายข้านะ ไปเพิ่มความอึดอัดให้หยุนถิง เจ้าอยากให้แคว้นเป่ยลี่ของข้าถูกทำลายล้างเร็วขึ้นหรือไง”

“ฮ่าๆ ถือว่าท่านไม่ได้โง่ ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น ข้าต้องการสิทธิ์การละเว้นภาษีของแคว้นเป่ยลี่ห้าปี ขอเพียงเป็นร้านค้าที่พี่ใหญ่กับพี่เขยซื่อจื่อ และตระกูลหยุนของข้าดำเนินการที่แคว้นเป่ยลี่ ละเว้นภาษีห้าปี!” หยุนเสี่ยวลิ่วเอ่ยปาก

“ไม่ได้ ห้าปีมันนานเกินไป สามปี!” เป่ยหมิงฉี่โต้กลับ

“สามปีก็ได้ แต่ท่านต้องให้ร้านค้ากับข้าเพิ่มอีกหนึ่งร้อยร้าน สำหรับข้าคนเดียว”

“ตกลง เจ้าหมอนี่ช่างร้ายจริง!” เป่ยหมิงฉี่ทอดถอนใจ หยุนถิงสอนปีศาจน้อยเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน

“ตกลงตามนั้น”

โม่หลานและคนอื่นๆกลับไปที่ค่ายทหารหลังจากกินดื่มกันจนหนำใจแล้ว ก็ได้รับจดหมายเร่งด่วนจากฮ่องเต้ต้าเยียน

โม่หลานเปิดออกมาดู “ฝ่าบาทให้เราใช้หลีอ๋องเป็นเงื่อนไขการเจรจา รับปากถอนทัพ”

“ฝ่าบาทช่างคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจริงๆ ตอนนั้นเราสามคนถูกเป่ยหมิงฉี่จับตัวเอาไว้ หลีอ๋องไม่สนใจความเป็นความตายของเราเลย ให้เขาได้รับความทุกข์ยากเล็กน้อยก่อนค่อยว่ากัน” หยุนเสี่ยวลิ่วกล่าว

“เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง!”

ด้วยประการเช่นนี้ โม่หลานและคนอื่นๆรอไปอีกห้าหกวันถึงได้ไปหาเป่ยหมิงฉี่ เป่ยหมิงฉี่ย่อมตกลงอยู่แล้ว เช่นนี้ก็สามารถคลี่คลายวิกฤตของแคว้นเป่ยลี่แล้ว

หลายวันมานี้หลีอ๋องถูกทรมานจนคนไม่เหมือนคน ผีไม่เหมือนผีแล้ว

ให้กินแค่โจ๊กเปล่าๆหนึ่งถ้วยทุกวัน แม้แต่ข้าวก็ไม่ให้กิน และยังถูกซ้อมอย่างหนักทุกๆหนึ่งถึงสองชั่วยาม หลีอ๋องในตอนนี้ไหนเลยจะยังมีความสง่างามน่าเกรงขามในเวลาปกติ ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง บนร่างกายก็ยิ่งเต็มไปด้วยรอยเลือด สีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งจนหลุดลอก คนทั้งคนยืนแทบไม่ไหว ถูกทหารหามตัวกลับมาเลยด้วยซ้ำ

หลีอ๋องที่เพิ่งจะกลับ ทันทีที่เห็นอาหาร ไม่มีเวลาสนใจจะใช้ตะเกียบแล้ว มือสองข้าจับอาหารยัดใส่ปาก ท่าทางที่ทุลักทุเลนั่นเหล่าทหารเห็นแล้วยังตกใจจนพูดไม่ออก ภาพลักษณ์ที่สูงส่งของหลีอ๋องในใจพวกเขาหายไปในทันที

เขาในเวลานี้สกปรกเหลือทน และก็มีท่าทางเช่นนี้อีก เรียกได้ว่าแทบจะไม่แตกต่างจากขอทานข้างถนนเลยก็ว่าได้

……………..

หอเทพเซียน

ผ่านการเดินเตร็ดเตร่ไปทุกที่ในช่วงหลายวันมานี้ จวินหย่วนโยวกับบรรดาองครักษ์เงามังกรได้สำรวจภูมิประเทศของหอเทพเซียนอย่างชัดเจนแล้ว

เมื่อครู่นี้ได้รับนกพิราบสื่อสารของหยุนถิง ได้รู้แผนการหยุนถิง จวินหย่วนโยวทอดถอนใจว่าถิงเอ๋อร์มีความสามารถที่สุดจริงๆ

จวินหย่วนโยวที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆก็เห็นมู่เทียนบาที่อยู่ไม่ไกลออกไปเดินไปทางทิศทางหนึ่ง สีหน้าของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึม รีบตามไปทันที

มู่เทียนบามุ่งหน้าไปยังห้องของซ่างกวนหรู ซ่างกวนหรูในเวลานี้กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ บนร่างกายสวมแค่เพียงตู่โตวสีเขียวมิ้นต์ หันหลังให้กับมู่เทียนบา

จู่ๆก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ซ่างกวนหรูหันกลับมา เมื่อเห็นมู่เทียนบาก็ตกใจจนสีหน้าตื่นตระหนก ยื่นมือไปปิดหน้าอกเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

มู่เทียนบาหันหลังกลับไปทันที “ขอโทษด้วย เพราะข้าก้าวล่วงไป ข้าแค่จะมาถามว่าสุขภาพของเจ้าดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

ซ่างกวนหรูที่เดิมทีกำลังตื่นตระหนกลนลาน มองดูแผ่นหลังที่กำยำของเขา เดินเข้าไปใกล้เขาทีละก้าว “ขอบคุณท่านเจ้าหอมากที่ให้ความช่วยเหลือ บุญคุณที่ช่วยชีวิตไม่มีกำลังจะตอบแทนได้ หากท่านเจ้าหอไม่รังเกียจ ข้ายินดีปรนนิบัติท่านเจ้าหอ!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท