จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 529 อย่างเจ้า ก็คู่ควร
จี้อวี๋เห็นเซียจิ่วเซียวในสภาพเช่นนี้ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้เช่นกัน ท่านอ๋องน้อยที่เวลาปกติฟุ่มเฟือย และรู้จักเสพสุขที่สุดเวลานี้กลับทุลักทุเล เทียบไม่ได้กับขอทานข้างถนนด้วยซ้ำ ค่อนข้างอนาถจริงๆ
และจี้อวี๋ที่ฝึกยุทธมาหลายปีมองแว๊บแรกก็ดูออกแล้วว่า ดูเหมือนแขนของท่านอ๋องน้อยจะผิดปกติ
คนทั่วไปถึงจะอ่อนแออย่างไร ขาสองข้างก็ยังพยุงร่างกาย แต่ร่างกายของท่านอ๋องอ่อนปวกเปียกราวกับโคลน ขาข้างหนึ่งคดงอ ทั่วทั้งร่างกายถูกเชือกมัดเอาไว้ถึงจะสามารถยืนได้มั่นคง สามารถกล่าวได้ว่าถูกเชือกแขวนเอาไว้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นขาของเขาไม่มีแรงที่จะพยุงแล้ว
จวินหย่วนโยวขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม กระหายเลือด ทารุณในสี่แคว้น นาทีนี้จี้อวี๋รู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่ตัวเองไม่ได้ล่วงเกินจวินหย่วนโยว มิเช่นนั้นเพียงแค่วิธีการทรมานคนนี่ก็ทำให้นางตายทั้งเป็นได้แล้ว
เซียจิ่วเซียวที่เจ็บปวดเหลือทนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี่ ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง ทันทีที่เห็นพระมารดาของตัวเอง เขาก็ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลพรากออกมา
“พระมารดาช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ลูกยังไม่อยากตาย จวินหย่วนโยวคือปีศาจ เขาจะทรมานลูกให้ตาย พระมารดาท่านอย่าทอดทิ้งข้าไปเด็ดขาด ได้โปรดเถิดพระมารดา ท่านรีบช่วยข้าเร็ว ข้าจะถูกทรมานจนตายอยู่แล้ว ราชครูท่านรีบขอร้องพระมารดาข้าเร็วเข้า——”
หลัวหรูจี๋ก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน “องค์หญิงใหญ่ ถ้าอย่างไรให้คนปล่อยท่านอ๋องน้อยลงมาดีไหม ร่างกายของเขาบอบบาง ไหนเลยจะทนต่อความทรมานเช่นนี้ได้?”
องค์หญิงใหญ่ฟังเสียงร้องไห้ของเซียจิ่วเซียว ย่อมรู้สึกปวดใจอยู่แล้ว นี่คือลูกชายเพียงคนเดียวของนาง ยิ่งเป็นเนื้อที่นางตั้งครรภ์มาเป็นสิบเดือน ตอนนี้กลับถูกจวินหย่วนโยวทรมานจนกลายสภาพเป็นเช่นนี้
องค์หญิงใหญ่โกรธสุดขีด กำลังจะเอ่ยปาก รั่วจิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมา “ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ซื่อจื่อของข้าดูแลเซียจิ่วเซียว ดังนั้นไม่มีคำสั่งของฝ่าบาท ใครก็ไม่สามารถช่วยเซียจิ่วเซียวออกไป!”
“บังอาจนัก สุนัขเฝ้าประตูอย่างเจ้าก็กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เด็กๆสั่งสอนเขา!” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยความโกรธแค้น
รั่วจิ่งไม่สนใจ “องค์หญิงใหญ่วางอำนาจที่แคว้นเทียนจิ่วก็ช่างเถอะ จวนซื่อจื่อไม่ใช่สถานที่ที่ท่านจะมากำเริบเสิบสานได้” ขณะที่กล่าวไป ปืนที่อยู่ในมือก็เล็งไปที่เซียจิ่วเซียวโดยตรง กดไปที่ลำกล้องปืน
กระแสน้ำพ่นออกมา ตกลงมาที่เท้าของเซียจิ่วเซียวพอดี พื้นหินอ่อนเดิมสึกกร่อนจนเป็นหลุมขนาดเท่ากำปั้น ยังมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา
“ไอ๊หยา ทำไมข้าถึงมือสั่นได้ เดิมทีข้าคิดจะเล็งไปที่เป้ากางเกงของเซียจิ่วเซียวแท้ๆ” รั่วจิ่งแสร้งทำเป็นเสียดาย
องค์หญิงใหญ่มองดูหลุมใหญ่นั่น สีหน้ายิ่งไม่น่าดูขึ้นมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า ของเล่นเล็กๆนี่จะมีอานุภาพที่ทรงพลังเช่นนี้
เซียจิ่วเซียวตกใจจนปัสสาวะรดกางเกงในทันที “ผู้กล้าไว้ชีวิตด้วย เป็นเพราะข้าปากเสียเอง ข้าไม่กล้าพูดอะไรไปเรื่อยอีกแล้ว มือของท่านอย่าสั่นอีกเป็นอันขาด ข้ายังไม่ได้แต่งงานมีลูก สืบทอดวงศ์ตระกูลเลย!”
หลัวหรูจี๋ตกใจจนกลืนน้ำลายลงคอ ถอยหลังออกไปหลายเมตรโดยสัญชาตญาณ เขาไม่อยากถูกเจ้าสิ่งนั้นกัดกร่อนจนตายหรอกนะ
เมื่อเทียบกับความตกตะลึง โมโห แต่กลับต้องอัดอั้นไม่กล้าเอะอะโวยวาย จี้อวี๋เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นี่คืออาวุธอะไรของเจ้า ถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ทรงพลังอย่างมาก?”
นางกล่าวคำพูดนี้จบก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เห็นองค์หญิงใหญ่กำลังจ้องมองมาทางนางด้วยความโกรธ จี้อวี๋ตัวสั่นขึ้นมา “องค์หญิงใหญ่ ข้าก็แค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น”
“นี่คืออาวุธที่แคว้นต้าเยียนเรามีแต่เพียงผู้เดียว ออกฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก ก้อนหินยังสามารถกัดกร่อนเป็นหลุมขนาดใหญ่ นับประสาอะไรกับคน ตอนนี้ในมือของทหารแคว้นต้าเยียนเรามีคนละอันทุกคน นี่ถ้าหากสู้รบขึ้นมา ไม่ต้องให้เราลงมือด้วยซ้ำ แค่ฉีดไปที่บรรดาทหารของแคว้นเทียนจิ่วโดยตรงก็พอ สถานการณ์นั่นแค่คิดก็สาแก่ใจแล้ว!” รั่วจิ่งกล่าวอย่างดูหมิ่น
คำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนตกตะลึง
จี้อวี๋นำทัพสู้รบตลอดทั้งปีย่อมเข้าใจอยู่แล้ว สิ่งนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นอาวุธทำลายล้างได้เลย ยังไม่ทันที่เจ้าจะลงมือ คนอื่นเขาฉีดมา พวกเจ้าก็ได้แต่รอความตายเท่านั้น
สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ก็ยิ่งเย็นชาโกรธแค้น นางระงับความโกรธแค้นและความโมโหในใจเอาไว้ “เซียวเอ๋อร์ เจ้าอดทนอีกหน่อย แม่จะไปพบจวินหย่วนโยวเดี๋ยวนี้!”
เพราะนางรู้ดีว่า จวินหย่วนโยวไม่ออกคำสั่ง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถช่วยคนออกไปจากจวนซื่อจื่อได้
“ซื่อจื่อของเราสั่งเอาไว้แล้วว่า วันนี้ไม่พบใครทั้งนั้น!” รั่วจิ่งกล่าวอย่างเย็นชา
“น่าชิงชังนัก พวกเจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว!” หลัวหรูจี๋กล่าวด้วยความโกรธ
“จะรังแกเจ้านี่แหละ จะทำไม เจ้ามีปัญหาหรือ?” รั่วจิ่งกล่าวอย่างดูหมิ่น ตวัดอาวุธที่อยู่ในมือ
หลัวหรูจี่ยอมแพ้ในทันที หลบไปอยู่ด้านข้างขององค์หญิงใหญ่โดยสัญชาตญาณ “องค์หญิงใหญ่ พวกเขาทำเช่นนี้คือไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา!”
“หุบปาก!” องค์หญิงใหญ่จ้องมองหลัวหรูจี๋ด้วยความโกรธ หลัวหรูจี๋ตกใจจนตัวสั่น ไม่กล้าเอ่ยปากอีก
“เจ้าไปบอกจวินหย่วนโยว ข้ามีสิ่งของดูต่างหน้าที่แม่ของเขาทิ้งเอาไว้ พบหรือไม่พบให้จวินหย่วนโยวตัดสินใจเอง!”
ทั่วทั้งจวนซื่อจื่อต่างก็รู้ว่า มารดาของซื่อจื่อกับองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วเป็นพี่น้องแท้ๆกัน ตอนนี้องค์หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ รั่วจิ่งย่อมสงสัยอยู่แล้ว เขาลังเลครู่หนึ่งสุดท้ายก็ให้ยามรักษาการณ์ที่อยู่หน้าประตูเข้าไปรายงาน
ไม่นานนัก ยามรักษาการณ์ก็กลับมา “องค์หญิงใหญ่ เชิญเถิด!”
“องค์หญิงใหญ่ ระวังเป็นกับดัก!” หลัวหรูจี๋เอ่ยปากทันที
“องค์หญิงใหญ่ ข้าไปกับท่าน!” จี้อวี๋กำลังจะตามเข้าไป
“ซื่อจื่อของข้าบอกแล้วว่า อนุญาตให้องค์หญิงใหญ่เข้าไปคนเดียวเท่านั้น มิเช่นนั้นก็ส่งแขก!” ยามรักษาการณ์กล่าวอย่างเย็นชา
องค์หญิงใหญ่มองดูเซียจิ่วเซียวครู่หนึ่ง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง “ข้าตามเจ้าเข้าไป!” กล่าวจบ ก็ก้าวเท้าเดินเข้าประตูไป
ห้องโถง
จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงแต่งตัวเต็มยศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนนั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งหลัก มองดูองค์หญิงใหญ่ที่เดินเข้ามา ลมหายใจรอบตัวของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกจนติดลบในชั่วพริบตา
นัยน์ตาสีดำที่ดำราวกับคืนมืดมิดกวาดมองทางองค์หญิงใหญ่ราวกับใบมีดที่แหลมคม “ของดูต่างหน้าที่แม่ข้าทิ้งเอาไว้อยู่ไหน?”
น้ำเสียงเย็นชาโกรธแค้น ทำให้คนฟังตัวสั่นแม้จะไม่หนาว
องค์หญิงใหญ่เงยหน้ามองไปทางจวินหย่วนโยว โครงหน้าคมกริบ ขอบมุมชัดเจน นัยน์ตาดำราวกับหมึก แฝงไปด้วยเจตนาสังหารที่เย็นยะเยือกที่เย็นชา หว่างคิ้วคล้ายคลึงกับคนคนนั้นเจ็ดแปดส่วน
“ตามลำดับอาวุโสแล้ว เจ้าควรจะเรียกข้าว่าท่านอา!” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
“อย่างเจ้า ก็คู่ควร?” จวินหย่วนโยวถามกลับ
“สิทธิ์ที่ข้าคือพี่สาวของแม่เจ้า ข้าไม่มีวันลืมได้เลย ภาพที่แม่เจ้านอนจมกองเลือด ถูกคนแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในตอนนั้น ทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดใจจริงๆ!” องค์หญิงใหญ่จงใจถากถาง
เส้นเลือดบนหน้าผากของจวินหย่วนโยวนูนขึ้นมาทันที มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดเอาไว้แน่น กระดูกส่งเสียงดังกรอบแกรบ สายตาดุร้ายมืดมน ลมหายใจรอบตัวแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกที่ทำลายล้างทุกสิ่ง แช่แข็งทั่วทั้งห้องไปโดยตรง
เป็นเพราะว่าโกรธเกินไป จวินหย่วนโยวไอขึ้นมากะทันหัน
หยุนถิงที่อยู่ด้านข้างยื่นมือเข้ามา ตบหลังให้เขาเบาๆทันที “ซื่อจื่อ องค์หญิงใหญ่ทำเช่นนี้ก็เพราะจงใจจะยั่วยุให้ท่านโกรธ ท่านคอยดูให้ดี ข้าจัดการเอง!”
จวินหย่วนโยวถึงได้ฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ ร่างกายของเขาไม่สามารถโกรธได้ เมื่อครู่นี้เขามัวแต่สนใจความโศกเศร้าเท่านั้น ลืมไปว่าองค์หญิงใหญ่ชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์มาโดยตลอด
หยุนถิงหันหลังมองไปทางองค์หญิงใหญ่ “ข้าวางยาพิษร้ายแรงให้กับเซียจิ่วเซียว หากกำเริบขึ้นมา มันจะเหมือนกับมดตัวกัดกินหัวใจ เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เหมือนตายทั้งเป็น หากองค์หญิงใหญ่ไม่อยากให้เซียจิ่วเซียวได้รับความทรมานเช่นนี้ ก็ส่งของดูต่างหน้าออกมา!”