จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 551 เจ้าจะลองพิจารณาข้าดูหน่อยไหม

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 551 เจ้าจะลองพิจารณาข้าดูหน่อยไหม

“พี่ใหญ่ของเจ้า?” ซูชิงโยวถามด้วยความตกใจ

นึกถึงครั้งก่อน หยุนไห่เทียนยกปิ่นปักผมพวกนั้นให้กับตัวเอง แก้มของซูชิงโยวก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

“ใช่แล้ว พี่ใหญ่ข้าชอบพี่ซู ข้ายังดูออกเลย ครั้งก่อนพี่ใหญ่บอกว่าจะซื้อปิ่นปักผมให้ข้าแท้ๆ แต่แล้วก็ให้ท่านไปทั้งหมด นี่ถ้าหากไม่ได้ชอบแล้วมันคืออะไร?” หยุนหลีถามกลับ

ในใจลึกๆของซูชิงโยวมีความยินดีเล็กน้อยแว๊บผ่านไป หยุนหลีเป็นคนสบายๆไม่ถูกจำกัดที่สุด พูดโกหกไม่เป็น ถ้าหากแม้แต่นางยังพูดเช่นนี้ แม่ทัพหยุนชอบตัวเองจริงๆใช่ไหม——-

ถ้าหากว่าใช่ แล้วทำไมก่อนหน้านี้เขาต้องปฏิเสธตัวเองด้วย คิดถึงตรงนี้ ซูชิงโยวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“พี่ซู ทำไมท่านต้องถอนหายใจด้วย หรือว่าท่านไม่ชอบพี่ใหญ่ข้า?”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว แม่ทัพหยุนมีความสามารถโดดเด่น องอาจผึ่งผาย เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ มีหญิงสาวมากมายชื่นชมเขา เพียงแต่ว่าครั้งที่แล้วข้าสารภาพรักกับเขา แต่ถูกเขาปฏิเสธ” ซูชิงโยวตอบ

“สารภาพ เมื่อไหร่กัน ทำไมข้าไม่รู้เลย?” ใบหน้าของหยุนหลีเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ซูชิงโยวถึงได้เล่าเหตุการณ์ตอนที่อยู่พื้นที่เพาะปลูกของราชวงศ์ออกมา หยุนหลีฟังด้วยความตกตะลึง“พี่ซูคิดไม่ถึงว่าท่านจะกล้าหาญขนาดนี้ พี่ใหญ่ข้าก็เป็นท่อนไม้ท่อนหนึ่ง เขาไม่เคยชอบใครมาก่อน บางทีอาจจะไม่รู้ตัวว่าชอบท่านด้วยซ้ำ”

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น!”

“ท่านอย่าเพิ่งท้อใจไป ในเมื่อพี่ใหญ่ข้าซื้อปิ่นปักผมให้ท่าน ก็แสดงว่าในใจก็มีท่านอยู่ วางใจเถอะ ข้าจะช่วยท่านเอง!” หยุนหลีปลอบโยน

“ขอบคุณเจ้ามาก หยุนหลี!” ซูชิงโยวซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

“กับข้าจะเกรงใจทำไม ถ้าหากพี่สะใภ้ในอนาคตของข้าคือท่าน ข้ายินดีอย่างมาก!” หยุนหลีหัวเราะแฮะๆ

ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง ถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้านไป

วันรุ่งขึ้น ประกาศแห่งราชวงศ์ฉบับหนึ่งสร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งเมืองหลวง

“องค์ชายสี่บริหารจัดการได้ดี และดูแลได้เหมาะสม ทำประโยชน์ต่อท้องพระคลังของแคว้นต้าเยียนข้าอย่างมาก แต่งตั้งให้เป็นเฉินอ๋องโดยเฉพาะ!”

ชาวบ้านพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา องค์ชายสี่ในอดีตไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ชอบเตร็ดเตร่อยู่ในหมู่ผู้หญิง เพื่อความสะดวกเขาถึงกับเปิดหอนางโลมขึ้นมาหนึ่งแห่ง นี่ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าสรรเสริญเยินยอด้วยความประจบประแจง

แต่หลังจากที่ปรับปรุงตัวใหม่ ผู้หญิงในอดีตถูกแยกย้ายจนหมด และคัดเลือกหญิงสาวเข้ามาใหม่อีกกลุ่มหนึ่ง เปลี่ยนมาขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของผู้หญิงแทน

ถึงแม้จะแพง แต่ผลลัพธ์ดี เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาคุณหนูในเมืองหลวง เพราะชื่อเสียงไม่เลว พูดกันปากต่อปากจากหนึ่งเป็นสิบจากสิบเป็นร้อย ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ค้าผลิตภัณฑ์ของสตรีที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงต้าเยียนไปแล้ว

นอกจากนี้ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีสามราคา คนธรรมดาก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ทุกคนล้วนรู้สึกขอบคุณองค์ชายสี่ไม่สิ้นสุด ชื่อเสียงขององค์ชายสี่ย่อมดีขึ้นเป็นธรรมดา

ตอนนี้ได้ยินว่าองค์ชายสี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋อง ทุกคนล้วนดีใจแทนเขาทั้งนั้น

โม่ฉือชิงเดินตลาดแต่เช้าตรู่ ทุกคนล้วนแสดงความยินดีเรียกเขาว่าเฉินอ๋อง โม่ฉือชิงภาคภูมิใจอย่างยิ่ง พูดออกมาโดยตรงว่าทุกอย่างในร้านวันนี้ลดราคาร้อยละสามสิบทุกรายการ

ทันทีที่ข่าวออกมา หญิงสาวที่อยู่ในตลาดล้วนกรูกันเข้ามา ธรณีประตูแทบจะถูกเบียดกันจนพัง

ในเวลาปกติมาช้าไปยังหมด สิ่งที่แย่งยังแย่งไม่ได้ ตอนนี้ลดราคา แถมยังลดตั้งร้อยละสามสิบอีก ทุกคนย่อมต้องซื้อกันมากหน่อยเป็นธรรมดา

โม่หลานไปดูอาวุธที่ร้านอาวุธของหยุนหลีแต่เช้าตรู่ ระหว่างทางก็พบกับโม่ฉือชิงแล้ว

โม่ฉือชิงจงใจจัดเสื้อผ้า แถมยังกระแอมไอสองสามเสียง ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา“โม่หลาน เสด็จพี่แต่งตั้งข้าเป็นเฉินอ๋องแล้ว ต่อไปข้าก็สามารถแทนตัวเองว่าข้าที่เป็นอ๋องแล้ว ยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหม ยังไม่มาคำนับข้าอีก!”

เมื่อครู่ตอนอยู่ที่ตลาด โม่หลานก็ได้ยินชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์แล้ว กำลังสงสัยอยู่เลย ก็เห็นท่าทางอวดดีเช่นนี้ของโม่ฉือชิง โม่หลานกลอกตามองบนโดยตรง

“ทำให้ท่านอวดดีได้ขนาดนี้ สุนัขที่อาศัยบารมีนาย ระวังขึ้นยิ่งสูงตอนร่วงลงมาก็ยิ่งจะอนาถนะ!”

โม่ฉือชิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทันที“นังเด็กบ้า เจ้าพูดภาษาคนเป็นไหม จะหวังให้ข้าดีหน่อยไม่ได้หรือ?”

“ท่านมีดีด้วยหรือ?”

“ทำไมข้าจะไม่มี ข้ามีสติปัญญาไม่ยึดติด กิริยาท่าทางสง่างาม แถมยังหาเงินทำการค้าเป็นอีก แอบบอกเจ้าเลยว่า รายได้กว่าครึ่งของท้องพระคลังในตอนนี้ข้าเป็นคนส่งมอบทั้งนั้น และทรัพย์สินที่ข้าเก็บสะสมเองก็สามารถเทียบกับท้องพระคลังแล้ว” โม่ฉือชิงกล่าวอย่างได้ใจ

โม่หลานแสร้งทำเป็นประหลาดใจ“คิดไม่ถึงว่าท่านจะร่ำรวยขนาดนี้”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าเป็นถึงเทพบุตรในใจของหญิงสาวในเมืองหลวง หน้าตาหล่อเหลาแถมยังร่ำรวย เจ้าจะลองพิจารณาดูหน่อยไหม?” โม่ฉือชิงกล่าวอย่างอวดดี

ใบหน้าของโม่หลานเต็มไปด้วยความรังเกียจ“ไม่พิจารณา ถ้าหากข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทว่าท่านยักยอกเงิน เบียดบังผลประโยชน์ใส่ตัว ให้ฝ่าบาทยึดทรัพย์สินของท่านเป็นของหลวงให้หมด ดูสิว่าท่านยังจะยิ้มออกหรือไม่!”

“นังเด็กบ้า เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือ ต่ำช้าขนาดนี้ ทรัพย์สินของข้าได้มาอย่างถูกต้องไม่กลัวถูกตรวจสอบ นั่นเป็นเงินที่ข้าเก็บเอาไว้แต่งงานรับหวางเฟยในอนาคต เจ้าอย่าคิดจะใส่ร้ายข้าเชียว?”

“เช่นนั้นก็รอให้ท่านหาหวางเฟยให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!” โม่หลานก้าวเท้ากำลังจะจากไป

โม่ฉือชิงกล่าวขึ้นมาอย่างบูดบึ้ง“นังเด็กบ้า ข้าจัดเลี้ยงที่ร้านปิ้งย่างของหยุนซูในตอนเที่ยง หากเจ้ามีธุระก็ไม่ต้องมาแล้ว”

เขาต้องการจะเรียกโม่หลานแท้ๆ แต่คำพูดมาถึงปากความหมายกลับเปลี่ยนไป

“กินโดยไม่ต้องจ่ายเงินทำไมจะไม่กิน ได้กินก็ถือว่ากำไรแล้ว!” โม่หลานทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่งก็จากไป

โม่ฉือชิงเห็นนางบอกว่าจะมา มุมปากยกขึ้นเป็นมุมโค้งเล็กน้อย

ในตอนเที่ยง หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็นั่งรถม้าไปที่ร้านปิ้งย่างเช่นกัน

เพียงแต่ว่าหยุนถิงเพิ่งจะลงจากรถม้า ในฝูงชนก็มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในตอนที่กระทบไหล่กับหยุนถิง นางพูดออกมาประโยคหนึ่ง

“อย่าไปงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในอีกสองสามวันข้างหน้า!”

ในตอนที่หยุนถิงตอบสนองกลับมา คนคนนั้นก็เดินไปไกลแล้ว

ถึงแม้เขาจะแต่งงานเป็นผู้ชาย แต่หยุนถิงกลับจำเสียงของนางได้

“ท่านพี่ คือจี้อวี๋ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมาแจ้งข่าว?”

นัยน์ตาดำของจวินหย่วนโยวหรี่ลงอย่างเฉือนคม“ถือว่านางยังมีมโนธรรมอยู่”

ถึงแม้จะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่กับเฟิ่งจาวหยีร่วมมือกัน แต่จี้อวี๋แต่งตัวเช่นนี้มาส่งข่าว จวินหย่วนโยวก็รู้แล้วว่าจี้อวี๋ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับองค์หญิงใหญ่

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไปที่ห้องส่วนตัวอักษรเทียนหมายเลขหนึ่ง ข้างในมีคนนั่งอยู่เต็มแล้ว เมื่อทุกคนเห็นพวกเขาเข้ามา ก็รีบยกเก้าอี้มาดูแลทันที

“พี่ใหญ่ วันนี้โม่ฉือชิงได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องแล้ว ท่านต้องกินให้เต็มที่ อย่าได้ช่วยเขาประหยัดเชียวนะ!” หยุนหลีกล่าว

หยุนถิงถูกนางทำให้รู้สึกขบขัน“ตกลง!”

“คุณหนูหยุน ไม่ได้พบกันนานเลย!” ฉินจิ้งอี๋กล่าวด้วยความดีใจ ตั้งแต่ตั้งครรภ์นางก็อยู่ที่บ้านตลอด ตอนนี้ก็ห้าเดือนกว่าแล้ว หาได้ยากที่ทุกคนรวมตัวกันเช่นนี้ ดังนั้นนางก็เลยมา

หยุนถิงมองดูท้องของนางครู่หนึ่ง“ไม่เลว คนก็ดูอ้วนขึ้นมาแล้ว ดูท่าจ้าวเคอดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”

จ้าวเคอยิ้มด้วยความกระดากอาย“ล้วนเป็นความดีความชอบของแม่ข้าทั้งนั้น!”

“เช่นนั้นก็ยิ่งดีใหญ่ ถึงเวลาข้าจะทำคลอดให้เจ้าเอง!” หยุนถิงเอ่ยปาก

ฉินจิ้งอี๋ทั้งประหลาดใจและซาบซึ้ง“ขอบคุณคุณหนูหยุนมาก มีท่านอยู่ข้าก็สบายใจแล้ว”

จวินหย่วนโยวมองดูหยุนถิงคุยกับผู้หญิงสองสามคนอย่างเมามัน ถึงได้ชำเลืองไปทางโม่เหลิ่งเหยียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาด้านข้าง“เหตุการณ์ในพระราชวัง ขอบคุณมาก!”

องค์หญิงห้าต้องการจะใส่ร้ายหยุนซู ซวนอ๋องพาขันทีและนางกำนัลสองสามคนเข้ามาอย่างบังเอิญขนาดนั้น นี่ต้องไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน

ถึงแม้จะไม่มีความช่วยเหลือของโม่เหลิ่งเหยียน คนของจวินหย่วนโยวก็สามารถจับตัวพวกเขาได้เช่นกัน แต่ทำเช่นนั้นฮ่องเต้ก็จะสงสัยว่าเขามีสายในพระราชวัง ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อทั้งจวินหย่วนโยวและจวนซื่อจื่อ

โม่เหลิ่งเหยียนกวาดมองมาด้วยสายตาเย็นยะเยือก“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพูดขอบคุณเป็น ข้าจะรับเอาไว้!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท