จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 562 ผู้หญิงบางคนท่านไม่สามารถล่วงเกินได้

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 562 ผู้หญิงบางคนท่านไม่สามารถล่วงเกินได้

ใบหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาไม่แยแส ให้คนเรียกตัวโม่ฉีเฟิงมาทันที ตอนนี้โม่ฉีเฟิงเป็นผู้บัญชาการของกองทหารหลวงทั้งเมืองหลวง ดังนั้นจะให้เมืองหลวงเกิดความผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด

โม่หลานก็ตามมาด้วย เดิมทีโม่หลานก็อยู่ในรายชื่อที่ได้รับคำเชิญ แต่นางไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ แทนที่จะทนดูคนพวกนี้เสแสร้ง ประจบสอพลอไม่สู้เอาเวลาไปร่ายรำวิชาดาบสองสามชุดดีกว่า

“เกิดอะไรขึ้น งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์วันนี้เรียกพี่ใหญ่ข้ามาทำไม?” โม่หลานถาม

“ฝ่าบาทกับหยุนถิงถูกวางยาพิษหมดสติในงานเลี้ยงวันนี้ ข้าสงสัยว่าเฟิ่งจาวหยีกับองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วสมรู้ร่วมคิดกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ดังนั้นจำเป็นต้องให้แม่ทัพโม่ปิดล้อมทั่วทั้งเมืองหลวง จะปล่อยให้ข่าวฝ่าบาทถูกพิษรั่วไหลออกไปไม่ได้เด็ดขาด!” โม่ฉือหานรีบเอ่ยปากทันที

“หยุนถิงถูกพิษได้อย่างไร นางอยู่ที่ไหน สถานการณ์ร้ายแรงไหม จวินหย่วนโยวล่ะ?” โม่หลานถามด้วยความเป็นห่วง

“ตอนนี้นางอยู่ที่ตำหนักด้านข้างของฝ่าบาท จวินหย่วนโยวอยู่กับนาง หมอยมบาลช่วยรักษาพวกเขาแล้ว พิษถูกกำจัดออกไปแล้ว แต่คนยังไม่ได้สติ!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ

เขารู้ว่าโม่หลานกับหยุนถิงเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน โม่หลานเป็นห่วงหยุนถิงจริงๆ ดังนั้นโม่เหลิ่งเหยียนถึงได้อธิบายอย่างอดทน

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว มีจวินซื่อจื่ออยู่ทั้งคนหยุนถิงต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน พี่ใหญ่รับผิดชอบทั่วทั้งเมืองหลวง ข้ารับผิดชอบพระราชวัง ข้าเห็นองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วขัดหูขัดตามานานแล้ว นางถึงกับกล้าลงมือในพระราชวัง จะให้อภัยง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด!” โม่หลานจัดแจงโดยตรง

“ตกลง น้องสาวเจ้าต้องระวังตัวด้วย!” โม่ฉีเฟิงออกไปปิดข่าวทันที

สีหน้าของโม่ฉือหานเย็นชาและเคร่งขรึมเล็กน้อย“โม่หลานเจ้าจัดการเช่นนี้ มันจะสะเพร่าเกินไปหน่อยแล้ว”

“มิเช่นนั้นจะจัดการอย่างไร รอให้หลีอ๋องพิจารณาถี่ถ้วน มันก็สายเกินไปแล้ว!” โม่หลานเบะปาก

หมิงจิ่วซางยังอดที่จะยกนิ้วโป้งให้โม่หลานไม่ได้“คำพูดหยาบคายแต่มีเหตุผลมาก คุณหนูโม่ช่างเป็นคนรู้เหตุรู้ผลจริงๆ”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“เหลวไหล ผู้หญิงอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร ถึงกับมาชี้นิ้วสั่งในพระราชวัง?” โม่ฉือหานกล่าวด้วยสีหน้าดำมืด

โม่หลานไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย เกี่ยวมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย“คนที่ไม่รู้อะไรอย่างข้า กลับสามารถทำให้ท่านท้องเสียได้ ยังต้องการการยืนยันอย่างอื่นอีกไหม?”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของโม่ฉือหานเย็นชาเคร่งขรึม จ้องมองมาด้วยความโกรธแค้น“โม่หลาน เจ้ารนหาที่ตาย!” คำรามด้วยความโกรธ ฝ่ามือจู่โจมเข้ามา

โม่หลานหลบออกไปอย่างง่ายดาย กำลังจะตอบโต้ แต่กลับถูกคำพูดของซวนอ๋องหยุดเอาไว้“พอได้แล้ว พวกเจ้าสองคนหยุดด้วยกันทั้งคู่เลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสร้างความวุ่นวายภายใน ควรจะสามัคคีกันต่อสู้กับภายนอก จัดการกับองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่ว!”

“ใครใช้ให้หลีอ๋องเลือกปฏิบัติกับข้า ผู้หญิงบางคนท่านไม่สามารถล่วงเกินได้!” โม่หลานกล่าวอย่างดูหมิ่น

ผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับตัวเองคนหนึ่ง ก็กล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้านาง

“ท้องเสีย รีบเล่าให้ข้าฟังเร็ว!” หมิงจิ่วซางถามอย่างไม่กลัวว่าเรื่องจะบานปลาย

สายตาดุดันของซวนอ๋องกวาดมองมาอย่างเย็นชา หมิงจิ่วซางหดหัวโดยสัญชาตญาณ หุบปากไปอย่างรู้สถานการณ์

“สาเหตุที่องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วโอหังเช่นนี้ ก็เพราะพาองครักษ์ลับกับหน่วยกล้าตายมาจำนวนมาก เจ้าไปกำจัดกองกำลังทั้งหมดของนางเดี๋ยวนี้!” ซวนอ๋องออกคำสั่ง

“ได้เลย!” หมิงจิ่วซางกระโดดตัวจากไป

“เช่นนั้นข้าทำอะไร?” โม่หลานถาม

“เจ้าไปจับตามององค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วเอาไว้ นางเป็นผู้หญิง บรรดาองครักษ์ไม่สะดวก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาวางแผนกันอย่างลับๆหรือไม่ก็หลบหนีไป เจ้าต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปาก

“ตกลง!” โม่หลานแบกดาบของนางเดินจากไป

กองทหารหลวงคนหนึ่งเดินเข้ามา นำทางนางทันที

โม่เหลิ่งเหยียนชำเลืองมองไปทางโม่ฉือหานที่มีสีหน้าเย็นชาดำมืด“เจ้าจะไปถือสาผู้หญิงคนหนึ่งทำไม เจ้าพาคนไปตรวจค้นที่แปรพระราชฐาน ข้าจะนำกำลังคนไปทำลายฐานลับทั้งหมดของแคว้นเทียนจิ่วในเมืองหลวง!”

ถึงแม้โม่ฉือหานจะโมโหโกรธแค้น แต่ก็รู้ว่าคืนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการจัดการแคว้นเทียนจิ่ว“ตกลง ข้าจะร่วมมือกับเจ้า!”

และฉินเฟยที่ไปที่ห้องเครื่อง ถูกควันไฟสำลักไม่ไหว สาวใช้จะทำแทนนาง แต่กลับถูกฉินเฟยตำหนิ

“ตอนนี้ฝ่าบาทหมดสติอยู่ สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ก็มีเพียงเรื่องพวกนี้แล้ว!”

คนอื่นๆในห้องเครื่องล้วนได้ยินกันหมด ล้วนรู้สึกประทับใจในความจริงใจของฉินเฟย รู้สึกนับถือและชื่นชมนางมากยิ่งขึ้น

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ฉินเฟยให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน ตัวเองยังคงเคี่ยวยาอยู่อย่างนั้น

ทุกคนเพิ่งจะจากไป ฉินเฟยเห็นห้องเครื่องไม่มีคนแล้ว ก็โยนพัดที่อยู่ในมือทิ้งไป“พัดมาทั้งคืนแล้ว มือของข้าพองไปหมดแล้ว แขนก็ปวดเมื่อยจะแย่ รีบเข้ามาช่วยนวดให้ข้าเร็ว!”

ฉินเฟยในเวลานี้ไหนเลยจะยังมีความอ่อนโยนเอาใจใส่ สง่างามมีคุณธรรมเมื่อครู่นี้อีก ชำเลืองไปทางหม้อยานั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูหมิ่น

“เพคะ!” สาวใช้รีบเข้ามาบีบนวดมือให้ฉินเฟยทันที

ไม่นานนัก ก็มีกลิ่นไหม้โชยมา สาวใช้รีบมองทางหม้อยานั่นทันที“เหนียงเหนียง ยาไหม้แล้ว บ่าวจะไปเอาชุดใหม่มาเดี๋ยวนี้”

“ไม่ต้อง หมอหลวงหลิวยังไม่มีปัญญารักษาฝ่าบาท แล้วจะสั่งยาได้อย่างไร นี่ก็เป็นแค่ยาที่ข้าให้คนจัดมาส่งๆเท่านั้น ในเมื่อบ่าวรับใช้ไปกันหมดแล้ว ก็เทยานี่ทิ้งซะ เราก็กลับไปพักผ่อนกันเถอะ!” ฉินเฟยออกคำสั่ง

“เพคะ แต่ว่าเหนียงเหนียงเรากลับไปเช่นนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่กระมัง?” สาวใช้กระซิบถาม

“มีอะไรไม่ดีตรงไหน ตอนนี้อยู่อย่างสงบเสงี่ยม อยู่ในลานของตัวเอง สำหรับหลิ่วเฟยกับเหมยเฟยแล้วก็คือการรู้เหตุรู้ผลที่ดีที่สุดแล้ว!”

“เหนียงเหนียงปราดเปรื่องยิ่งนัก!” สาวใช้รีบไปจัดการทันที

และองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วถูกนำตัวไปที่ห้องรับแขก ในเรือนประดับประดาอย่างประณีต การตกแต่งสะอาดสะอ้าน รูปแบบพิถีพิถัน ดูไม่เลวเช่นกัน

องค์หญิงใหญ่โยนแจกันที่อยู่บนหิ้งลงไปบนพื้นอย่างแรง แจกันแตกกระจาย เศษเล็กเศษน้อยกระจายไปทั่ว บังเอิญมีชิ้นหนึ่งบาดฝ่ามือของนางเข้าพอดี เลือดสีแดงสดหยดลงมาสองสามหยด

“องค์หญิงใหญ่ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?” หลัวหรูจี๋มองมาด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าสารเลวโม่เหลิ่งเหยียนถึงกับสังหารองครักษ์ลับและหน่วยกล้าตายที่ข้าฝึกฝนมาอย่างดีจนหมด แค้นนี้ข้าจะต้องชำระ และจะต้องเอาคืนกลับไปสองเท่าให้ได้!” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยความโกรธแค้น

“คนของซวนอ๋องในคืนนี้ผิดธรรมดามาก มองไม่เห็นเลยว่าพวกเขาลงมืออย่างไร?” หลัวหรูจี๋ก็สะดุ้งตกใจไปจริงๆเช่นกัน

“น่าจะเป็นอาวุธลับ!” จี้อวี๋ตอบ

“อาวุธลับอะไรร้ายกาจขนาดนี้ แม่นยำแถมยังไม่ได้ยินเสียงอีก อาวุธลับเช่นนี้หากใช้ในสนามรบเช่นนั้นแคว้นเทียนจิ่วข้าจะไม่จบเห่หรอกหรือ!” หลัวหรูจี๋คิดแล้วยังรู้สึกนึกกลัวภายหลัง

“เจ้าโง่ ส่งเสริมให้ผู้อื่นมีอำนาจแต่กลับดูถูกความสามารถของตนเอง ไสหัวออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า!” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยความหงุดหงิดโมโห

เดิมทีนางก็หดหู่คับข้องใจอยู่แล้ว ได้ยินหลัวหรูจี๋กล่าวเช่นนี้อีก อยากจะตบเขาให้ตายในฝ่ามือเดียวจริงๆ

หลัวหรูจี๋ตกใจแทบตาย“กระหม่อมปากพล่อยไปเอง กระหม่อมทูลลา!” ขณะที่พูดก็กำลังจะออกไป เมื่อเห็นโม่หลานถือดาบเดินเข้ามา เขาตกใจจนหดตัวกลับมา

องค์หญิงใหญ่ก็เห็นโม่หลานแล้วเช่นกัน สีหน้ายิ่งไม่น่าดูขึ้นมาเล็กน้อย“บังอาจ เจ้าถึงกับกล้าถือดาบมาที่ห้องของข้า กำเริบเสิบสาน!”

โม่หลานฮึขึ้นมาอย่างเย็นชา ดาบยาวที่อยู่ในมือฟันไปทางด้านหน้าขององค์หญิงใหญ่

องค์หญิงใหญ่ตกใจแทบแย่ในทันที“จี้อวี๋!”

จี้อวี๋พุ่งเข้ามาทันที แต่ในมือของนางไม่มีอาวุธ ไม่กล้าเผชิญหน้ารับดาบโดยตรง ได้แต่ใช้กำลังงัดกำลัง แต่แล้วด้ามดาบยาวเล่มนั้นก็แทงลงไปบนพื้นตรงหน้าขององค์หญิงใหญ่ ด้ามดาบส่งเสียงหึ่งๆที่แสบแก้วหูออกมา ทำให้คนฟังรู้สึกอึดอัดอย่างมาก

“ข้าจะกำเริบเสิบสาน ท่านจะทำอะไรข้าได้!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท