จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 573 พวกเราจะอยู่ด้วยกันทุกชาติไป

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 573 พวกเราจะอยู่ด้วยกันทุกชาติไป

พอพวกหยางเฟยไป สาวใช้รีบไปรายงานองค์ชายรองชางหมิงเยว่ทันที นางเป็นสาวใช้คนสนิทของหยางเฟย คำพูดของนายตน นางย่อมเข้าใจความนัยอยู่แล้ว

ด้านหน้าประตูตำหนักข้าง หยางเฟยสัมผัสได้ถึงบรรยากาศประหลาดในอากาศ นางผลักประตูเข้าไป กำลังจะถวายบังคม ฮ่องเต้ก้าวเท้าเร็วพุ่งเข้ามา สะบัดมือตบหน้าหยางเฟยไปสองฉาดทันที

“เพี๊ยะเพี๊ยะ!” เสียงตบหน้าสองฉาดดังขึ้น จากนั้นความเจ็บแสบร้อนผ่าวที่สองแก้มก็แล่นขึ้นมา หยางเฟยสีหน้าซีดเผือดลงทันที

“ฝ่าบาท ทรงตบหม่อมฉันด้วยเหตุใดกัน?”

“เจ้ากล้าใช้ครอบครัวเซียวซ่างซูไปข่มขู่เขาให้ลงมือฆ่าเย่เอ๋อร์ และยังลอบส่งคนไปฆ่าเย่เอ๋อร์อีก เจ้ารู้ความผิดหรือไม่!” ฮ่องเต้ตะคอกดังอย่างเดือดดาล

หยางเฟยสีหน้าบิดเบี้ยวทันที ฝ่าบาทรู้แล้วจริงๆด้วย ใครทรยศตน

“ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันจะส่งคนไปฆ่าไท่จื่อได้อย่างไร ต้องมีคนใส่ร้ายหม่อมฉันแน่!” หยางเฟยคุกเข่าร้องหาความยุติธรรมทันที

ฮ่องเต้เห็นนางยังคงไม่สำนึกผิด ก็ผิดหวังยิ่งนัก “เซียวซ่างซู เย่เอ๋อร์!”

พอพูดจบ หยางเฟยก็เห็นในตำหนักข้าง ชางหลันเย่พยุงเซียวซ่างซูเดินเข้ามา

หยางเฟยอึ้งไปเลย ไหนบอกชางหลันเย่กับเซียวซ่างซูตายแล้วอย่างไร พวกมันกลับยังมีชีวิตอยู่ และยังเข้าวังมาโดยที่คนของตนไม่รู้ข่าวเลยสักนิด

ฮ่องเต้เห็นแววตะลึง ประหลาดใจ งุนงง ไม่อยากจะเชื่อบนใบหน้าหยางเฟย—-ก็รู้ทันทีว่าเซียวซ่างซูไม่ได้โกหก

“เหนียงเหนียงเหตุใดทรงชั่วร้ายเพียงนี้ ใช้ครอบครัวของกระหม่อมมาข่มขู่ก่อน ให้กระหม่อมวางยาพิษไท่จื่อ และยังส่งนักฆ่ามาฆ่าอีก สุดท้ายยังให้คนฆ่ากระหม่อมปิดปาก โชคดีที่กระหม่อมดวงแข็ง หนีรอดไปได้ ขอฝ่าบาททรงพระกรุณาช่วยครอบครัวกระหม่อมด้วยเถอะ กระหม่อมตายมิเสียดายเลย!” เซียวซ่างซูคุกเข่าลงขอร้องอ้อนวอน

หยางเฟยโกรธจนหน้าซีดเผือด เจ้าโง่เซียวซ่างซูกล้าทรยศตน หากรู้เช่นนี้ไม่ควรเก็บเขาไว้เลย

“เซียวซ่างซู เหตุใดเจ้าต้องใส่ร้ายข้าด้วย ใครบงการเจ้ากันแน่ ยังไม่รีบสารภาพมาอีก!” หยางเฟยตะคอกดังอย่างโกรธขึ้ง

“ฝ่าบาท ขอฝ่าบาทตัดสินให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมมีหลักฐาน” เซียวซ่างซูรีบหยิบจดหมายออกมา เป็นพวกที่หยางเฟยใช้ติดต่อเขา เขาจงใจคัดลอกเอาไว้ เพื่อป้องกันไว้ก่อน

ฮ่องเต้เดินมาดู พลางเดือดดาลจัด โยนจดหมายพวกนั้นใส่หน้าหยางเฟย “นี่คือการใส่ร้ายที่เจ้าว่า เจ้าดูเองเถอะ กล้ากำจัดผู้ที่เห็นต่างสบคบคิดขุนนางราชสำนักลับหลังข้า หยางเฟยเจ้านี่ช่างเก่งกาจเสียจริงนะ!”

หยางเฟยเหล่มองจดหมายเหล่านั้น ดวงตางามถลึงตามองเซียวซ่างซูอย่างเคียดแค้น แทบอยากเข้าไปจับเขามาสับเป็นหมื่นๆชิ้น

“ฝ่าบาท ครอบครัวของเซียวซ่างซูหาพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ด้านนอกประตู องครักษ์คนหนึ่งเข้ามารายงาน

“ให้พวกเขาเข้ามา!” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น

สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งพาเด็กสามคน และสตรีชราคนหนึ่งที่ผมเผ้าขาวโพลนเข้ามา พอพวกเขาเข้ามาก็โขกศีรษะให้ฝ่าบาททันที

“ท่านแม่ ฮูหยิน ลูกพ่อพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เซียวซ่างซูพุ่งเข้ามาทั้งๆที่คุกเข่า กอดพวกเขาร้องไห้โฮ

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!” เสียงเด็กหลายคนร้องไห้กันระงมยิ่งทำคนฟังปวดใจ

“ฝ่าบาท กระหม่อมพบคนพวกนี้ในห้องเก็บฟืนด้านหลังตำหนักหยางเฟย!” องครักษ์รายงาน

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เคยพบคนพวกนี้มาก่อนเลย!” หยางเฟยรีบปฏิเสธทันที

ฮ่องเต้ถลึงตามองมาอย่างเดือดดาลและตบนางเข้าอีกฉาดหนึ่ง “หยางเฟยข่มขู่ขุนนาง ลอบวางยาไท่จื่อ ไม่รู้สำนึก สารเลวชั่วร้าย ปลดฐานะพระสนม ลดเป็นกุ้ยเหริน ลงโทษลดเงินเดือนหนึ่งปี กักบริเวณสามเดือน ไม่มีคำสั่งข้าห้ามมิให้นางออกจากห้องแม้เพียงครึ่งก้าว

แม่ทัพเฒ่าหยางอบรมบุตรสาวมิดี พฤติกรรมมิสมควร ยึดอำนาจทหารคืน ลดขั้นลงเป็นแม่ทัพม้าขาว! ปลดตำแหน่งซ่างซูของหยางเหวินย่ง ลดขั้นเป็นนายสนอง หากทำความผิดอีก รีดเอาทรัพย์ประหารชีวิตได้เลย!”

น้ำเสียงเย็นเยียบ เด็ดขาดโหดเหี้ยม ประหนึ่งกระบองไม้ใหญ่ท่อนหนึ่งทุบลงมาที่หัวใจหยางเฟยอย่างแรง

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย ทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉันเอง หม่อมฉันหลงผิดไปชั่ววูบ ทำความผิด ขอฝ่าบาทลงโทษหม่อมฉันเพียงผู้เดียว ท่านพ่อและพี่ใหญ่ของหม่อมฉันบริสุทธิ์ พวกเขาไม่รู้อะไรกับการกระทำของหม่อมฉันด้วยเลย ขอฝ่าบาททรงพระกรุณาด้วย!” หยางเฟยรีบขอร้องทันที

“หยางเฟยเหนียงเหนียง ท่านกลัวท่านพี่ไท่จื่อแย่งตำแหน่งไท่จื่อของพี่รอง ถึงได้ส่งคนไปลอบฆ่าเขาใช่หรือไม่?” องค์ชายสี่ชางหลัวอวี้ที่เงียบมาตลอด พูดขึ้น ในอ้อมแขนยังกอดท่อนไม้นั้นไว้

ทำเอาหยางเฟยโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ “อย่าพูดซี้ซั้ว คนบ้าคนหนึ่งเจ้าจะรู้อะไรล่ะ?”

“ถึงข้าจะบ้าไปบ้าง แต่ข้าเองก็รู้จักคำว่า พี่น้องรักใคร่ปรองดอง พี่น้องสามัคคี สัตว์ร้ายไม่กินลูก!” ชางหลัวอวี้เบ้ปาก

“เจ้าหุบปากบัดเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าต่างหากหุบปากซะ เรื่องที่แม้แต่เจ้าสี่ยังรู้ แต่เจ้ากลับไม่รู้ ดูท่าข้าจะลงโทษเบาไปเสียแล้ว ทหาร จับหยางเฟยเข้าคุกเสีย!” ฮ่องเต้ตะคอกดัง

องครักษ์สองคนรีบพุ่งเข้ามาทันที หามตัวหยางเฟยออกไป ไม่ว่าหยางเฟยจะร้องอ้อนวอนเพียงไร ฮ่องเต้ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

ตำหนักข้างอันยิ่งใหญ่ในที่สุดก็สงบลงได้เสียที ฮ่องเต้หันมองชางหลันเย่ “เย่เอ๋อร์ ข้าผิดต่อเจ้า ถึงได้ทำให้หยางเฟยทำร้ายเจ้าถึงเพียงนี้ นับจากวันนี้ไปเจ้าเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพหลวงในวังหลวง ข้าจะดูสิว่าใครจะกล้าทำร้ายเจ้าอีก!”

“เสด็จพ่อ ลูกเพียงอยากคอยอยู่ข้างกายเสด็จพ่อและเสด็จแม่เท่านั้น ข้ามิได้อยากแย่งชิงอำนาจ หากเสด็จพี่มีตัวเลือกไท่จื่อที่เหมาะสม ลูกยินดีจะยกตำแหน่งให้!” ชางหลันเย่พูดอย่างอ่อนน้อม

“พูดบ้าอะไรกัน เจ้าคือไท่จื่อที่พ่อแต่งตั้งเอง และไปเป็นตัวประกันสิบปีที่แคว้นต้าเยียนเพื่อปกป้องแคว้นชางเยว่เรา ขอเพียงข้ายังมีชีวิตอยู่ ใครก็อย่าหวังได้แตะต้องตำแหน่งไท่จื่อของเจ้าได้!” ฮ่องเต้พูดอย่างเข้มงวด

ชางหลันเย่ตื้นตันใจยิ่งนัก ดวงตาแดงก่ำ “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”

“เด็กโง่!”

อีกด้านหนึ่ง ชางหมิงเยว่ได้ยินสาวใช้บอกว่าเสด็จแม่ถูกองครักษ์พาไป ฉับพลันรู้สึกไม่ชอบมาพากล รีบเข้าวังอย่างรวดเร็ว

ยังไม่รอเขาได้เข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ก็ได้ยินเสด็จพ่อมีราชโองการปลดเสด็จแม่เป็นกุ้ยเหรินและจับขังคุก ชางหมิงเยว่อึ้งตกตะลึงไปเลย เขาไม่ทันคิดอะไรมาก รีบไปขอเข้าเฝ้าเพื่อขอร้องเสด็จพ่อทันที

แต่ฮ่องเต้ไม่คิดจะพบเขา ชางหมิงเยว่คุกเข่าลงที่ด้านนอกตำหนักข้างทันที

ฮ่องเต้ตะคอกอย่างเดือดดาล “มันอยากคุกเข่าก็ให้มันคุกเข่าเถิด คุกเข่าจนตายข้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ!”

วันนี้แม่ทัพเฒ่าหยางโดนริบอำนาจทหาร แค่ชั่วพริบตา ลูกชายโดนลดขั้นตำแหน่งราชการ หยางเฟยที่เคยเป็นที่โปรดปรานที่สุดกลับถูกลดขั้นเป็นกุ้ยเหรินและยังถูกจับขังคุก ตระกูลหยางที่เคยมีหน้ามีตาเช่นนั้นจบสิ้นกันภายในวันเดียว

ตำหนักไท่จื่อ

ชางหลันเย่ได้ยินเจว๋เฟิงรายงานสถานการณ์ของตระกูลหยาง ใบหน้าเย็นชาไม่มีความอบอุ่นแม้เพียงนิด เย็นชาเย็นเยียบ

นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ทั้งหมดที่ตระกูลหยางติดค้างเขา เขาจะเอาคืนเสียให้สิ้น และเอาคืนเป็นเท่าตัวแน่!

………

จวนซื่อจื่อ

พวกจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงกลับไป จวินหย่วนโยวให้หยุนถิงไปพักผ่อน ตนได้ให้เหล่าองครักษ์นำหินสูงและของแหลมคมทั้งหมดในจวนไปทิ้งเสียให้หมด แม้แต่ภูเขาปลอมแถวสระน้ำในสวนก็ให้คนยกออกไป

ทำเอาคงอู๋ไต้ซืออดเบ้ปากมิได้ “ชาติหน้าข้าก็จะขอเกิดเป็นสตรี ได้รับการรักใคร่โปรดปรานเยี่ยงนี้เหมือนเจ้านี่ดีนัก!”

จวินหย่วนโยวเหล่มองเขาอย่างรังเกียจ “มิต้องคิดเลย ข้ามิสนใจท่านดอก ชาติหน้า ชาติต่อๆไปข้านัดกับถิงเอ๋อร์ดีแล้ว พวกเราจะอยู่ด้วยกันทุกชาติตลอดไป ไม่แยกจากกัน!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท