จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 595 นางเป็นคนของข้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 595 นางเป็นคนของข้า

น้ำเสียงช่างเต็มไปด้วยอำนาจ เหิมเกริม เย็นชา

ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสตะลึงไปตามๆกัน เสวี่ยเชียนโฉวถึงกับออกโรงปกป้องคนวางเพลิงอย่างออกหน้าออกตา

“เจ้าอุทยาน ท่านทำเช่นนี้ เท่ากับไม่เห็นผู้อาวุโสอย่างพวกข้าอยู่ในสายตาเลยนะ!” ผู้อาวุโสฉีตะคอกอย่างเดือดดาล

“ข้าไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาจริงๆ แล้วอย่างไรเล่า?” เสวี่ยเชียนโฉวย้อนหน้าตาเฉย

ผู้อาวุโสฉีโกรธจนหน้าดำเหมือนก้นหม้อ เขาเป็นผู้อาวุโสอันดับที่หนึ่งของอุทยานตระกูลเสวี่ย จู่ๆก็โดนเด็กรุ่นหลังที่พึ่งมาได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนท้าทายเข้าแบบนี้ แล้วจะให้เขาอยู่ในอุทยานตระกูลเสวี่ยต่อไปได้อย่างไร

“ต่อให้เป็นเจ้าอุทยานคนก่อนก็ไม่เคยพูดจาเช่นนี้กับข้า ตอนนี้เจ้าอุทยานคนก่อนสิ้นแล้ว เจ้ากลับกระทำการอุกอาจ ไม่แบ่งแยกดีชั่วเช่นนี้ นี่คือไม่สนใจความเป็นความตายของคนทั่วทั้งอุทยานเลยนี่นา ข้าขอเสนอให้ยกเลิกตำแหน่งเจ้าอุทยานของเสวี่ยเชียนโฉว!” ผู้อาวุโสฉีตะคอกอย่างเดือดดาล

พอคำนี้ออกมา ผู้อาวุโสคนอื่นพากันงงเป็นไก่ตาแตกเลย

พวกเขาเองก็ไม่ยอมรับเสวี่ยเชียนโฉว แต่พอนึกถึงฝีมือของเขา เหล่าผู้อาวุโสก็ขนหัวลุก

“ผู้อาวุโสฉีใจเย็นก่อน เจ้าอุทยานเป็นลูกชายของเจ้าอุทยานคนก่อน เขาพึ่งรับตำแหน่งเจ้าอุทยานได้เพียงเดือนเดียว หากต้องโดนยกเลิก เกรงว่าจะทำให้เกิดความปั่นป่วนไม่น้อยเลยนะ!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้น

“วันนี้ข้าพูดไว้ตรงนี้ล่ะ หากไม่มอบตัวคนวางเพลิงออกมา ก็ปล่อยตำแหน่งเจ้าอุทยานออกมาซะ!” ผู้อาวุโสฉีเดือดจัด

เดิมเขาก็ไม่ชอบหน้าเสวี่ยเชียนโฉว บัดนี้เขายังกล้าท้าทายตน ผู้อาวุโสฉีย่อมต้องทำให้เขารู้ถึงความร้ายกาจของตนอยู่แล้ว

สายตาเสวี่ยรั่วหย่ามีแววสมใจ ผู้อาวุโสฉีพูดเช่นนี้แล้ว นางจะดูสิว่าเสวี่ยเชียนโฉวจะเลือกอย่างไร

เสวี่ยเชียนโฉวสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ยังมีใครหวังว่าข้าจะมอบตำแหน่งเจ้าอุทยานออกมาอย่างผู้อาวุโสฉีอีกไหม มีเพียงแค่ผู้อาวุโสฉีคนเดียวที่ไม่ชอบหน้าและไม่ถูกกฎระเบียบรึ?”

“พวกเจ้ามัวอึ้งอะไรกันอยู่ กฎของอุทยานตระกูลเสวี่ยเรา หากผู้อาวุโสเกินครึ่งสามารถเสนอให้ยกเลิกเจ้าอุทยานได้ เช่นนั้นก็กระทำได้เลย หรือว่าพวกเจ้าอยากเห็นอุทยานตระกูลเสวี่ยป่นปี้ย่อยยับด้วยน้ำมือเสวี่ยเชียนโฉวรึ!” ผู้อาวุโสฉีเร่งเร้า

เหล่าผู้อาวุโสชั่งใจ บางคนลังเล บางคนไม่กล้า บางคนเริ่มหวั่นไหว ต่างคิดกันไปต่างๆนานา

“ข้าเห็นด้วยกับผู้อาวุโสฉี” ผู้อาวุโสคนหนึ่งก้าวออกมา

พอมีคนนำ ก็มีผู้อาวุโสอีกสี่คนก้าวตามออกมา ทั้งหมดล้วนยืนข้างผู้อาวุโสฉี

ผู้อาวุโสฉีพอใจมาก เหล่มองผู้อาวุโสซู “เหล่าซู เจ้าไม่เห็นด้วยรึ?”

เหล่าซูสีหน้าเรียบเฉย ส่ายหน้าเบาๆ “เจ้าอุทยานเป็นลูกชายของเจ้าอุทยานคนก่อน สมควรสืบทอดตำแหน่งเจ้าอุทยานอยู่แล้ว ถึงบางครั้งจะกระทำการเลินเล่อไปบ้าง แต่เจ้าอุทยานคนก่อนมีบุญคุณยิ่งใหญ่กับข้าดุจขุนเขา ข้าจะมาหักหลังเขาเวลานี้ได้อย่างไร!”

“พูดจาเสียน่าฟัง ก็แค่กลัวตาย อย่างไรเสียเจ้าไม่เข้าร่วม จำนวนคนของพวกข้าก็เกินครึ่งแล้ว” ผู้อาวุโสฉีเยาะหยัน

เสวี่ยเชียนโฉวเหล่มองผู้อาวุโสซู ประหลาดใจนัก ไม่คิดว่าเขาจะสนับสนุนตน

เสวี่ยเชียนโฉวเหล่มองผู้อาวุโสฉี ใบหน้าเย็นเยียบมีประกายเย้ยหยัน

“ผู้อาวุโสฉีเป็นผู้อาวุโสอันดับที่หนึ่งของอุทยานตระกูลเสวี่ย หลายปีมานี้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งรับสินบน ทุจริตสมบัติของอุทยาน เอารายได้จากการค้าของอุทยานตระกูลเสวี่ยที่นอกด่านเข้ากระเป๋าตนเอง

รายได้จากการค้าของล้วนผ่านมือผู้อาวุโสฉี ทุกครั้งเขาจะยักยอกกำไรส่วนตัว ปีหนึ่งก็ทุจริตไปเป็นล้านตำลึง และลูกชายของผู้อาวุโสฉีก็มักจะฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน ทำร้ายสตรีบริสุทธิ์มาไม่น้อย

คนที่รับสินบนทุจริตยักยอกเช่นนี้มิคู่ควรเป็นผู้อาวุโสแห่งอุทยานตระกูลเสวี่ยเลยสักนิด ทุกท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”

น้ำเสียงเย็นเยียบของเสวี่ยเชียนโฉวประหนึ่งกระบองท่อนใหญ่ฟาดลงกลางใจของผู้อาวุโสฉี

เสวี่ยเชียนโฉวรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร ทั้งๆที่ตนกระทำการอย่างมิดชิดเงียบเชียบแล้ว และเสวี่ยเชียนโฉวก็พึ่งมาได้เดือนเดียว เขาต้องแกล้งหลอกตนแน่

“เหลวไหล เจ้าอุทยานท่านใส่ร้ายข้าเยี่ยงนี้ช่างต่ำช้ายิ่งนัก ทุกคนอย่าไปเชื่อนะ!” ผู้อาวุโสฉีย้อน

“หากมิมีหลักฐาน ข้ามีหรือจะพูดต่อหน้าทุกคน เจ๋ออวี่!” เสวี่ยเชียนโฉวแค่นเสียงเย็น

“ขอรับ เจ้าอุทยาน!” เจ๋ออวี่รีบเอาหลักฐานทั้งหมดออกมา

ผู้อาวุโสคนอื่นพากันอึ้งบื้อไปเลย หลักฐานคาตา เป็นลายมือผู้อาวุโสฉีแน่แท้มิผิดแน่

เสวี่ยรั่วหย่าเองก็ตะลึงเช่นกัน นางมิคิดเลยว่า ผู้อาวุโสฉีที่เห็นตนมาตั้งแต่เล็กจะเป็นคนเช่นนี้

จากนั้นลูกชายของผู้อาวุโสฉีก็ถูกองครักษ์ลับพาตัวมา ใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำราวกับหัวหมูก็ไม่ปาน เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเลือด พอเห็นเสวี่ยเชียนโฉวก็คุกเข่าขอร้องทันที “เจ้าอุทยาน ไว้ชีวิตข้าด้วย!”

“เหิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นเช่นนี้ เสวี่ยเชียนโฉวเจ้าทำเกินไปแล้วนะ กล้าทำร้ายลูกชายข้าจนเป็นแบบนี้!” ผู้อาวุโสฉีตะคอกอย่างเดือดดาล

“คนที่เจ้าควรขอร้องมิใช่ข้า แต่เป็นพ่อเจ้า!” เสวี่ยเชียนโฉวบอกอย่างมิแยแส

ฉีเหิงหันไปมองพ่อแท้ๆของตน “ท่านพ่อ ท่านยอมรับเถอะ เรื่องพวกนั้นที่ท่านทำน่ะข้าเป็นคนบอกเจ้าอุทยานเอง ข้าไม่อยากตายนะท่านพ่อ ท่านช่วยข้าด้วยเถอะ”

คำพูดเดียวเท่ากับเป็นการยอมรับความผิดของผู้อาวุโสฉีแล้ว

“หุบปาก ทำไมข้าถึงได้มีลูกชายเช่นเจ้านะ!” ผู้อาวุโสฉีกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ท่านพ่อ หากข้าไม่รับสารภาพ เจ้าอุทยานก็จะให้คนทรมานข้าจนอยู่ไม่สู้ตายนะท่านพ่อ ท่านรีบรับสารภาพความผิดกับเจ้าอุทยานเร็วเข้าเถอะ—“

ผู้อาวุโสฉีหน้าซีดราวปลาตาย เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า สุดท้ายจะมาล้มเหลวในเงื้อมมือของลูกชายตนเอง ช่างทำตัวเองจริงๆ

“ยกเลิกตำแหน่งผู้อาวุโสของผู้อาวุโสฉี คุมตัวเขากับฉีเหิงเข้าคุก ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลฉีให้ริดเข้ากองกลาง เห็นแก่ที่ท่านติดตามท่านพ่อข้ามาหลายปี ข้าจะไม่ฆ่าพวกท่านสองพ่อลูก อีกสามวันให้หลังเนรเทศไปนอกด่าน ชาตินี้ทั้งชาติอย่าได้คิดจะกลับมาเหยียบอุทยานตระกูลเสวี่ยแม้แต่ครึ่งก้าว!” น้ำเสียงทะมึนของเสวี่ยเชียนโฉวดังขึ้น

เจ๋ออวี่พาองครักษ์เข้ามา และคุมตัวผู้อาวุโสฉีและฉีเหิงไป

“เสวี่ยเชียนโฉว ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่!” ก่อนไปผู้อาวุโสฉีทิ้งท้ายไว้หนึ่งคำ

เหล่าผู้อาวุโสที่เมื่อครู่ยืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสฉีสนับสนุนให้ยกเลิกตำแหน่งเจ้าอุทยานพากันตกใจบื้อไปเลย หายใจไม่ทั่วท้องกัน ตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใจยิ่งนัก ทำไมต้องร่วมด้วยกับผู้อาวุโสฉีนะ

เสวี่ยเชียนโฉวเหล่มองคนเหล่านั้น และพูดความผิดของพวกเขาออกมาเช่นกัน ที่เนรเทศก็เนรเทศไป ที่จับขังก็ขังไป ในขณะเดียวกันก็ยกฐานะของผู้อาวุโสที่ไม่ได้คัดค้านตนไปด้วย จากนั้นเสนอชื่อผู้อาวุโสคนใหม่ขึ้นมาหลายคน ถือเป็นการจบเกตุการณ์ชุลมุนครั้งนี้

เหล่าผู้อาวุโสถอยออกไปกันหมด เหลือเพียงเสวี่ยรั่วหย่าคนเดียว

พอคิดถึงจุดจบของผู้อาวุโสเหล่านั้น เสวี่ยรั่วหย่าคุกเข่าลงกับพื้นทันที “พี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว ท่านละเว้นข้าเถอะ ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว ข้าริษยาไปชั่วขณะ ถึงได้พูดจาเหลวไหลไป อันที่จริงข้ามิรู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนวางเพลิง ข้าแค่เจ็บใจที่โดนท่านสั่งกักบริเวณถึงได้โกหก”

ดวงตาเย็นเยียบของเสวี่ยเชียนโฉวทอประกายขึ้น “ข้าเกลียดการก่อปัญหา ใส่ร้ายป้ายสีที่สุด หากวันนี้ข้าโดนผู้อาวุโสฉียกเลิก เจ้าคงจับคนผู้นั้นสับเป็นสิบชิ้นแปดชิ้น ห้าม้าแยกร่างไปแล้วกระมัง นางมิใช่คนที่เจ้าจะแตะต้องได้ ข้าไม่มีทางให้โอกาสครั้งที่สองกับใคร หากมิลงมือเอง ก็ไปนอกด่าน เจ้าเลือกเองแล้วกัน!”

น้ำเสีเยงเย็นเยียบไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด ทำคนฟังขนหัวลุก

เสวี่ยรั่วหย่ามองเสวี่ยเชียนโฉวอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “พี่ใหญ่ ท่านจะให้ข้าฆ่าตัวตาย เพราะเหตุใดกัน เขาเป็นแค่คนนอก ท่านกลับจะบีบคั้นน้องสาวตนเองจนตายเพื่อคนนอกคนหนึ่ง?”

“นางมิใช่คนนอก เป็นคนของข้า!” เสวี่ยเชียนโฉวประกาศก้องอย่างปกป้อง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท