จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 604 นี่เจ้ากำลังผลักข้าลงกองไฟ
ห้องโถงด้านหน้า หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวนั่งลง คนรับใช้คนหนึ่งนำฟู่อี้เฉินและองค์ชายสี่เข้ามา
“จวินหย่วนโยว หยุนถิง พวกเจ้าก็อยู่ด้วยรึ!” เฉินอ๋องบอก
“พวกเจ้ามาได้ยังไงกันน่ะ?” หยุนถิงถาม
“ได้ยินว่าซูชิงโยวเกิดเรื่องแล้ว ดังนั้นข้าเลยแวะมาดูหน่อย” เฉินอ๋องโม่ฉือชิงตอบ
“ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน คิดว่าหากซูชิงโยวเกิดเรื่องจริงๆ พอดีข้าจะได้รับช่วงต่อการค้าฝั่งตะวันออกของนางเสียเลย พอออกมาก็เจอเฉินอ๋อง เลยมาด้วยกันเลย“ ฟู่อี้เฉินเบ้ปากบอก
สีหน้าซูโหวเย่ดำทะมึนลงทันที ฟู่ซื่อจื่อผู้นี้พูดจาเป็นหรือไม่ ลูกสาวเขาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่เพียงไม่เป็นห่วง ยังจะมาแย่งการค้าอีก มีใครขาดศีละรรมถึงเพียงนี้กัน
แน่นอนว่าคำพูดนี้ซูโหวเย่ได้แต่บ่นในใจ เขาไม่กล้าพูดมันออกมาจริงๆ เพราะอย่างไรฟู่อี้เฉินขึ้นชื่อเรื่องไม่แยแสสิ่งใด
“กระหม่อมถวายบังคมเฉินอ๋อง ฟู่ซื่อจื่อ ขอบคุณทั้งสองมากที่เป็นห่วงบุตรสาว เชิญนั่งเถอะ!” ซูโหวเย่บอก
“ซูชิงโยวเป็นอย่างไรบ้าง?” โม่ฉือชิงถาม
ซูโหวเย่กำลังจะตอบ จวินหย่วนโยวแย่งเขาตอบ “ซูชิงโยวโดนพิษมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว จะฟื้นหรือไม่ต้องรอดูคืนนี้แล้ว”
พอหยุนถิงได้ยินคำพูดของซื่อจื่อ ก็เข้าใจความคิดของเขา “ท่านพี่พูดถูกแล้ว ซูชิงโยวยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย หากคืนนี้ฟื้นก็มีหนทางช่วย หาไม่ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยไม่ได้”
“สาหัสเพียงนี้ ยังมีพิษที่เจ้าถอนมิได้ด้วยรึ” ฟู่อี้เฉินถามอย่างตกใจ
โม่ฉือชิงจับใจความสำคัญได้ “ครึ่งเดือนกว่า มันมิใช่ช่วงเวลาที่ซูชิงโยวเข้าวังไปอยู่เป็นเพื่อนไทเฮารึ หรือว่านางถูกพิษในวัง?”
หยุนถิงพยักหน้าเบาๆ “ดังนั้นเลยต้องให้เฉินอ๋องและฟู่ซื่อจื่อร่วมแสดงละครด้วยฉากหนึ่ง!”
“ได้ ต้องการให้พวกเราทำอะไร” โม่ฉือชิงรับปากอย่างง่ายดาย
“เข้าเฝ้าหน้าพระพักตร์!”
พอได้ยินคำนี้ ฟู่อี้เฉินไม่ช่วยละ “หยุนถิง นี่เจ้าจะผลักข้าลงกองไฟนี่นา ตีให้ตายข้าก็ไม่ไป!”
“หากเจ้าเป็นห่วงกลัวองค์หญิงหนานชวนมาตอแย ก็มิจำเป็นดอก ได้ยินว่าครั้งนี้เข้าวังมาพร้อมกับองค์หญิงหนานชวนยังมีลูกชายของจ้าวอ๋องมาด้วย ได้ยินว่าเขาชอบองค์หญิงหนานชวน เอาใจใส่นางยิ่งนัก ครั้งนี้เขาตามมาด้วยเพราะกลัวว่าระยะทางยาวไกลจะทำให้องค์หญิงหนานชวนเหน็ดเหนื่อยตรากตรำ!” หยุนถิงอธิบาย
“ยังมีคนชอบแม่เสือเยี่ยงนั้นด้วยรึ?”
“แม่เสือในสายตาเจ้า แต่ดียิ่งนักในสายตาจ้าวเฉินเยวียนนะ!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
ฟู่อี้เฉินจะย้อน ทันใดนั้นมีคนรับใช้ของจวนตระกูลซูพาขันทีน้อยคนหนึ่งเข้ามา
“ข้าน้อยคารวะจวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย เฉินอ๋อง ฟู่ซื่อจื่อ ซูโหวเย่ ฝ่าบาทรับสั่งให้เฉินอ๋องและฟู่ซื่อจื่อเข้าวังทันที อย่าได้ล่าช้า!” ขันทีน้อยเอ่ยอย่างนอบน้อม
คราวนี้ฟู่อี้เฉินอยากไม่ไปก็ไม่ได้เสียแล้ว
หยุนไห่เทียนเดินเข้ามาจากด้านนอก “ถิงเอ๋อร์ ครั้งนี้ขอบคุณเจ้ามาก!”
“พี่ใหญ่เกรงใจข้าไปไย เมื่อครู่ข้าพึ่งถามชิงโยว นางบอกว่ามามาที่รับหน้าที่ทำความสะอาดได้เปลี่ยนธูปเป็นอีกชนิดหนึ่งในวันที่สองที่นางไป คิดๆแล้วพอประมาณกับระยะเวลาที่นางโดนพิษ ดังนั้นข้าสงสัยว่าน่าจะเป็นฝีมือมามาคนนั้น! ข้าได้ให้เฉินอ๋องและฟู่ซื่อจื่อช่วยแล้ว พี่ใหญ่แค่ร่วมเสริมไปด้วยก็พอ” หยุนถิงบอก
เส้นเลือดที่ขมับของหยุนไห่เทียนปูดโปน สายตาเย็นเยียบเคียดแค้น มือที่วางแนบตัวกำหมัดแน่น “ข้าจะให้คนไปสืบตอนนี้เลย ไม่ว่าเป็นใคร กล้ามาทำร้ายชิงโยวข้าจะไม่ละเว้นมันแน่!”
พระราชวัง มุมหนึ่งของตำหนักฝ่ายตรวจการ
นางกำนัลสองคนกำลังซุบซิบกัน “เจ้าได้ยินข่าวแล้วหรือไม่ คุณหนูซูเกิดเรื่องแล้ว เมื่อครู่ข้าไปทำความสะอาดมา ได้ยินเฉินอ๋องพูดกับฟู่ซื่อจื่อ
จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยก็ไป บอกว่าคุณหนูซูถูกพิษ แถมยังเป็นครึ่งเดือนกว่าแล้ว ซื่อจื่อเฟยบอกว่าคุณหนูซูจะฟื้นมาได้หรือไม่ก็ต้องรอดูคืนนี้ล่ะ น่ากลัวจะหมดหวังนะ
เจ้าว่า ผู้ใดกันที่บังอาจขนาดนี้ ไม่เพียงเป็นศัตรูกับตระกูลซู ตระกูลหยุน ยังมีจวนซื่อจื่อ หากให้คนที่บงการรู้เรื่องความสงสัยของซื่อจื่อเฟย ต้องโดนฆ่าปิดปากแน่ จะได้ไม่มีพยานยืนยันได้!”
นางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เจ้าอย่าพูดซี้ซั้วไป หากให้ใครมาได้ยินเข้าจะโดนฆ่าได้นะ!” นางกำนัลอีกคนกลัวยิ่งนัก
“นี่ข้าได้ยินมาจากเฉินอ๋องและฟู่ซื่อจื่อนะ ข้าก็แค่มาบอกเจ้า ไม่กล้าไปบอกคนอื่นดอก” นางกำนัลบอก
ห่างไปไม่ไกล มามาที่อายุมากผู้หนึ่งผ่านมาพอดี ได้ยินคำพูดพวกนางเข้าพอดี มือที่ถืถาดผลไม้ของมามาออกแรงเล็กน้อย สายตามีแววหวาดหวั่นและกลัวขึ้นมา
โดนจับได้เร็วเพียงนี้ หากเป็นคนอื่นนางย่อมไม่เชื่อแน่นอน แต่นั่นคือซื่อจื่อเฟย ฝีมือการแพทย์ของนางนั้นขนาดหมอหลวงหลิวยังสู้ไม่ได้ อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครพบนาง นางต้องรีบหนีไปให้ไกล
อีกด้านหนึ่ง ตำหนักข้างของพระราชวัง
ฮ่องเต้เหล่มองสองคนข้างล่าง “อีกสามวันให้หลัง จะเป็นพิธีสมรสขององค์หญิงห้าและอ๋องเก้า ให้พวกเจ้าสองคนรับหน้าที่อารักขาองค์หญิงห้าไปแคว้นเป่ยลี่!”
“เสด็จพี่ ทำไมต้องเป็นข้าล่ะ หลีอ๋องก็ว่างมิใช่รึ ให้เขาไปก็ได้?” โม่ฉือชิงถาม เขาไม่อยากไปเลยสักนิด
ฮ่องเต้สีหน้าเย็นชา “หลีอ๋องมีความแค้นกับแคว้นเป่ยลี่มากนัก เขาไปไม่เหมาะ”
“เพราะหลีอ๋องเคยตกอยู่ในเงื้อมมือเป่ยหมิงฉี่ และโดนเขาจับขังคุกกระมัง” ฟู่อี้เฉินแทรกขึ้นมาอย่างไม่กลัวจะเรื่องใหญ่
ฮ่องเต้ถลึงตามองมาอย่างขึ้งโกรธ “เจ้ายังมีหน้ามาว่าหลีอ๋อง เจ้าล่ะ องค์หญิงหนานชวนมาเพื่อเจ้า อย่ามาบอกว่าเจ้าไม่รู้ กลับหนีไปหลบอยู่จวนซื่อจื่อเสียนี่ เจ้านี่เก่งจริงนะ”
“ฝ่าบาท ข้าหมดหนทางนี่นา ข้าพึ่งก้าวเข้าประตูจวนตระกูลซูก็โดนท่านเรียกเข้าเฝ้าแล้ว ก็หนีไม่พ้นสายตาท่านอยู่ดี!” ฟู่อี้เฉินเบ้ปาก
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว องค์หญิงหนานชวนน่ะคิดถึงเจ้ายิ่งนัก มีเวลาก็ไปหานางเสีย!” ฮ่องเต้เปิดปาก
“ฝ่าบาท ข้าไปส่งองค์หญิงห้าละกัน ข้ารู้สึกว่าหน้าที่นี่ดีนัก!” ฟู่อี้เฉินรับปากทันที
“ฝ่าบาท หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงขอเข้าเฝ้า!” ด้านนอกประตู ซูกงกงเข้ามารายงาน
“ให้นางเข้ามาเถอะ”
หลิ่วเฟยพาสาวใช้เข้ามา “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นห่วงว่าฝ่าบาทจะเหน็ดเหนื่อย เลยให้คนตุ๋นน้ำแกงส่งมาให้!” ระหว่างพูดก็ยกน้ำแกงในมือสาวใช้มา
“เจ้าลำบากแล้ว!” ฮ่องเต้พยักหน้า
หลิ่วเฟยเดินเข้ามา “เป็นห่วงฝ่าบาทเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันอยู่แล้ว เมื่อครู่หม่อมฉันได้ยินที่หน้าประตูว่า ฟู่ซื่อจื่อไปจวนตระกูลซู ระหว่างทางพบไทเฮา นางบอกว่าวันนี้คุณหนูซูมิได้เข้าวัง เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“ซูชิงโยวสลบไม่ได้สติ หยุนถิงบอกว่านางถูกพิษ ผ่านมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว ดังนั้นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงสงสัยว่าจะมีคนในวังวางยาพิษซูชิงโยว!” ฟู่อี้เฉินโพล่งออกมาตรงๆเลย หลิ่วเฟยมีสีหน้าตกตะลึง “เป็นไปได้อย่างไร ในวังจะมีใครอยากทำร้ายคุณหนูซูกันล่ะ?”
ฮ่องเต้เองก็สีหน้าเย็นเยียบลงทันทีเช่นกัน คิ้วขมวดมุ่น วางยาพิษอีกแล้ว อีกทั้งยังเป็นวังของเขาอีก?
“ใครจะรู้เล่า ยังไงซะหยุนถิงบอกว่าซูชิงโยวโดนพิษหนักมาก จะฟื้นมาได้หรือไม่ต้องดูคืนนี้ หากคืนนี้ไม่ฟื้นขึ้นมา ต่อไปต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยมิได้แล้ว” เฉินอ๋องเสริม
มือที่ถือน้ำแกงของหลิ่วเฟยออกแรงเล็กน้อย แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “คุณหนูซูรอบรู้มารยาท สุขุมเรียบร้อย สวรรค์ต้องคุ้มครองให้นางฟื้นขึ้นมาได้แน่!”