จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 607 นี่คือหลักฐานที่เจ้าว่า
“กราบทูลฝ่าบาท การแท้งของจ้าวเหม่ยเหรินเมื่อสามปีก่อน ภายนอกดูเหมือนนางมีเรื่องกับหลิวผิน หลิวผินพลั้งมือผลักนางล้มลง แท้ที่จริงแล้วเป็นข้าแอบลงมือ
เพราะมีครั้งหนึ่งจ้าวเหม่ยเหรินเจอกับหลิ่วเฟยที่อุทยานหลวง นางพูดจามิดีกับหลิ่วเฟย ตอนนั้นหลิ่วเฟยมิได้ถือสาอะไรนาง ตกกลางดึกกลับสั่งให้ข้าลงมือ
ยังมีเสียงหรงฮว๋า ทุกคนต่างรู้ดีว่านางโดนฝ่าบาทสั่งลงโทษประหารเพราะคบชู้กับองครักษ์ แต่แท้ที่จริงแล้วข้าจับองครักษ์ผู้นั้นเข้าไปในห้องเสียงหรงฮว๋าเอง จงใจใส่ร้ายนาง
เพราะว่านางหน้าตาเหมือนหลิ่วเฟย ได้รับการโปรดปรานจากฝ่าบาท ต่อหน้าหลิ่วเฟยไม่แย่งไม่แข่ง แต่นางเองก็กลัวว่าฝ่าบาทจะโปรดปรานเสียงหรงฮว๋ามากจนลืมนาง
ปีก่อนองค์ชายสามไปล่าสัตว์จู่ๆก็ตกม้า เป็นเพราะข้าทำตามคำสั่งของหลิ่วเฟยเช่นกัน เพราะเสด็จแม่ขององค์ชายสามไม่ถูกกับหลิ่วเฟย หลิ่วเฟยกลัวองค์ชายสามจะถูกเลือกเป็นไท่จื่อ ตระกูลหรงจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลหลิ่วได้
ยังมีเรื่องการแต่งงานขององค์หญิงรอง จู่ๆโดนยกเลิกการแต่งงานต้องคัดเลือกราชบุตรเขยใหม่ ก็เป็นเพราะหลิ่วเฟยจัดการ—-“ องครักษ์ลับพูดเรื่องที่หลิ่วเฟยให้เขาทำในหลายปีนี้ออกมาจนหมด
ระหว่างพูด เนื้อบนขาเขาก็หล่นลงมาหนึ่งชิ้น ทำเขาเจ็บจนกัดฟันกรอด เจ็บจนอยากตาย
ดังนั้นองครักษ์ลับเลยไม่ได้ปิดบังใดๆ หวังแต่เพียงว่าพรุ่งนี้ซื่อจื่อเฟยจะยอมให้ยาถอนพิษกับเขา
ฮ่องเต้เดือดดาลจัด เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า หลิ่วเฟยที่สงบเสงี่ยมมาตลอดกลับทำเรื่องเลวร้ายลับหลังตนมากมายเพียงนี้ โดยเฉพาะทำร้ายองค์ชาย สายเลือดราชวงศ์—-
“หากเรื่องทั้งหมดที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง ข้าไม่มีทางละเว้นหลิ่วเฟยแน่!” ฮ่องเต้เดือดดาลหนัก เลิกคิ้วมองหยุนไห่เทียน “เหตุใดนางต้องทำร้ายซูชิงโยว?”
หยุนไห่เทียนบอกทันที “กราบทูลฝ่าบาท หลายปีก่อนข้าทำศึกอยู่ชายแดน ตอนนั้นบังเอิญเจอหลิ่วเฟยที่ปลอมตัวเป็นชายเจอคนชั่วเข้าพอดี ผ่านไปช่วยนางไว้พอดี ต่อมาข้าอยู่ทำศึกที่ชายแดนหรือไม่ก็อยู่ในค่ายทหาร จนถึงตอนนี้ก็มิได้ติดต่อกับหลิ่วเฟยเลย ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย!”
พอคำนี้ออกมา สีหน้าฮ่องเต้เย็นเยียบลงทันที เขาฟังความหมายแฝงของหยุนไห่เทียนออก หรือว่าหลิ่วเฟยกล้าสวมเขาให้ตน มีความรู้สึกที่ไม่สมควรต่อหยุนไห่เทียน?
“กราบทูลฝ่าบาท ระหว่างหลิ่วเฟยกับแม่ทัพหยุนมิมีสิ่งใดต่อกัน จุดนี้ข้าเป็นพยานได้ ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินหลิ่วเฟยบอกว่า ซูชิงโยวมิคู่ควรกับแม่ทัพหยุน เพราะซูชิงโยวเคยเป็นหญิงอัปลักษณ์มาก่อน และโดนผู้คนทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะ!” องครักษ์ลับรีบอธิบายทันที
สีหน้าเย็นเยียบของฮ่องเต้ถึงคลายลงไปหน่อย “ซูกงกง เรียกหลิ่วเฟยมาเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ไม่นานหลิ่วเฟยก็ตามซูกงกงมา พอเห็นในท้องพระโรงมีหยุนไห่เทียนและองครักษ์ลับที่พื้น หลิ่วเฟยสีหน้าเผือดซีดทันที
นางรู้ดีว่าแผนการของนางล้มเหลวแล้ว
แต่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท นางจะยอมรับมิได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นนางต้องตายแน่ๆ
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท มิทราบฝ่าบาทเรียกหม่อมฉันมาเข้าเฝ้าด้วยเหตุใดรึ?” หลิ่วเฟยคารวะอย่างนอบน้อม
“หลิ่วเฟย เจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือไม่?” ฮ่องเต้สีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ถามอย่างเย็นชา
หลิ่วเฟยเหล่มององครักษ์ลับ “กราบทูลฝ่าบาท หม่อมฉันมิรู้จัก!”
“หลิ่วเฟยเหนียงเหนียง ข้าเป็นองครักษ์ลับของท่านนะ ท่านให้ข้าไปฆ่าซูชิงโยว ทำไมท่านกลับบอกว่าไม่รู้จักข้าเล่า?” องครักษ์ลับย้อน
“หุบปาก ที่ผ่านมาข้าสนิทสนมกับคุณหนูซูยิ่งนัก เจ้ากลับมายุแยงให้พวกเราแตกคอกัน ใครบงการเจ้ามาให้ร้ายข้ากันแน่ ยังไม่รีบสารภาพความจริงมาอีก!” หลิ่วเฟยตะคอกอย่างเดือดดาล
องครักษ์ลับร้อนใจขึ้นมาทันที นี่หลิ่วเฟยคิดจะกำจัดเขารักษาตนไว้
“หากฝ่าบาทมิเชื่อ ก็เชิญใต้เท้าหลิ่วมาเข้าเฝ้าได้ เขาเป็นพยานได้!” องครักษ์ลับพูดอย่างร้อนใจ
“ใต้เท้าหลิ่วเป็นพ่อแท้ๆของหลิ่วเฟย เขาไม่เข้าข้างลูกสาวตนเอง แต่เข้าข้างเจ้ารึ?” หยุนไห่เทียนย้อนถาม
องครักษ์ลับอึ้ง เขาร้อนใจจนลืมเรื่องนี้ไปเลย “ข้ายังมีหลักฐาน ข้ามีจดหมายระหว่างหลิ่วเฟยและใต้เท้าหลิ่ว ฝังอยู่ใต้ต้นไทรต้นที่สามทางด้านซ้ายของด้านหลังตำหนักหลิ่วเฟย”
สายตาหลิ่วเฟยฉายแววเหี้ยมเกรียมและเคียดแค้นขึ้น องครักษ์ลับนี่น่าตายนัก กล้าเก็บหลักฐานไว้
“ซูกงกง เจ้าไปด้วยตัวเอง!” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซูกงกงนำขันทีสองคนไปด้วยตัวเอง
หลิ่วเฟยกลับสีหน้าราบเรียบ รอคอยอย่างสงบ ไม่มีร่องรอยหวาดกลัวหรือกังวลเลย
ไม่นานซูกงกงพาคนกลับมา “กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมหาของเจอแล้ว!” ระหว่างพูด ก็ยื่นกล่องดำกล่องหนึ่งมา
ฮ่องเต้เหล่มอง “เปิดออก!”
ซูกงกงเปิดออกทันที เพียงแต่ด้านในมิใช่จดหมาย แต่เป็นหุ่นไม้ตัวหนึ่ง บนนั้นเขียนวันเดือนปีเกิดไว้และยังมีเข็มเงินปักไว้มากมาย
“ฝ่าบาท วันเดือนปีเกิดนี้มิใช่ของฝ่าบาทรึ?” ซูกงกงตกใจ
เส้นเลือดที่ขมับฮ่องเต้ปูดโปน เดือดดาลทะลุฟ้า ถลึงตามององครักษ์ลับอย่างโกรธขึ้ง “นี่คือหลักฐานที่เจ้าว่า?” ระหว่างพูด ก็โยนหุ่นไม้ตัวนั้นไปให้
องครักษ์งงเป็นไก่ตาแตก “จะเป็นหุ่นไม้ไปได้อย่างไรกัน ข้าวางจดหมายไว้ในนี้นี่นา?”
“ฝ่าบาท คนผู้นี้กระทำมนต์อัปรีย์ในวังหลวง อีกทั้งยังสาปแช่งฝ่าบาท ใส่ร้ายป้ายสีหม่อมฉัน ขอฝ่าบาทประหารเขาเถิด!” หลิ่วเฟยรีบพูดทันที
ฮ่องเต้สายตาแดงก่ำ บรรยากาศรอบตัวเย็นถึงติดลบ เกร็งกรรมกรอด แสงเทียนไขข้างๆส่องให้ฮ่องเต้ดูอันตรายเหี้ยมเกรียมมากขึ้น
“เจ้าองครักษ์ลับนี่ บังอาจ—“
“ฝ่าบาท เหมยเฟยขอเข้าเฝ้า บอกว่าเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของหลิ่วเฟย เร่งร้อนยิ่งนัก!” ด้านนอก ขันทีผู้หนึ่งร้องบอก
ฮ่องเต้สีหน้าเย็นเยียบ “ให้นางเข้ามา!”
เหมยเฟยเดินเข้ามา ด้านหลังนางยังมีมามาคนที่วางยาพิษคนนั้นตามมาด้วย พอหลิ่วเฟยเห็นเข้าก็ประหนึ่งโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง
คนที่นางให้คนค้นหาทั่ววังก็หาไม่เจอ กลับอยู่กับเหมยเฟย
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท มามาผู้นี้บอกว่าหลิ่วเฟยบงการนางไปวางยาพิษซูชิงโยว พอหม่อมฉันได้ยินก็ไม่เชื่อเลย ดังนั้นเลยพานางมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทกลางดึก!” เหมยเฟยบอก
หลิ่วเฟยถลึงตามองมา เหมยเฟยน่าตายนักแสร้งทำเป็นคนดีอะไร คำพูดนี้ฟังแล้วพูดแทนตน ที่แท้กลับเป็นซ้ำเติมตน นางดูแคลนเหมยเฟยไปจริงๆ
มามาคุกเข่าลงพื้นทันที “ฝ่าบาททรงวินิจฉัยด้วย หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงบอกจะให้จวนกับข้าน้อยเรือนหนึ่งไว้ให้ลูกชายข้าน้อยใช้ตอนแต่งงาน ข้าถึงได้วางยาพิษคุณหนูซู
แต่พอเรื่องล้มเหลวแล้ว หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงกลับอยากฆ่าข้าน้อยปิดปาก เดิมข้าอยากหนีออกจากวัง แต่หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงกลับแกล้งบอกว่าของหาย ส่งคนไปค้นหาคนที่ออกจากวัง และยังค้นหาในวัง
ข้าน้อยหลบซ่อน โชคดีเจอเหมยเฟยเข้า ไม่เช่นนั้นตอนนี้ข้าน้อยคงกลายเป็นศพแล้ว ที่ข้าน้อยพูดล้วนเป็นความจริง มิได้พูดปดแม้แต่น้อย ข้าน้อยสมควรตายนัก ขอฝ่าบาทอภัยโทษด้วย”
“เหลวไหล ข้าไม่รู้จักเจ้าสักหน่อย!” หลิ่วเฟยย้อนทันที
มามาคนนั้นควักขวดยาออกมาหนึ่งขวดทันที “ฝ่าบาท นี่เป็นธูปที่หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงให้ข้าน้อยมา ทุกวันให้ใส่ไว้ในเตาธูปที่คุณหนูซูสวดมนต์ไหว้พระ ธูปเป็นกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ กลิ่นอ่อนมาก คล้ายกับชนิดที่ไทเฮาใช้ปกติ ดังนั้นทุกคนเลยไม่สังเกต”
สายตาเย็นเยียบของฮ่องเต้ปรายมองมา ซูกงกงรีบเข้ามารับไปถวายฝ่าบาททันที
ฮ่องเต้เปิดออกดู แน่ใจว่าไม่แตกต่างอะไรกับธูปธรรมดา จากนั้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ในเมื่อวางไว้ในเตาธูป เช่นนั้นไทเฮามิโดนพิษไปด้วยรึ?”