จอมนางข้ามพิภพ บทที่615 คืนนี้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า
ในห้อง
หยุนถิงนำอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกจากมิติทันที ตรวจให้หยุนเฉิงเซี่ยง เพียงแต่ว่าหยุนถิงตรวจสอบไปสองครั้งแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติบนร่างกายของหยุนเฉิงเซี่ยงเลย จากนั้นจึงตรวจเลือดให้เขา
โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ข้างๆมองดูจวินหย่วนโยวที่หยิ่งผยองมาโดยตลอดนั้น ยามนี้กลับเหมือนกับผู้ช่วยคนหนึ่ง ค่อยช่วยเหลือยหยุนถิง ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก
นอกประตู หยุนหลีและหยุนซูได้ยินว่าหยุนเฉิงเซี่ยงหมดสติไป ก็รีบมาทันที
“อี๋เหนียง พ่อข้าอยู่ไหน ดีขึ้นหรือยัง ข้าได้ยินว่าพี่ใหญ่กลับมาแล้ว?” หยุนหลีถามอย่างเป็นห่วง
“แม่ ทำไมจู่ๆ พ่อถึงหมดสติไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หยุนซูก็กังวลเช่นกัน
“คุณหนูใหญ่กำลังตรวจรักษาให้นายท่านที่ด้านใน หวังว่านางจะสามารถช่วยนายท่านให้ฟื้นขึ้นมาได้” ซูอี๋เหนียงตอบอย่างกังวล
จากนั้นหยุนหลีจึงค่อยรู้สึกโล่งใจลง”พี่ใหญ่คงไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
“พวกข้ารออยู่ที่นี้แหละ”
เวลาผ่านไปทีละน้อย ประมาณครึ่งชั่วยามผ่านไป ประตูที่ปิดแน่อยู่ถึงค่อยถูกเปิดออกจากด้านใน
หยุนหลีและคนอื่นๆ ก็รีบเข้าไปทันที”พี่ใหญ่ พ่อเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
หยุนถิงทำสีหน้าเคร่งขรึม”ร่างกายของพ่อเป็นปกติดีทุกอย่าง เลือกก็ไม่มีร่องรอยของการถูกวางยาพิษ แปลกประหลาดยิ่งนัก ตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีวิธีรับมือกับมัน”
“พี่ใหญ่ยังไม่มีวิธี เช่นนั้นพ่อก็แย่แล้วสิ?” หยุนหลีพูดออกมาโดยไม่แม้แต่จะคิด
“ห้ามพูดเพ้อเจ้อ บางทีพี่ใหญ่อาจแค่ไม่มีวิธีเพียงชั่วคราวเอง พี่ใหญ่จะไปเชิญหมอหลวงในวังหรือไม่?” หยุนซูถาม
“ทักษะทางการแพทย์ของหมอหลวงยังไม่ดีเท่าพี่ใหญ่เลย” หยุนหลีแบะปาก
“ข้าก็รู้ แต่พี่ใหญ่ยังไม่มีวิธีเลย เห็นได้ว่าอาการของพ่อร้ายแรงมากเพียงใด ควรทำอย่างไรดี?”
จวินหย่วนโยวมองดูความเหนื่อยล้าระหว่างคิ้วของหยุนถิง ก็ช่วยพยุงนางนั่งลง”ถิงเอ๋อร์ เจ้านั่งพักก่อน ข้าจะให้คนไปเชิญท่านลั่วมา!”
หยุนถิงพยักหน้า”ก็คงต้องเช่นนี้แล้ว”
“หลิงเฟิง ไปเชิญคนมาเร็ว!” จวินหย่วนโยวสั่ง
“ขอรับ!” หลิงเฟิงที่อยู่หน้าประตูออกไปทันที
“หยุนเฉิงเซี่ยงคนดีผีคุ้ม จะไม่เป็นอะไรแน่นอน เจ้าอย่ากังวลมากเกินไป” โม่เหลิ่งเหยียนพูดปลอบโยน
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” หยุนถิงถอนหายใจ
ทุกคนล้วนบอกว่าทักษะทางการแพทย์ของนางนั้นยอดเยี่ยมมากเพียงใด แต่ตอนนี้แม้แต่สาเหตุที่พ่อของตัวเองหมดสติไปก็ยังหาไม่เจอ ซึ่งทำให้หยุนถิงรู้สึกใจสู้แต่กำลังไม่สู้
“ท่านพี่ ข้าอยากออกไปเดินสักหน่อย” หยุนถิงกล่าว
“อืม ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า” จวินหย่วนโยวรีบพยุงแขนของหยุนถิงแล้วเดินออกไป
โม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้ตามไปด้วย แต่เรียกคนที่รับผิดชอบแอบปกป้องคนของจวนตระกูลหยุนอย่างลับๆ นั้นมาสอบถามสถานการณ์
หยุนถิงเห็นชายชุดดำห้า หกคนลงมาจากบนฟ้า ต่างก็ทำความเคารพกับโม่เหลิ่งเหยียน จากนั้นจึงค่อยรู้ว่าเขากลับส่งคนมาแอบปกป้องจวนตระกูลหยุน หยุนถิงรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“ขอบคุณ!”
“กับข้ายังจะไปเกรงใจอะไร!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ
เมื่อจวินหย่วนโยวเห็นเช่นนี้ ก็รีบเรียกคนของตัวเองมาสอบถามสถานการณ์ทันที
เพียงแต่ว่าคนเยอะเช่นนี้จับตามองไว้ จวนตระกูลหยุนก็ไม่มีผู้ที่น่าสงสัยปรากฏขึ้นเลย ซึ่งสามารถอธิบายได้เพียงประเด็นเดียว
ไม่ใช่โจรนอก แต่เป็นโจรใน
ท่านลั่วมา และตรวจให้หยุนเฉิงเซี่ยงด้วยตนเอง และทำการฝังเข็มไป แต่หยุนเฉิงเซี่ยงก็ยังไม่ตื่น เขาเองก็สงสัยมากเช่นกัน
จนถึงตอนกลางคืน หยุนถิงไม่ได้กลับไป แต่พักอยู่ในจวนตระกูลหยุน ซึ่งเป็นลานในอดีตของนาง
จวินหย่วนโยวเรียกองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับทั้งหมดมา เพื่อปกป้องความปลอดภัยของหยุนถิง ซวนอ๋องกลับไปที่ค่ายทหาร แต่ก่อนจากไปก็ได้เหลือองครักษ์ลับของตัวเองเอาไว้ ให้พวกเขาคอยคุ้มกันอย่างลับๆ
กลางคืน หยุนถิงก็มาอีกครั้ง นางมักรู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรบางอย่างไปตอนไปเดินเล่นในลาน จู่ๆพ่อก็หมดสติไปมันแปลกประหลาดยิ่งนัก
จวินหย่วนโยวอยู่เคียงข้างนาง ทั้งสองเดินตามใจในจวนตระกูลหยุน หยุนถิงให้ความสนใจกับการจัดวางของดอกไม้และต้นไม้ในลาน เพียงแต่ว่านางเดินทั่วรอบๆจวนตระกูลหยุนแล้ว ก็ไม่พบที่ที่น่าสงสัย
หยุนถิงเดินมายังลานของหยุนหลิงโดยไม่รู้ตัว เมื่อนึกได้ว่าหยุนหลิงหลับสนิทไปนานแล้ว หยุนถิงก็เดินตรงไปที่ลาน
ในห้อง นางจ้าวกำลังเช็ดหน้าให้หยุนหลิง ท่าทางอ่อนโยน หากไม่พูดถึงเรื่องที่นางทำเอาไว้ในก่อนหน้านี้นั้น นางปฏิบัติต่อหยุนหลิงดียิ่งนัก เพราะไม่ว่าจะอย่างไรหยุนหลิงก็เป็นลูกสาวแท้ๆของนาง
เมื่อเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว นางจ้าวก็รีบคำนับทันที”คารวะจวินซื่อจื่อ ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่กับจวินซื่อจื่อมา ข้าเสียมารยาทยิ่งนัก”
“ไม่เป็นไร เห็นแสงไฟในลานนี้ยังสว่างอยู่พวกข้าจึงเดินเข้ามา หยุนหลิงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” หยุนถิงมองมา
แม้ว่าหยุนหลิงบนเตียงจะไม่ได้สติและหน้าซีด แต่เสื้อผ้าของนางกลับสะอาดยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่านางจ้าวดูแลนางอย่างดี
“ยังจะยังไงดีอีกละ ก็เอาแต่หลับแบบนี้อยุ่ตลอด เฮ้อหลิงเอ๋อร์ผู้น่าสงสารของข้า” นางจ้าวถอนหายใจ
“ในเมื่อเช่นนี้ ข้าก็ไม่รบกวนแล้ว” หยุนถิงหันหลังกลับและกำลังจะจากไป ดวงตาก็เหลือบไปมองเห็นมือของหยุนหลิงโดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนมีจุดแดงเล็กๆ บนนิ้วมือ
จุดแดงนั้นเล็กมาก ไม่มองดีๆมองไม่ออกเลย
หยุนถิงกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูให้ชัดเจน ทันใดนั้นก็มีคนรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงานว่า “คุณหนูใหญ่ จวินซื่อจื่อ นายท่านตื่นแล้ว”
“พ่อข้าตื่นแล้วหรือ?” หยุนถิงดีใจยิ่งนัก และไม่ได้สนที่จะไปตรวจดูนิ้วมือของหยุนหลิงแล้ว หันหลังและเดินตรงไปที่นอกประตู
เมื่อนางจ้าวเห็นพวกเขาจากไป จึงค่อยแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หยุนเฉิงเซี่ยงตื่นขึ้นมา อ่อนแรงเล็กน้อย เห็นในห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนร้องไห้อยู่รอบๆ ยังไม่รู้ตัว”พวกเจ้าร้องไห้ไว้ทุกข์ให้ใคร?”
“พ่อ ท่านทำเอาพวกข้าตกใจกลัวยิ่งนัก ท่านเป็นลมไปหนึ่งวัน ท่านรู้สึกอย่างไร ตรงไหนไม่สบาย?” หยุนถิงเดินเข้ามาช่วยเขาจับชีพจร
“ถิงเอ๋อร์ จวินซื่อจื่อพวกเจ้ามาแล้วหรือ ไม่ต้องเป็นห่วง คนแก่แล้วปัญหาก็เยอะขึ้น” หยุนเฉิงเซี่ยงพูดอย่างอ่อนแรง
หยุนถิงแน่ใจว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว ดังนั้นจึงค่อยโล่งใจลง”พ่อ ท่านก็แค่เหนื่อย พักสักสองสามวันก็ได้แล้ว ต่อไปหากมีเรื่องอะไรก็ให้คนไปเรียกข้าที่จวนซื่อจื่อ”
“เอาล่ะ พวกเจ้าก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!” หยุนเฉิงเซี่ยงพูดอย่างเอ็นดู
“คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน” หยุนถิงกล่าว
หยุนเฉิงเซี่ยงก็ไม่ได้ห้าม ตั้งแต่ถิงเอ๋อร์แต่งงานมาแม้ว่าจะเคยกลับมา แต่ไม่เคยอยู่พักเลย สามารถใกล้ชิดกับลูกสาวพอดีเลย
หยุนไห่เทียนที่เร่งรีบกลับจากค่ายทหาร ได้ยินว่าหยุนเฉิงเซี่ยงถูกวางยาพิษ ก็เป็นห่วงยิ่งนัก หลังจากถามหยุนถิงก็ให้คนเสริมกำลังภายในจวนทันที และส่งคนไปตรวจสอบอย่างลับๆ
ไม่กี่วันต่อมา หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็พักอยู่ในจวนตระกูลหยุนมาโดยตลอด จวนทั้งจวนเงียบสงบมาก ร่างกายของหยุนเฉิงเซี่ยงก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่หยุนถิงก็ไม่พบสายลับ ดังนั้นนางจึงไม่ไว้ใจ
ในพริบตาก็ถึงวันที่หยุนไห่เทียนกับซูชิงโยวแต่งงานกัน
ในตอนเช้า ทุกคนในจวนตระกูลซูก็ยุ่งแต่เช้าเลย ผ้าไหมแดงถูกแขวนไว้บนที่สูง อักษรมงคลถูกแปะไปทั่วลาน ฆ้องและกลองส่งเสียงดัง เหล่าขุนนางชั้นสูงต่างก็มาแสดงความยินดีแต่เช้าเลย แขกเต็มบ้าน ครึกครื้นยิ่งนัก
หยุนไห่เทียนเอาสินสอดยาวนับสิบลี้ไปรับเจ้าสาวที่จวนตระกูล เสียงประทัดดังสนั่นพร้อมกัน ขบวนรับเจ้าสาวเต็มไปทั้งถนนอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร และผู้คนบนถนนต่างก็แสดงความยินดีกับเขา
ในวันนั้น หยุนถิงก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน เฝ้ารองานแต่งงานของพี่ใหญ่ยิ่งนัก นางกับจวินหย่วนโยวรับประทานอาหารอยู่ในห้องโถงด้านข้าง แต่จู่ๆก็เห็นบ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งพาซูกงกงเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“บ่าวคารวะจวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย เฟิ่งจาวหยีเกิดเรื่องแล้ว ผู้ใหญ่และเด็กอยู่ในอาการวิกฤต ฝ่าบาททรงเรียกให้ซื่อจื่อเฟยเข้าวัง ไปเดี๋ยวนี้เลย!”