จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 626 จวินหย่วนโยวรู้มาว่าหยุนถิงยังมีชีวิตอยู่

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 626 จวินหย่วนโยวรู้มาว่าหยุนถิงยังมีชีวิตอยู่

จวนซื่อจื่อ

ด้านนอกเกล็ดหิมะล่องลอย ทั่วทั้งผืนดินถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ต้นอัลบิเซียต้นนั้นที่อยู่ในสวนก็เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว

จวินหย่วนโยวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้มองไปยังหิมะขาวด้านนอกหน้าต่าง สีหน้าหดหู่ และเศร้าเสียใจ

ผ่านมาเป็นปีที่สองแล้ว เหตุใดถึงยังไม่มีข่าวคราวของถิงเอ๋อร์ เขาส่งคนตามหาทั่วทั้งสี่แคว้นแล้ว แม้กระทั่งให้หลงเอ้อพาคนไปที่แคว้นทางฝั่งทะเล ก็ยังคงตามหาถิงเอ๋อร์ไม่พบ

“ถิงเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ใดกันแน่?” เสียงของจวินหย่วนโยวหนักหน่วงยิ่งนัก

หรือว่าถิงเอ๋อร์เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงแล้ว จวินหย่วนโยวไม่เชื่อ ตีเขาให้ตายก็ไม่เชื่อ นางจะต้องยังมีชีวิตอยู่เป็นแน่ จะต้องกำลังรอตนเองอยู่ที่ไหนสักแห่ง

นึกถึงตรงนี้ จวินหย่วนโยวใช้มือทุบตีขาทั้งสองข้างอย่างเคียดแค้น

สองปีแล้ว เหตุใดขาสองข้างนี้ยังไม่มีความรู้สึก เหตุใดเขายังไม่สามารถเดินได้

รู้ข่าวมาว่าโม่เหลิ่งเหยียนไปจากหน้าผา จวินหย่วนโยวทั้งโกรธเคืองทั้งอิจฉา เขารู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนคงไปหาถิงเอ๋อร์แน่ แต่เขากลับไม่สามารถออกไปได้เหมือนโม่เหลิ่งเหยียน วินาทีนี้จวินหย่วนโยวเกลียดตนเองแทบแย่แล้ว

ท่านลั่วที่ยกยามาพอเห็นเข้า จึงรีบเข้ามาห้ามทันที “เจ้าหนูจวิน นี่เจ้ากำลังทำอะไร ต่อให้เจ้าโกรธก็มิอาจมาระบายอารมณ์ลงที่ขาได้ อย่างนี้มันยิ่งไม่ดีต่อขาของเจ้า!”

“สองปีแล้วยังไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย ขาทั้งสองนี้ข้าจะเอามันไว้ทำอะไรเล่า!” จวินหย่วนโยวพูดจาลนลานด้วยความโกรธเคือง

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงหยุนถิง ฉะนั้นเจ้ายิ่งต้องรักษาตัวต่อไป ถ้าหากหยุนถิงกลับมาเห็นเจ้าในสภาพนี้ นางต้องปวดใจเป็นแน่” ท่านลั่วพูดปลอบใจ

ตั้งแต่หยุนถิงตกหน้าผา ท่านลั่วก็ย้ายกลับมาที่จวนซื่อจื่อ เขาเห็นด้วยตาตนเองว่าในสองปีนี้จวินหย่วนโยวใช้ชีวิตอย่างไร

หนึ่งปีแรก จวินหย่วนโยวไม่พูดจากับผู้ใด และไม่ขยับ นั่งอยู่ใต้ต้นไม้เยี่ยงนั้นทั้งวัน ทั้งตัวประหนึ่งซากศพเดินได้

ถ้าหากไม่ใช่ท่านลั่วใช้น้ำแกงโสมและยาชูกำลังป้อนให้ เกรงว่าจวินหย่วนโยวคงอยู่ไม่รอดแล้ว

วันต่อมาจวินหย่วนโยวได้ยินว่าโม่เหลิ่งเหยียนออกไปแล้ว นี่ถึงได้เริ่มพูดจา ประโยคแรกที่เขาพูดก็คือให้ท่านลั่วรักษาขาให้เขา เขาอยากไปตามหาหยุนถิงด้วยตนเอง

ความจริงท่านลั่วเข้าใจดี สองปีผ่านมาแล้วถ้าหยุนถิงมีชีวิตอยู่น่าจะกลับมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ตามหาไปทั่วทั้งสี่แคว้นและแคว้นฝั่งทะเล ก็ยังหาไม่พบ พอจะมองออกว่าเหลือความหวังไม่มาก

เพียงแต่ท่านลั่วไม่กล้าพูดออกมา เพราะเขารู้ว่าหยุนถิงเป็นชีวิตของจวินหย่วนโยว

หาไม่เจอยังพอมีความหวัง ถ้ารู้ว่าหยุนถิงเป็นอะไรไปจริงๆ แล้ว กลัวว่าเจ้าหนูจวินคงยืนหยัดต่อไปไม่ไหว

จวินหย่วนโยวมองทางท่านลั่วอย่างตะลึงไปทั้งตัว “ใช่แล้ว ข้ามิอาจให้ถิงเอ๋อร์มาเห็นข้าในสภาพนี้ ถ้านางมองเห็นข้าสภาพนี้ จะต้องปวดใจจนร้องไห้แน่ นำยาเข้ามา!”

ท่านลั่วรีบยื่นเข้าไปให้ทันที เพียงแต่ยังไม่ทันส่งถ้วยยาไปถึงในมือจวินหย่วนโยว หลิงเฟิงก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างลนลาน

“ซื่อจื่อ จดหมาย จดหมายจากชายแดนขอรับ!” หลิงเฟิงรีบยื่นจดหมายเข้ามาให้

จวินหย่วนโยวรับจดหมายเข้ามา เปิดจดหมายนั้นแล้วอ่านลายมือที่คุ้นเคยด้านบน เบ้าตาของจวินหย่วนโยวแดงในชั่วขณะนั้น มือที่ถือจดหมายไว้สั่นไปหมด น้ำตาร่วงเปาะแปะลงบนกระดาษ

แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขใจ ความตื่นเต้น ความดีใจ

ท่านลั่วเห็นจวินหย่วนโยวร้องไห้กะทันหัน และท่าทางฮึกเหิมปานนี้ ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกกลัดกลุ้ม “เจ้าหนูจวิน จดหมายของผู้ใดกัน?”

“ถิงเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ นางยังมีชีวิตอยู่ ยังคลอดลูกแล้วด้วย นางอยู่ในเผ่าที่ชายแดน ช่างดีเหลือเกิน หลิงเฟิงเจ้ารีบแจ้งทุกคนให้ไปยังชายแดนโดยเร็ว ให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะไปรับถิงเอ๋อร์และลูกกลับมาด้วยตัวเอง!” เสียงของจวินหย่วนโยวสั่นเครือไปหมด ตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืนฉับพลัน

ท่านลั่วและหลิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างมองตาค้างแล้ว ซื่อจื่อที่นั่งเก้าอี้ขยับตัวไม่สะดวกมาสองปีคาดไม่ถึงลุกขึ้นยืนแล้ว ยังเดินเหินอีก

“ซื่อจื่อขอรับ ขาของท่าน?” หลิงเฟิงส่งเสียงตื่นตกใจ

จวินหย่วนโยวถึงสำนึกได้ ดีใจสุดๆ คาดไม่ถึงเขาสามารถเดินเหินได้จริง เพียงแค่วินาทีต่อมาขาของเขาเหมือนไม่ฟังคำสั่งจึงล้มลงบนพื้นไปทั้งตัว

ท่านลั่วกับหลิงเฟิงรีบพยุงเขาไว้ “ซื่อจื่อ นี่เกิดเรื่องอะไรกันขอรับท่านลั่ว?”

“ท่านลั่ว รีบช่วยรักษาข้า ข้าอยากรีบไปรับถิงเอ๋อร์!” จวินหย่วนโยวฮึกเหิมอย่างยิ่ง

“ได้ เจ้านั่งลงก่อน” ท่านลั่วประคองเขานั่งลง พลางช่วยตรวจดูให้เขา “นี่คือเจ้าเป็นโรคทางใจ จิตใจบาดเจ็บแล้ว หยุนถิงกับลูกมีชีวิตอยู่ช่างดีเหลือเกิน ความอัดอั้นในใจเจ้าสลายหายไปแล้วขาย่อมหายดีด้วยเป็นธรรมดา เพียงแต่ขาของเจ้านี้ไม่ได้เดินเหินมาสองปี ลุกขึ้นยืนกะทันหันต้องรับไม่ไหวแน่ ต้องค่อยๆ ยืนหยัดฝึกฝนทุกวันก็จะดีขึ้นเอง”

“หลิงเฟิง เจ้าไปแจ้งทุกคนให้รู้ก่อน อีกอย่างเจ้าส่งคนไปส่งจดหมายให้ตระกูลหยุนด้วย เร็ว!” จวินหย่วนโยวเร่งรัด

“ขอรับ!” หลิงเฟิงรีบไปปฏิบัติตาม

จวนซื่อจื่อที่เดิมทีไร้ชีวิตชีวา เพราะจดหมายฉบับหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอย่างเดิม เหล่าองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับพอได้ยินว่าซื่อจื่อเฟยยังมีชีวิตอยู่ ทั้งหมดล้วนฮึกเหิมยิ่งนัก

หลงยีพาองครักษ์เงามังกรนับร้อยและองครักษ์ลับนับไม่ถ้วนมุ่งไปชายแดนโดยเร็วด้วยตนเอง นกพิราบส่งข่าวด้านหลังสวนจวนซื่อจื่อถูกปล่อยออกไปหมด บินไปยังสี่แคว้นแต่ละที่ แจ้งข่าวแก่กลุ่มอำนาจของสี่แคว้น

พอรั่วจิ่งได้ยินข่าว ตื่นเต้นจนร้องไห้ทันที หลันซานที่กลับมามองเห็นรั่วจิ่งร้องไห้ ตอนแรกยังปลอบใจรั่วจิ่ง พอได้ยินว่าหยุนถิงยังมีชีวิตอยู่ ยังร้องไห้หนักกว่ารั่วจิ่งเสียอีก

ตระกูลหยุน

หยุนเฉิงเซี่ยงได้ยินว่าหยุนถิงยังมีชีวิตอยู่ ตื่นเต้นจนน้ำตานองหน้า หยุนซูและหยุนหลีก็ร้องห่มร้องไห้กันตรงนั้นเช่นกัน

ซูชิงโยวน้ำตาไหลด้วยความดีใจ รีบไปเขียนจดหมายหาหยุนไห่เทียน จากนั้นส่งคนไปแจ้งข่าวแก้จ้าวเม่ยเอ๋อร์ที่จวนผี

จ้าวเม่ยเอ๋อร์ได้ข่าวว่าหยุนถิงไม่เป็นอะไร ดีใจอย่างยิ่ง รีบจัดหาคนดูแลข้าวของในจวนผี นางต้องไปรับหยุนถิงกลับมาด้วยตนเอง ก็รู้ว่ายัยหนูนี่ดวงแข็ง

ในวันนี้ จวินหย่วนโยวผู้ปิดจวนไม่พบหน้าผู้ใดมาสองปีออกจากจวนแล้ว องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับของทั้งจวนซื่อจื่อเคลื่อนพลกันหมด

หมิงจิ่วซางที่จ้องจวนซื่อจื่อเอาไว้มาตลอด หลังรู้ข่าวเข้าตื่นตกใจยิ่งนัก หยุนถิงยังมีชีวิตอยู่หรือ เขาให้นกพิราบบินส่งสารไปหาโม่เหลิ่งเหยียนทันที พาคนของหอดวงจันทร์ติดตามไปด้วยตนเอง

ฮ่องเต้ย่อมได้ยินข่าวเช่นกัน ตื่นตกใจอย่างยิ่ง คนที่สามารถทำให้จวินหย่วนโยวออกจากจวนได้ มีเพียงหยุนถิงผู้เดียว ฮ่องเต้จึงรีบส่งองครักษ์ลับของพระราชวังไปทันใด ให้พวกเขาแอบติดตามไป ถ้าหยุนถิงมีชีวิตอยู่จริง จะต้องแอบคุ้มครองความปลอดภัยของนางไว้ให้ได้

หลีอ๋องก็ได้ยินข่าวเช่นกัน ตื่นเต้นยิ่งนัก แต่ไม่ได้ส่งคนไป คืนนั้นหลีอ๋องขังตนเองเอาไว้ด้านในห้อง ดื่มเหล้าอยู่ทั้งคืน เมามายจนไม่ได้สติ

วันนี้ กลุ่มอำนาจแต่ละที่ของสี่แคว้นได้รับสารจากนกพิราบ ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังชายแดน กองทัพขนหงส์ได้ยินข่าวมา ทั้งหมดตื่นเต้นยิ่งนัก ต่างเคลื่อนตัวไปยังชายแดน อาจพูดได้ว่าเป็นทั้งสี่แคว้นเคลื่อนไหวกันหมด

…………………

ชายแดน เผ่า

พริบตาเดียวผ่านไปครึ่งเดือน วันนี้ ฮูเอ๋อเลี่ยฆ่าหมูป่าขนาดใหญ่ตัวหนึ่งแล้ว ตอนค่ำทุกคนจัดงานชุมนุมรอบกองไฟ

ฝีมือทำอาหารของหยุนถิงโดดเด่นนัก จึงรับหน้าที่ย่างเนื้อ หลายคนมาช่วยย่างด้วย

ทุกคนล้อมรอบกองไฟไว้ กำลังกินเนื้อย่างอย่างสบายใจและเป็นอิสระอย่างยิ่ง

ฮูเอ๋อเลี่ยให้จวินเสี่ยวเทียนขี่บนคอ แบกเขาไว้ทั้งร้องทั้งเต้น หยอกล้อจนเสี่ยวเทียนหัวเราะคิกคัก ดูมีความสุขมาก

ส่วนป้าซางก็อุ้มจวินเสี่ยวเหยียนเล่นสนุกอยู่ อย่ามองว่ายัยหนูน้อยยังเด็ก เห็นคนอื่นทั้งเต้นทั้งร้อง นางก็แกว่งมือน้อยๆ ตามไปด้วย ท่าทางอันน่ารักนั้นสร้างเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนแล้ว

ผู้หญิงที่สวมชุดเผ่าคนหนึ่งเดินเข้ามา เดินไปทางหยุนถิงอย่างไม่เป็นมิตร “ฮูเอ๋อเลี่ยเป็นผู้ชายที่ข้าชอบ เจ้าห้ามมายุ่งเกี่ยวกับเขา เดิมทีเจ้าไม่คู่ควรกับเขา!”

เสียงเหน็บแนมอย่างเจ็บปวด ดูแสบแก้วหูมาก

หยุนถิงรำคาญคนอื่นมาข่มขู่มากที่สุด สีหน้าจึงหม่นหมองลงมา “ถ้าข้าไม่ทำตามเล่า?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท