จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 672 ข้าจะไม่สนใจท่านได้อย่างไร
พอเฉียนกุ้ยเฟยได้ยินว่าลูกชายตนเกิดเรื่อง ก็ตะลึงเกือบสลบไป สาวใช้ข้างกายพยุงนางไว้ทันที
“เหนียงเหนียง ท่านรักษาตนเองให้ดีไว้นะเพคะ?”
“องค์ชายหกยังเกิดเรื่อง ข้าจะมัวมารักษาตนเองอยู่ได้อย่างไรกัน รีบไปรับองค์ชายหกเข้าวังกับข้าเร็ว รีบตามหมอหลวงมา ข้าจะไม่ยอมให้องค์ชายหกเกิดเรื่องเป็นอันขาด!” เฉียนกุ้ยเฟยพูดอย่างร้อนรนละล่ำละลัก
“เพคะ!” สาวใช้รีบตามนางไปทันที
ส่วนพระราชวังของแคว้นเทียนจิ่วตอนนี้วุ่นวายไปหมดแล้ว
องค์ชายหลายคนเกิดเรื่องติดๆกัน ไท่จื่อก็โดนลอบฆ่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้มันทำให้ทุกคนตกตะลึงจริงๆ เหล่าสนมนางในของวังหลังตกใจกันหมด ที่มีลูกก็รีบเรียกลูกของตนกลับมาทันที กลัวว่าพวกเขาจะเกิดเรื่อง ที่ไม่มีลูกก็พากันถอนหายใจโล่งอก
โชคดีที่คนที่ได้รับบาดเจ็บมีแต่องค์ชาย ส่วนเหล่าองค์หญิงล้วนปลอดภัยไม่มีอะไร
เพียงแต่จู่ๆเหล่าองค์ชายก็เกิดเรื่องขึ้น มันน่าสงสัยจริงๆ ผู้คนในวังหลังพากันซุบซิบพูดคุย
ส่วนเหล่าขุนนางในราชสำนักพอได้ยินเรื่องนี้ก็งงงันไปตามๆกัน พากันเร่งรุดเข้าวังอย่างร้อนใจ แต่บัดนี้ฮ่องเต้สลบไสลไม่ได้สติ ขนาดคนมาจัดการราชการงานสำนักยังไม่มี เหล่าองค์ชายเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก
ในห้อง เริ่นเซวียนเอ๋อร์กำลังลงเข็มให้ฮ่องเต้ ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของของขุนนางพวกนั้น เดือดดาลยิ่งนัก “ขุนนางพวกนี้พอเกิดเรื่องแล้วไม่มีใครออกมาควบคุม ก็พากันซุบซิบเซ็งแซ่”
หยุนถิงมองนาง “เวลานี้เป็นช่วงที่ผู้คนหวาดหวั่นที่สุด น่าจะมีใครสักคนออกมาควบคุมสถานการณ์ เจ้าสามารถเสนอให้เซ่อเจิ้งอ๋องออกมาควบคุมสถานการณ์ชั่วคราวนี่”
(เซ่อเจิ้งอ๋อง หมายถึงผู้ตรวจราชการแทน)
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตกตะลึงยิ่งนัก “เสด็จอาเก้า?”
ตอนนั้นเพราะช่วยฮ่องเต้สำเร็จมีความดีความชอบ กู้จิ่วเยวียนเลยได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง
และเป็นเพราะศึกครานั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เหลือแผลตกค้าง หลายปีมานี้กู้จิ่วเยวียนเจ็บออดๆแอดๆ เขาถอนตัวจากราชสำนัก พักรักษาตัวในจวนมานานหลายปี ไม่สนใจเรื่องราวต่างๆในราชสำนักมาตลอด แต่เพราะอย่างนี้เลยมิมีใครเคยกล้าดูเบาเซ่อเจิ้งอ๋อง
เพราะฮ่องเต้ตอนนั้นได้ประทานราชโองการอันหนึ่งแก่เซ่อเจิ้งอ๋องไว้ ไม่มีใครรู้ว่าในนั้นเขียนอะไรไว้
หลายปีมานี้ แคว้นเทียนจิ่วร่มเย็นเป็นสุขมาตลอด ดังนั้นเซ่อเจิ้งอ๋องเลยไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในราชสำนัก
“คนที่สามารถยับยั้งเหตุการณ์อลหม่านในวังครั้งนี้ได้มีแต่เขาแล้วล่ะ” หยุนถิงพูดเสียงเรียบ
ในเมื่อผิงหนานอ๋องวางแผนขึ้นทั้งหมดนี่ เช่นนั้นหยุนถิงก็ไม่มีทางยอมให้ผิงหนานอ๋องทำสำเร็จเด็ดขาด
“เช่นนั้นข้าจะไปจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง หยุนถิงเจ้าช่วยข้าเฝ้าเสด็จพ่อกับไท่จื่อไว้หน่อย ข้าไปครู่เดียวก็มา” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอก
“ได้!”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์พึ่งไป ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก พลางปิดประตู จากนั้นคารวะให้กับหยุนถิงและซวนอ๋อง
“ข้าน้อยคารวะซื่อจื่อเฟย ซวนอ๋อง” นางกำนัลบอก พลางยื่นป้ายคำสั่งมาให้อันหนึ่ง
ซวนอ๋องรับมาดู สายตาคมปลาบปรายมองนางกำนัลคนนั้นทันที “เจ้าเป็นคนของแคว้นต้าเยียน?”
“กราบทูลซวนอ๋อง ข้าน้อยเป็นสายลับที่ฝ่าบาทจัดวางไว้ในพระราชวังแคว้นเทียนจิ่ว ฝ่าบาทสั่งข้าน้อยบอกซื่อจื่อเฟยว่า อย่าช่วยฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่ว ทำให้ภายในวังเกิดความอลหม่านเสีย เช่นนี้ต้าเยียนก็จะมีโอกาสมาบุกแคว้นเทียนจิ่ว” นางกำนัลตอบ
หยุนถิงขมวดคิ้ว ข่าวของฮ่องเต้ต้าเยียนนี่ว่องไวชะมัด
“เจ้าบอกฝ่าบาทนะ ข้าถอนพิษของฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วไม่ได้ ทำได้เพียงให้เขาหายได้อีกหลายวันเท่านั้นเอง” หยุนถิงตอบ
“ขอบคุณซื่อจื่อเฟยมาก!” นางกำนัลถึงได้ออกไป
จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง
เริ่นเซวียนเอ๋อร์มองดูประตูใหญ่ที่เก่าคร่ำนั่น ขนาดป้ายชื่อจวนยังแทบจะร่วงลงมา จวนเซ่อเจิ้งอ๋องนี่ย่ำแย่เอาการ เหมือนกับเมื่อก่อนเลย ไม่รู้จักให้คนเสริมเติมเสียบ้าง
นางรีบไปเคาะประตูทันที พอคนรับใช้เห็นเป็นองค์หญิงสาม รีบพานางเข้าไปทันที
การจัดวางในเรือนเป็นเอกลักษณ์ ทางเดินเล็กหินหินปูน ประดับดอกไม้ไว้สองข้างทาง ภูเขาปลอมน้ำตกไหล ดูร่มรื่นนัก
ข้างสระน้ำ ร่างหนึ่งในชุดขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ กำลังยกเบ็ดตกปลาอันหนึ่งขึ้นมาตกปลา
ดุจดั่งภาพวาดงดงาม วันเวลาร่มรื่นสงบนัก
ลมเย็นพัดมา กู้จิ่วเยวียนไออย่างรุนแรงออกมา เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบพุ่งเข้ามา ยื่นมือช่วยเขาลูบหลังในบัดดล
“เสด็จอาเก้า ท่านจะโดนลมไม่ได้นะ เหตุใดมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอก คว้าแขนเขามาจับชีพจรทันที
กู้จิ่วเยวียนยิ้มบาง “เหมือนเดิมนั่นล่ะ ไม่เป็นไรดอก”
“เช่นนั้นก็ไม่ได้ ท่านต้องรักษาตัวให้ดี ไม่อย่างนั้นมิเท่ากับเป็นการสิ้นเปลืองยาที่ข้าหามาให้ท่านในหลายปีนี้รึ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ทำหน้าเย็นชา
กู้จิ่วเยวียนหัวเราะแหะๆ “ได้ ต่อไปข้าจะระวังนะ”
นังหนูนี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กล้ามาดุใส่ตนแล้ว
กู้จิ่วเยวียนยังจำได้ว่า ตอนเริ่นเซวียนเอ๋อร์ห้าขวบ โดนหมาบ้าใหญ่ตัวหนึ่งวิ่งไล่จนร้องไห้โฮ เขาผ่านไปช่วยนางไว้พอดี แต่เพราะอย่างนี้ตนเลยโดนหมาบ้ากัดแทน
ตอนนั้นเริ่นเซวียนเอ๋อร์ร้องไห้โฮ บอกว่าจะต้องช่วยเขารักษาแผลให้ได้ จะเหลือรอยแผลเป็นไม่ได้ จากนั้นก็หยิบยาจินชวงและยารักษารอยแผลเป็นมากมายจากสำนักหมอหลวงมาให้เขา
ต่อมาเขาช่วยฮ่องเต้ปราบศึกภายในได้ เริ่นเซวียนเอ๋อร์เห็นเขานอนสลบจมกองเลือด ก็ร้องไห้อยู่ข้างเตียงกู้จิ่วเยวียนทั้งคืน บอกว่าจะรักษาเขาให้หายให้ได้
วันต่อมา นางก็เข้าไปเรียนวิชาแพทย์กับเหล่าหมอหลวงในสำนักหมอลหวง ต่อมาเพราะมีพรสวรรค์ยิ่งนัก เจ้าหอแห่งหอเทพเซียนรับนางเป็นศิษย์ก้นกุฏิ
หลายปีมานี้ปะตูใหญ่ของจวนเซ่อเจิ้งอ๋องปิดมาตลอด ผู้คนที่คิดมาเยี่ยมเยียนเซ่อเจิ้งอ๋องล้วนโดนปฏิเสธเสียหมดสิ้น มีเพียงเริ่นเซวียนเอ๋อร์ นางไม่เข้าทางประตูแต่ปีนกำแพงเข้ามา
จนถึงตอนนี้กู้จิ่วเยวียนยังจำได้ถึงท่าทางปีนอยู่บนกำแพงของเริ่นเซวียนเอ๋อร์ทุกครั้ง
จากตอนแรกหลายวันมาครั้ง จนต่อมาหลายเดือนมาครั้ง กระทั่งมาปีละครั้ง—
กู้จิ่วเยวียนรู้ดีว่าร่างกายของตนนี่อยู่ไม่ได้อีกหลายปีแล้ว ขอเพียงได้รู้ข่าวนาง รู้ว่านางอยู่สุขสบายดี เขาเองก็วางใจละ
“เสด็จอาเก้า ทำไมท่านยังอ่อนแอขนาดนี้ ยาบำรุงที่ครั้งก่อนข้าเอากลับมาให้ท่านล่ะ กินแล้วหรือยัง?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถามอย่างขมวดคิ้ว
“ทูลองค์หญิงสาม ท่านอ๋องไม่กล้ากิน ยังเก็บไว้อยู่เลย” พ่อบ้านบอกเสียงเบา
กู้จิ่วเยวียนถลึงตาใส่อย่างเดือดดาล พ่อบ้านตกใจรีบหุบปากทันที “อย่าพูดมาก”
“เสด็จอาเก้า ท่านถลึงตาใส่พ่อบ้านทำไม ทำไมไม่ยอมกิน ยาล่ะ?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“กินไม่กินก็เป็นอย่างนั้นแหละ อย่าสิ้นเปลืองยาเลย เจ้าเสาะหายาจากทุกทิศทั้งวันมันลำบากนัก ข้าไม่อยากให้เจ้าทำเช่นนี้เพราะข้า” กู้จิ่วเยวียนพูดพลางควักขวดยานั้นออกมาจากในอกเสื้อ
เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบแย่งมาทันที “ท่านพูดอย่างนี้ได้อย่างไร ที่ท่านบาดเจ็บนี่ก็เป็นเพราะช่วยเสด็จพ่อข้านะ ข้าจะไม่สนใจท่านได้อย่างไรกัน?”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์เปิดขวดออกทันที เทสามเม็ดในนั้นออกมา ยื่นมือไปบีบคาง กู้จิ่วเยวียน กรอกยาเข้าปากเขาทันที
พ่อบ้านข้างๆยังตกใจบื้อไปเลย องค์หญิงสามผู้นี้ช่างกล้าบังอาจนักยิ่งนัก นี่ดันกรอกยาเข้าปากท่านอ๋องเสียเลย พ่อบ้านตกใจจนไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ แต่เขาก็เลื่อมใสองค์หญิงสามยิ่งนัก
ใต้หล้านี้มีแค่องค์หญิงสามเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้
กู้จิ่วเยวียนชะงักกึก เขาเองก็ไม่คิดว่าเริ่นเซวียนเอ๋อร์จะทำเช่นนี้ พอเห็นใบหน้าแน่งน้อยถลึงตามองตนอย่างไม่พอใจ ทำท่าราวกับสิงโตตัวน้อยที่พองขน น่ารักยิ่งนัก รับรู้ได้ถึงมือน้อยอ่อนนุ่มที่ปิดปากตนไว้ กู้จิ่วเยวียนรู้สึกหัวใจพลันเต้นแรง ลืมโต้ตอบไปบัดดล