จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 688 ไม่ว่าเจ้าอยากจะไปไหน ข้าจะไปกับเจ้าทุกที่
หยุนถิงก็สงสัยอย่างยิ่งเช่นกัน “ตามนิสัยโหดเหี้ยมอำมหิตของผิงหนานอ๋อง จะต้องหนีเอาชีวิตรอดทันทีแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าในจวนอ๋องมีสิ่งที่สำคัญมาก สำคัญ กว่าชีวิตของเขา!”
“หรือว่าจะเป็นเซียจิ่วเซียว?” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวด้วยความสงสัย
หยุนถิงส่ายหน้า “เขาหาผู้หญิงเพื่อคลอดลูกแล้ว ต้องละทิ้งเซียจิ่วเซียวไปแล้วแน่นอน ข้าสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องกับหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตของซื่อจื่อ หรือไม่เบื้องหลังของเขาก็ยังมีปลาที่ตัวใหญ่กว่าอยู่อีก!”
“เราเข้าไปดูกัน” โม่เหลิ่งเหยียนเสนอแนะ
“ตกลง”
ตอนนี้จวนผิงหนานอ๋องถูกเสวี่ยเชียนโฉวกับหยุนหลีกวาดล้างจนราบคาบไปนานแล้ว ประตูเปิดทุกทิศทั่วทาง องครักษ์และองครักษ์ลับล้วนนอนกันอยู่เต็มลาน สลับตัดกันไปมา เลือดไหลเป็นแม่น้ำ
“ระวังตัวด้วย” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปาก
“ท่านก็เหมือนกัน”
ขณะที่พูดคุยทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในจวนผิงหนานอ๋อง เดินอ้อมซากศพเหล่านั้นไป พวกเขามุ่งหน้าเดินเข้าไปข้างใน เพียงแต่ว่าจวนผิงหนานอ๋องใหญ่เกินไป หยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียนได้แต่ค้นหาไปทีละห้องเท่านั้น
ผิงหนานอ๋องในเวลานี้เข้าไปในห้องลับกับคนชุดดำคนนั้นนานแล้ว เจว๋กู่ถึงได้ปลดผ้าเช็ดหน้าสีดำบนใบหน้าลงมา
เมื่อผิงหนานอ๋องเห็นว่าเป็นเขา ก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง “เจว๋กู่ใช่เจ้าจริงๆด้วย เจ้ามาช่วยข้าจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่มีทางทนเห็นพ่อไปตายได้!”
“ข้าไม่มีพ่ออย่างท่าน!” เสียงของเจว๋กู่เย็นชาดุร้าย ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของผิงหนานอ๋องกระอักกระอ่วน และอับอายอย่างยิ่ง แต่กลับไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีใจมาก
“ข้ารู้ ในสายตาของเจ้าข้าก็คือขยะไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอเพียงสามารถทำงานให้แม่เจ้าได้ ถึงแม้ต้องตายข้าก็ยินดี”
เพราะว่าตื่นเต้น ผิงหนานอ๋องไอขึ้นมาอย่างรุนแรง ตรงแขนและไหล่มีเลือดไหลตลอดเวลา เจว๋กู่ไม่ได้ช่วยห้ามเลือดให้เขา ผิงหนานอ๋องในเวลานี้สีหน้าซีดขาว
เจว๋กู่ที่อยู่ตรงหน้าก็คือลูกชายของผิงหนานอ๋อง พูดให้ถูกคือบุตรนอกสมรส
เพียงแต่ว่าสถานะของเขาพิเศษ หรือจะบอกว่าแข็งแกร่งเกินไป เดิมทีผิงหนานอ๋องยังกลัวว่าเขาจะข่มขู่องค์หญิงใหญ่ ไม่คิดว่าสถานะของเขาลึกลับ และแข็งแกร่งเช่นนั้น ไม่สนใจมองทุกสิ่งทุกอย่างในจวนผิงหนานอ๋องด้วยซ้ำ ดังนั้นหลายปีมานี้ผิงหนานอ๋องจึงช่วยพวกเขาสองคนแม่ลูกทำงานตลอด
สั่งสมอิทธิพลอำนาจ รีดไถเงินไปทั่วทิศทุกทาง ค้นหาของมีค่าหายาก——-
แม้แต่เรื่องที่ผิงหนานอ๋องต้องการจะเป็นฮ่องเต้ ก็เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งและความสามารถนี้ จะได้ให้แม่ของเจว๋กู่เปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อตนเอง
เจว๋กู่มองไปทางเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านแม่บอกว่า ครั้งหนึ่งนางเคยมอบตราสัญลักษณ์ให้ท่าน ตอนนี้ตราสัญลักษณ์อยู่ที่ไหน?”
“อยู่นี่ ข้าจะไปเอาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
ผิงหนานอ๋องหันหลังเดินไปทางม้วนภาพต้นสนเขียวชอุ่มที่แขวนอยู่บนกำแพง ด้านหลังม้วนภาพคือช่องลับช่องหนึ่ง เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและเปิดมันออก หยิบกล่องที่อยู่ข้างในออกมา
“นี่ก็คือตราสัญลักษณ์ที่แม่เจ้ามอบให้ข้าในตอนนั้น บอกว่าสามารถใช้ตราสัญลักษณ์นี้เข้าออกสถานที่แห่งนั้นได้ เพียงแต่ว่าหลายปีมานี้ข้าไม่เคยใช้มาก่อน แค่กๆ ตอนนี้สามารถไปดูได้แล้ว!” ผิงหนานอ๋องกล่าวพร้อมกับไอขึ้นมาอย่างรุนแรง
เจว๋กู่ไม่มองเขาเลยด้วยซ้ำ ยื่นมือไปรับตราสัญลักษณ์แผ่นนั้นมา หันหลังก็เดินจากไป
ผิงหนานอ๋องเห็นเขาจากไป ก็จะตามไปด้วย แต่ว่าเขาบาดเจ็บสาหัสเกินไป เลือดไหลตลอดทางที่มา สูญเสียพละกำลังไปเยอะมาก คนทั้งคนก็ยืนไม่มั่นคงแล้วด้วยซ้ำ
“เจว๋กู่ รอข้าด้วย ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า!”
เจว๋กู่หยุดฝีเท้าลง แต่กลับไม่ได้หันกลับมา “ข้าไม่เคยบอกว่า จะพาท่านไปด้วย”
ผิงหนานอ๋องตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ตอนนี้ท่านไม่มีประโยชน์ใดๆกับท่านแม่แล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่ออีก ที่ข้ามาในครั้งนี้ เพียงเพื่อเอาตราสัญลักษณ์นี่ไปเท่านั้น!” เจว๋กู่ทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ก็จากไปโดยตรง
ผิงหนานอ๋องตกตะลึง ชะงักงัน เจ็บปวดใจ รู้สึกเพียงว่าเลือดลมตรงหน้าอกพลุ่งพล่าน กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง คนทั้งคนก็ล้มลงไปกับพื้น
ความเจ็บปวดที่ทะลวงใจจู่โจมมา แต่ยังไม่เท่าความเจ็บปวดในใจของเขา
หลายปีมานี้ เขาทำเพื่อนางอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจหรือกำลังคน หรือว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่า เขาก็ไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมาก่อน ล้วนมอบให้นางทั้งหมด
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแลกความจริงใจของนางได้ หรือจะบอกว่านางไม่มีหัวใจเลยต่างหาก หรือว่าหัวใจของนางอยู่ที่ผู้ชายคนนั้นตลอด ถึงขนาดวางยาพิษแม่ของจวินหย่วนโยว วางแผนลอบสังหารนาง สุดท้ายหลอกใช้ตัวเองจัดการนาง
ผิงหนานอ๋องรู้สึกร้าวรานใจและขมขื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สุดท้าย ในสายตาของนาง ตัวเองก็แค่เบี้ยหมากตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็เป็นเบี้ยหมากที่ถูกทอดทิ้งแล้ว
จู่ๆร่างกายของเขาก็กระตุกขึ้นมา ทั่วทั้งร่างกายราวกับถูกแมลงนับพันนับหมื่นกัดแทะ เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ผิงหนานอ๋องเจ็บปวดจนกลิ้งไปมาบนพื้น สีหน้าซีดขาว หน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดออกมา
นี่น่าจะเป็นกู่ที่หยุนถิงวางให้ตัวเองก่อนหน้านี้ใช่ไหม ที่แท้ในตอนที่พิษกู่กำเริบมันเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็นเช่นนี้นี่เอง
ในตอนที่หยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียนหาผิงหนานอ๋องเจอ ผิงหนานอ๋องก็หายใจรวยรินแล้ว
“ผิงหนานอ๋อง ใครเป็นคนวางกู่ให้ท่านแม่ของซื่อจื่อกันแน่ ขอเพียงเจ้าพูดออกมา ข้าสามารถไว้ชีวิตเจ้าได้!” หยุนถิงรีบสอบถามทันที
มุมปากของผิงหนานอ๋องเกี่ยวขึ้นมาอย่างเยาะเย้ยตัวเองเล็กน้อย “ตอนนี้ข้าหมดอำนาจแล้ว วางแผนมาหลายปีขนาดนี้สุดท้ายก็สูญเปล่า ไม่ได้ครอบครองบัลลังก์ข้าก็ไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์แล้ว ถึงแม้จะตาย ข้าก็จะไม่ทรยศคนผู้นั้น พวกเจ้าไม่มีวันหาเขาเจอ อ๊า เจ็บจังเลย แมลงที่สมควรตายนี่ไสหัวออกมา—–”
หยุนถิงเห็นว่าให้ตายอย่างไรผิงหนานอ๋องก็ไม่ปริปาก ก็รีบหยิบขวดยาพูดความจริงออกมาจากมิติ และยัดยาพูดความจริงเข้าไปในปากของผิงหนานอ๋องสามเม็ดอย่างหยาบคายทันที
ผิงหนานอ๋องอยากจะต่อต้าน แต่ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงแล้ว ทำได้เพียงถูกบังคับให้กลืนลงไปเท่านั้น
“ผิงหนานอ๋อง คนที่วางหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตให้ท่านแม่ของซื่อจื่อคือใคร?” หยุนถิงซักถามทันที
“เขตทะเลนิรนาม——” ผิงหนานอ๋องเพิ่งจะพูดสองสามคำนี้ออกมา จู่ๆอาวุธลับนับไม่ถ้วนก็โจมตีมา
หยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียนหลบออกไปทันที อาวุธลับอันหนึ่งแทงไปที่ลำคอของผิงหนานอ๋องเข้าพอดี ดวงตาของเขาเบิกกว้างมองไปทางบางแห่ง จนกระทั่งตายก็คิดไม่ถึงว่า จะตายในน้ำมือของลูกชายแท้ๆตัวเอง
โม่เหลิ่งเหยียนใช้กำลังภายในคลี่คลาย มองไปทางเงาดำที่แว๊บผ่านไปนอกประตู เขาไล่ตามไปทันที
แต่ในตอนที่เขาออกมา เงาดำนั่นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว
“น่าชิงชังนัก!” โม่เหลิ่งเหยียนก่นด่า
หยุนถิงก็ไล่ตามออกมาเช่นกัน “ในเมื่ออีกฝ่ายเตรียมการมาแล้ว ถึงแม้เราจะจับคนผู้นั้นได้จริงๆ เกรงว่าคงจะไม่พูดอะไรเช่นกัน แต่ว่าเขตทะเลนิรนามที่ผิงหนานอ๋องพูดถึงเมื่อครู่นี้ ซวนอ๋องท่านเคยได้ยินหรือไม่?”
โม่เหลิ่งเหยียนส่ายหน้า “ตอนที่ข้าเดินทางไปทัศนาจรที่โพ้นทะเล เคยได้ยินคนเอ่ยขึ้นมา เขตทะเลนิรนามแปรปรวนคาดเดาไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าตำแหน่งที่แน่ชัดของมันอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่เคยมีใครเคยไปมาก่อน ว่ากันว่ามันเป็นเกาะเซียนแห่งหนึ่ง ลอยอยู่บนพื้นผิวน้ำทะเล มีเพียงคนที่ถูกลิขิตเอาไว้เท่านั้นถึงจะสามารถพบเจอมัน”
“ลึกลับพิสดารขนาดนี้ อีกหน่อยหากมีโอกาส ข้าจะต้องทำความรู้จักสักครั้งจริงๆ” หยุนถิงกล่าว
“ไม่ว่าเจ้าอยากจะไปไหน ข้าจะไปกับเจ้าทุกที่!” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปากอย่างหนักแน่น
หยุนถิงเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง “ซวนอ๋อง ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย!”
“ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าเป็นอะไรไปอีก เจ้าวางใจ ข้าจะไม่สร้างปัญหาใดๆให้กับเจ้า ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เจ้ามีชีวิตอยู่”
ชั่วขณะหนึ่งหยุนถิงถึงกับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นึกถึงห้องลับเมื่อครู่นี้ จู่ๆก็มีแผนขึ้นมาในใจทันที
“ในเมื่อที่นี่คือสถานที่สุดท้ายที่ผิงหนานอ๋องมา แสดงว่ามันต้องสำคัญมากแน่นอน บางทีเราอาจจะพบเบาะแสอะไรบางอย่างก็ได้!” หยุนถิงหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องลับ
มองดูฝีเท้าที่ลนลานเล็กน้อยของนาง โม่เหลิ่งเหยียนส่ายหน้าอย่างจนใจ นางคงจะตกใจกับคำพูดเมื่อครู่ของตนเองแน่นอน