จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 706 หรือว่าเจ้าร้อนตัว
“อ๊า!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นขฌ นางรำผู้นั้นโดนเข้าพอดี ลอยกระเด็นออกไป มีเลือดไหลออกมาที่มุมปาก
ทุกคนตกใจกันมาก หันมองนางรำคนนั้นกันหมด ใครก็ไม่คิดว่านางจะใจกล้าลอบฆ่าหยุนถิง
“ทำไมเจ้าต้องฆ่าข้าด้วย?” หยุนถิงมองมาอย่างเย็นชา
นางรำขยับตัวไม่ได้เลย พยายามอดทนความเจ็บปวดถลึงตามองมา “เพราะเจ้าฆ่าล้างตระกูลจิ่ง สองร้อยกว่าชีวิต โดนเจ้าฆ่าทิ้งหมดภายในคืนเดียว ข้าเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ดังนั้นต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะต้องล้างแค้นให้ครอบครัวของข้า!”
พอคำนี้ออกมาฝภ ทำทุกคนตกตะลึง
ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์สีหน้าทะมึน เรื่องที่หยุนถิงไปตระกูลจิ่งเขารู้ เรื่องที่ตระกูลจิ่งโดนฆ่าล้างตระกูลฮ่องเต้เองก็รู้
ถึงโลกภายนอกจะพากันลือว่าเป็นฝีมือหยุนถิง แต่ฮ่องเต้เลยไม่เชื่อเลยสักนิด เพราะรู้จักกันมานานขนาดนี้ ฮ่องเต้รู้ดีว่าหยุนถิงไม่มีทางฆ่าคนโดยไม่มีสาเหตุ ต่อให้ฆ่า ก็แค่แก้แค้น ไม่มีทางทำร้ายผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะคนแก่และเด็ก
“ข้าไม่ได้ฆ่าล้างตระกูลจิ่ง” หยุนถิงตอบ
“หึ ผู้ใดจะยอมรับว่าตนฆ่ากัน หากมิใช่เพื่อลูกลับๆอย่างจิ่งไป๋นั่น เจ้ามีหรือจะเคียดแค้นยามทะเลาะกับฮูหยินจิ่ง” นางรำบอก รีบมองไปที่ฮ่องเต้บนบัลลังก์ โขกศีรษะอย่างแรง
“ขอฝ่าบาทคืนความยุติธรรมให้ข้าน้อยด้วย หยุนถิงฆ่าล้างตระกูลจิ่งของข้า ว่ากันว่าฮ่องเต้ทำผิดมีโทษเท่าสามัญชน ต่อให้นางเป็นซื่อจื่อเฟยก็ไม่อาจดูดายได้ ขอฝ่าบาททรงความยุติธรรม ให้กับตระกูลจิ่งด้วยเถิด!”
“กล้าแอบอ้างเป็นคนตระกูลจิ่ง ใส่ร้ายซื่อจื่อเฟยของข้า เจ้าถูกผู้ใดบงการมา รีบบอกความจริงมา!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงอย่างเดือดดาล
นางรำยิ้มเย็น “จวินซื่อจื่อกล้าข่มขู่ข้าต่อหน้าฝ่าบาทเช่นนี้ เท่ากับไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตาเลย ใครไม่รู้คงคิดว่าฝ่าบาทต้องเชื่อฟังท่านด้วยซ้ำ”
“ฝ่าบาททรงพิจารณาเองได้ ไม่ต้องให้เจ้ามายุแยงตะแคงรั่ว” โม่เหลิ่งเหยียนแทรกเสียงเย็น
นางรำยิ้มเย็น “ผู้คนต่างว่ากันว่าซวนอ๋องรักใคร่ซื่อจื่อเฟย ตอนนี้ดูแล้วมิผิดเลย ซวนอ๋องร้อนใจช่วยหยุนถิงอย่างนี้ มิกลัวจวินซื่อจื่อเข้าใจผิดรึ ได้ยินว่าลูกสาวของซื่อจื่อเฟยชอบซวนอ๋องมาก มากกว่าจวินซื่อจื่อด้วย คนนอกล้วนเดากันว่าเด็กนี้น่ากลัวจะเป็นลูกของซวนอ๋องกระมัง”
พอพูดจบ บรรยากาศรอบตัวจวินหย่วนโยวเย็นเยียบกระจายไปทั่วพระราชวัง อันตรายและบังอาจ สายตาทะมึนเหี้ยมเกรียม กระหายเลือดประทุ ประหนึ่งสัตว์ร้ายพร้อมขย้ำนางรำผู้นั้นให้แหลกลาญ
วินาทีต่อมา จวินหย่วนโยวปราดร่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ไปที่ด้านหน้านางรำผู้นั้น คว้าคอหอยนางไว้มั่น
“หยุนถิงเป็นคนที่ข้ารักมากที่สุด จวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียนยิ่งเป็นลูกชายลูกสาวแท้ๆของข้า ใครกล้าใส่ร้ายพวกเขา หาเรื่องตาย!”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม เน้นย้ำทีละคำ ทำคนขนหัวลุก
นางรำไอค่อกแค่กอย่างรุนแรง หายใจติดขัด นางพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่นางไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของจวินหย่วนโยว ก่อนหน้านี้ก็โดนจวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนซัดกระเด็นแล้ว นางในตอนนี้ใกล้จะสิ้นลมเต็มที
จวินซื่อจื่อเบื้องหน้าประหนึ่งยมทูตจากนรก โดยเฉพาะสายตานั้น ประหนึ่งคมดาบแหลมคม ฟาดฟันลงมาที่ตัวนางทีละดาบ
วินาทีนี้นางรำเริ่มรู้สึกเสียใจละ เหตุใดตนต้องรับปากคำขอร้องของคนผู้นั้นด้วย จวินซื่อจื่อน่ากลัวเกินไปแล้ว
นางอยากจะขอร้อง แต่จวินหย่วนโยวไม่ให้โอกาสนางเลยสักนิด มือใหญ่พลันออกแรงในบัดดล
“พลั่ก!” ดังขึ้น เสียงกระดูกถูกหักดังสนั่นไปทั่วท้องพระโรง
นางรำตาเหลือกลานเบิกกว้าง ยังไม่ทันพูดขอร้อง ก็โดนจวินหย่วนโยวหักคอ ตายคาที่แล้ว
จวินหย่วนโยวสะบัดนางรำทิ้งอย่างรังเกียจ “หยุนถิงเป็นคนคลอดจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนให้ข้า หากใครกล้าสร้างข่าวลือเท็จ จะมีจุดจบเช่นคนผู้นี้!”
น้ำเสียงอหังการ์ดังสะท้านไปทั่วทั้งท้องพระโรง และยังสะท้านเข้าไปในหูของทุกคน ทำเอาทุกคนตกใจไม่กล้าหายใจแรง
หยุนถิงกับลูกทั้งสองเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของจวินหย่วนโยว หากใครกล้าทำร้ายพวกเขา จวินหย่วนโยวจะให้คนผู้นั้นอยู่ไม่สู้ตาย
“จวินหย่วนโยวเจ้าทำเกินไปแล้วนะ กล้าฆ่านางรำต่อหน้าฝ่าบาทเช่นนี้ เรื่องของตระกูลจิ่งยังสืบมิรู้แน่ชัดเลย หรือว่าเจ้าร้อนตัว!” หลีอ๋องโม่ฉือหานแค่นเสียงเย็น
เขายังเจ็บแค้นเรื่องที่โดนจวินหย่วนโยวเหยียดหยามตอนล่องแม่น้ำ ดังนั้นถึงได้พูดจาเช่นนี้ออกมา
จวินหย่วนโยวเหล่มองอย่างไม่แยแส “เรื่องตระกูลจิ่ง ไม่ใช่ฝีมือซื่อจื่อเฟยของข้า วิธีใส่ร้ายป้ายสีต่ำช้าเช่นนี้หลีอ๋องมองไม่ออก หรือว่าหลีอ๋องเป็นพวกเดียวกับนางรำผู้นี้?”
คำพูดเดียว ทำเอาประเด็นพุ่งไปที่โม่ฉือหานทันที
สีหน้าโม่ฉือหานดำเมี่ยมทันที “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าไม่รู้จักนางรำผู้นี้สักหน่อย”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดหลีอ๋องใส่ใจเรื่องตระกูลจิ่งถึงเพียงนี้?” จวินหย่วนโยวย้อนถาม
“จะว่าอย่างไร ตระกูลจิ่งก็เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลมีสองร้อยกว่าชีวิต แต่กลับโดนฆ่าล้างตระกูลหมดในคืนเดียว เรื่องเช่นนี้มาเกิดขึ้นในแคว้นต้าเยียนเรา จะนิ่งดูดายไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นต้องสืบหาตัวฆาตกรให้ได้ เพื่อมิให้อีกเจ็ดตระกูลเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้เหมือนกัน ข้าแค่พูดไปตามที่ควรญฌ ไม่ได้เพ่งเล็งผู้ใดทั้งสิ้น”ญญ โม่ฉือหานอธิบาย
“ในเมื่อหลีอ๋องพูดอย่างเป็นธรรมเช่นนี้ ก็ขอฝ่าบาทมีพระราชโองการให้หลีอ๋องสืบหาความจริงเรื่องตระกูลจิ่งเสียเลย จะได้คืนความยุติธรรมให้แก่ซื่อจื่อเฟยของข้าด้วย!” จวินหย่วนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างห้ามมีข้อสงสัย
ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์สูงสีหน้าเคร่งเครียด “ตระกูลจิ่งโดนฆ่าล้างตระกูลหมด สวรรค์ยังไม่อาจละเว้นได้จริงๆ หลีอ๋อง ข้าขอสั่งให้เจ้าสืบหาความจริงเรื่องนี้ ต้องจับตัวฆาตกรมาให้ได้ จะให้ฆาตกรลอยนวลอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้เด็ดขาด!”
ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่หยุนถิง แต่ฮ่องเต้ก็ยังออกคำสั่ง ชีวิตคนสองร้อยกว่าคนยังไงก็ต้องสืบให้รู้แน่ชัด
“น้องรับคำสั่ง!” โม่ฉือหานถวายบังคมอย่างนอบน้อม หางตาเหล่มองหยุนถิง
นางกลับดี นั่งสบายอารมณ์ กินขนมอย่างเรียบง่ายสบาย เหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริงๆ มันทำให้โม่ฉือหานอดสงสัยไม่ได้
หรือว่าเรื่องของตระกูลจิ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับหยุนถิงจริงๆ?
“ฝ่าบาท สตรีผู้นี้แฝงตัวเข้ามาในนางรำได้ และมาลอบฆ่าซื่อจื่อเฟย เห็นได้ชัดว่าเตรียมการมา แค่นางคนเดียวไม่มีทางเข้ามาในพระราชวังได้ หากนางเกิดอยากทำร้ายฝ่าบาทเล่า มิเท่ากับเป็นการเผยช่องโหว่รึ ดังนั้นขอฝ่าบาทตรวจสอบด้วยเถิด!” เหมยเฟยพูดเนิบช้าขึ้น
ฮ่องเต้ถลึงตามองนางรำที่ตายไปแล้วอย่างเดือดดาล “ซวนอ๋อง เรื่องนี้เจ้าไปสืบด้วยตัวเอง!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซวนอ๋องรับบัญชา
ผ่านเหตุการณ์นี้ไป คนอื่นพลันไม่มีอารมณ์อยู่ในงานเลี้ยงต่อไปแล้ว ต่างพากันตกใจตัวสั่นงันงก มีแต่หยุนถิงที่กินดื่มอย่างสุขี พึงพอใจยิ่งนัก
“ท่านพี่ คืนนี้ข้ากินมากไปหน่อย พวกเราเดินกลับไปกันเถอะ” หยุนถิงเสนอ
“ได้ ต่อไปกินให้น้อยลงหน่อยนะ ท้องเป็นของเจ้าเอง กินมากไปก็ไม่สบายตัว” จวินหย่วนโยวบอกอย่างเป็นห่วง
“ได้!”
ทั้งสองคนออกจากพระราชวัง ก็เห็นโม่หลานในชุดเกราะเร่งรีบมา ด้านหลังยังมีอีกคนเดินตามมา
“จี้อวี๋,โม่หลาน เหตุใดพวกเจ้ามาด้วยกันได้?” หยุนถิงสงสัยนัก
จี้อวี๋เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว และยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลจี้ ก่อนหน้านี้โดนขังอยู่ในคุกหลวงของแคว้นต้าเยียนกับองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว นี่นางออกมาได้อย่างไรกัน?
“ตอนนี้จี้อวี๋เป็นคนของข้า นางยอมจำนนให้ข้าแล้ว ต่อไปจะจงรักและรับใช้ต้าเยียนเรา” โม่หลานพูดภูมิใจ
จี้อวี๋มีสีหน้ากระดาก “เป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าอายุยังน้อย ต่อให้ตายก็จะตายในสนามรบ ไม่ใช่มาตายในคุก ดังนั้นข้าปลงตกแล้ว อันที่จริงข้าอยากเรียนรู้กลศึกของข้า”