จอมนางข้ามพิภพ บทที่735 พระราชทานงานแต่งงาน
“แฮะ ท่านพี่ท่านรู้เยอะดีนะ แล้วท่านว่าควรทำอย่างไร จะช่วยพวกเขาหน่อยหรือไม่?” หยุนถิงถามอย่างหยั่งเชิง
“เรื่องความรักความสัมพันธ์นั้น คนอื่นเข้าไปยุ่งไม่ได้ มีเพียงพวกเขาจัดการเอง!” จวินหย่วนโยวตอบ
“แต่พวกข้าสามารถช่วยเสริมได้นี่นะ สร้างโอกาสให้พวกเขา ข้าว่าโม่หลานกับโม่ฉือชิงเหมาะสมกันดี”
“แล้วเจ้าคิดอย่างไร?” จวินหย่วนโยวถาม
“ไม่ได้คิดจะทำอย่างไร เพียงแค่รู้สึกว่ายากนักที่พวกเขาจะรู้สึกดีต่อกัน แต่เสียดายที่โม่หลานยังไม่รู้ใจของตัวเอง ข้าก็ต้องช่วยนางสักหน่อยอยู่แล้ว” หยุนถิงตอบ
“ข้าว่าเจ้าไปเป็นแม่สื่อได้แล้ว” จวินหย่วนโยวพูดหยอกล้อ
“แม่สื่อยังต้องเก็บเงินเลย ข้านะไม่เก็บค่าอะไรเลย หวังว่าพวกเขาคู่รักสองคนจะได้สมรักสมรสกัน”
“ได้ เจ้าอยากทำอะไรก็ไปทำเถิด”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หลิงเฟิงที่อยู่นอกประตูก็มารายงาน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย จี้อวี๋ขอพบขอรับ”
“นางมาทำไม?” หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ให้คนพาจี้อวี๋เข้ามา
“ซื่อจื่อเฟย ข้าอยากทำการค้าขายหนึ่งกับท่าน” จี้อวี๋พูดตามจรง
“การค้าขายอะไร?” หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดว่าจี้อวี๋จะมีของอะไรมาแลกเปลี่ยนกับตัวเอง
“ข้ารู้ว่าซื่อจื่อเฟยกับโม่หลานเป็นเพื่อนดีกัน เฉินอ๋องชอบโม่หลานมาเป็นเวลาหลายปี แต่โม่หลานกลับไม่ได้แสดงอะไรต่อเขา ดังนั้นข้าอยากให้ซื่อจื่อเฟยช่วยทำให้พวกเขาสองคนได้สมหวัง เงื่อนไขก็คือตําราพิชัยสงคราม หนึ่งเล่ม ออไม่ สามเล่ม” จี้อวี๋พูดอย่างจริงจัง
หยุนถิงเลิกคิ้วและมองดูนาง “โม่หลานกับโม่ฉือชิงพวกเขาจะได้สมหวังหรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าอยากเจรจาเงื่อนไขหาผิดคนแล้ว ควรไปหาโม่ฉือชิง”
“เฉินอ๋องร่ำรวยจริง แต่ข้าไม่สนใจเงิน ข้าสนใจเพียงตําราพิชัยสงคราม” จี้อวี๋พูดจุดประสงค์ของตัวเองออกมาโดยตรง
“เป็นคนนิสัยตรงไปตรงมาจริงๆ แต่ตําราพิชัยสงครามของข้าให้โม่หลานไปหมดแล้ว ไม่มี”
“เป็นไปไม่ได้ ซื่อจื่อเฟยท่านมีความรู้ทั่วหัวมีความสามารถเยอะ ข้าได้ยินโม่หลานบอกแล้วว่าตําราพิชัยสงครามนั้นของท่านล้วนเขียนออกมาอย่างง่ายดาย เจ้าเขียนออกมาอย่างมั่วๆอีกหนึ่งเล่มก็พอแล้ว แค่หนึ่งเล่ม ข้าไม่เอาสามเล่มแล้ว ได้หรือไม่” จี้อวี๋ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ตกลง!”
“ซื่อจื่อเฟยท่านหลอกข้า?” จี้อวี๋โกรธเล็กน้อย
“ที่จริงแล้วตําราพิชัยสงครามไม่จำเป็นต้องเขียนออกมา วิธีนี้ของข้าก็คือศึกไม่หน่ายเล่ห์ นี่แหละตําราพิชัยสงคราม ทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งคำพูดและการกระทำ!” หยุนถิงตอบ
“ซื่อจื่อเฟย ท่านก็ร้ายกาจเกินไปแล้ว” จี้อวี๋โกรธจัดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะนับถือ
“เหมือนๆกัน”
“ได้ รอข่าวดีของท่าน” จี้อวี๋พูดจบ หันหลังและจากไป
เมื่อถึงประตู นางก็บังเอิญเจอเป่ยจิงจิงพอดี คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าเป่ยจิงจิงชอบหลงเอ้อ ดังนั้นนางมาจวนซื่อจื่อ จี้อวี๋ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักนิดเลย และรีบไปปรึกษาหารือแผนการที่จะรับมือกับเฉินอ๋อง
เป่ยจิงจิงเข้าไปที่จวนซื่อจื่อ ไม่ได้เห็นหลงเอ้อ นางรู้ว่าหลงเอ้อกำลังหลบนางอยู่แน่เลย
จวินหย่วนโยวได้ยินว่าเป่ยจิงจิงมาอีกแล้ว ขมวดคิ้วและทำท่าทางหมดความอดทน มองดูหยุนถิงที่ครุ่นคิด ก็เกิดแผนการในใจขึ้น
“ถิงเอ๋อร์ ข้ามีแผนการที่ยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว สามารถช่วยเฉินอ๋องกับโม่หลานได้ แถมยังทำให้เป่ยจิงจิงยอมตายใจ”
“โอ้ ท่านพี่เชิญพูด”
“พระราชทานงานแต่งงาน!” จวินหย่วนโยวพูดออกมาอย่างเข้าใจง่าย
หยุนถิงก็รู้สึกว่าได้ในทันที และรีบให้คนไปพาเป่ยจิงจิงมาในลานของตัวเอง อธิบายสถานการณ์ให้นางฟัง
เป่ยจิงจิงตกลงทันที “ได้ ข้าเห็นด้วยกับวิธีของซื่อจื่อเฟย ข้าก็อยากรู้ว่าหลงเอ้อรู้สึกดีต่อข้าหรือไม่”
หลังจากทั้งสองตัดสินใจกันเสร็จ หยุนถิงก็ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในพระราชวังทันที และพูดความคิดของตัวเองให้กับฝ่าบาท
เดิมทีฝ่าบาทยังกำลังปวดหัวกับเรื่องงานแต่งของเฉินอ๋องอยู่ เพราะเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว แถมยังเป็นน้องชายที่เขาให้ความสำคัญมาก ตอนนี้หยุนถิงเสนอแผนการ แน่นอนว่าฝ่าบาทเองก็ตอบต้องตกลงอยู่แล้ว และรีบให้ซูกงกงเรียกโม่หลานมาเข้าพบ
ฝ่าบาทเรียกพบ โม่หลานเองก็ไม่กล้ารอช้า มาโดยความเร็วที่เร็วที่สุด
“โม่หลานเจ้ามาทันเวลาพอดีเลย เจ้าว่าองค์หญิงสี่แห่งแคว้นเป่ยลี่เป็นอย่างไร?” ฝ่าบาทถาม
มุมปากโม่หลานกระตุก “ทูลฝ่าบาท องค์หญิงสี่แห่งแคว้นเป่ยลี่นั้นย่อมงดงามและเฉลียวฉลาดอยู่แล้ว เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและความรู้ความสามารถ อ่อนโยนเมตตา——”
เมื่อได้ยินคำชมที่นางมีต่อเป่ยจิงจิง ฝ่าบาทก็รู้สึกตลกยิ่งนัก เขารู้ว่าโม่หลานเป็นคนที่พูดจาโผงผาง ให้นางพูดคำที่ฝืนใจเยอะขนาดนี้ลำบากนางแล้วจริงๆ
“ในเมื่อเจ้าก็รู้สึกว่าองค์หญิงสี่ดี หากข้าพระราชทานงานแต่งงานให้นางกับเฉินอ๋อง เจ้าว่าอย่างไร?” ฝ่าบาทถามประเด็นสำคัญ
โม่หลานตกตะลึง “ฝ่าบาท ท่านไม่เป็นไรจริงๆหรือเพคะ!”
สีหน้าของฝ่าบาทมืดครึ้ม ซูกงกงที่อยู่ข้างๆตกใจกลัวจนตัวสั่น “โม่หลาน บางอาจยิ่งนัก ต่อหน้าฝ่าบาทกล้าไม่เคารพเช่นนี้ บันยะบันยังหน่อย! ”
โม่หลานจึงค่อยตระหนักได้ว่า เมื่อครู่ตัวเองตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว “ฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้จงใจเสียมารยาท เพียงแต่ว่าเป่ยจิงจิงกับเฉินอ๋องไม่เหมาะสมกัน
สิ่งที่หม่อมฉันพูดในเมื่อครู่นั้นล้วนเป็นคำที่ฝืนใจ เป่ยจิงจิงคนนี้โอ้อวดและหยิ่งยโส ได้รับการโปรดปรานจึงวางท่าทีหยิ่งยโสโอหัง พาลไม่ยอมฟังเหตุผล และที่สำคัญที่สุดคือนางชอบหลงเอ้อคนสนิทข้างจวินหย่วนโยว
ฝ่าบาทท่านทำเช่นนี้คือการพระราชทานงานแต่งไปมั่วชัดๆ เฉินอ๋องก็คงไม่เห็นด้วยสินะ เพราะพวกเขาสองคนเป็นไปไม่ได้จริงๆเพคะ”
“เมื่อครู่เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าเป่ยจิงจิงอะไรก็ดีไปหมด มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ข้ารู้สึกว่าเฉินอ๋องเก่งในด้านการบริหารจัดการ แต่กลับระมัดระวังมากเกินไปและไม่รู้จักพลิกแพลงเกินไป ข้างกายก็ขาดคนที่หยิ่งยโสเช่นนี้ช่วยเขาบริหารจัดการทรัพย์สินของครอบครัวอยู่พอดี
เรื่องนี้ก็เอาแบบนี้แหละ รอหลีอ๋องกับองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยลี่แต่งงานเสร็จ ข้าก็จะพระราชทานงานแต่งให้กับพวกเขาสองคน ก็ถือเป็นการเสร็จเรื่องในใจของข้าไปเรื่องหนึ่งพอดี! ” ฝ่าบาทพูดอย่างจริงจังเผด็จการ
“แต่ฝ่าบาท เฉินอ๋องกับเป่ยจิงจิงไม่เหมาะกันจริงๆ เฉินอ๋องไม่ชอบนาง” โม่หลานตตื่นเต้นเล็กน้อย
“ในฐานะลูกของเชื้อพระวงศ์ จะชอบหรือไม่ก็ไม่สำคัญขอแค่มีผลประโยชน์ต่อแคว้นต้าเยียนก็เพียงพอแล้ว เจ้ารีบถอยออกไปเถอะ!” ฝ่าบาทสั่งโดยตรง
โม่หลานยังอยากจะพูดอะไร แต่ก็ทำได้เพียงกลั้นเอาไว้ คำนับอย่างเคารพแล้วจึงค่อยถอยออกไป
เมื่อเห็นนางเดินออกไปไกล ซูกงกงก็รีบพูดว่า “ฝ่าบาท เมื่อครู่ท่านแสดงได้เหมือนยิ่งนัก ท่านทำเช่นนี้จะช่วยโม่หลานกับเฉินอ๋องได้จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“นี่คือแผนการของหยุนถิง ข้าก็แค่ถือโอกาสแสดงน้ำใจ ตอนนี้ในเหล่าท่านอ๋องและองค์ชายนั้น คนที่สนิทกับข้าที่สุดก็มีเพียงเจ้าสี่แล้ว ข้าก็ต้องอยากให้เขาหาคนที่ตัวเองรักอยู่แล้ว” ฝ่าบาทพูดอุทาน
“ฝ่าบาททรงมีพระทัยเมตตาและใจกว้าง!”
ทางนี่ โม่หลานออกจากวังก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก ทำไมจู่ๆฝ่าบาทถึงได้คิดอยากจะพระราชทานงานแต่งให้โม่ฉือชิง เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่โม่ฉือชิงจูบตัวเอง โม่หลานก็ยิ่งโกรธไปใหญ่ หันหลังขี่ม้าและตรงไปที่จวนเฉินอ๋อง
แต่นางพึ่งถึงในจวน ก็เห็นโม่ฉือชิงที่อยู่ในลานกำลังพูดคุยกับจี้อวี๋อย่างมีความสุข ทั้งสองยังอยู่ใกล้กัน ท่าทางสนิทสนมยิ่งนัก
โม่หลานโกรธมาก “โม่ฉือชิงพวกท่านทำอะไรกัน ทำไมจี้อวี๋ถึงมาอยู่ที่นี่?”
ไม่รอโม่ฉือชิงอธิบาย จี้อวี๋ก็ควงแขนของโม่ฉือชิง และจงใจเอาหัวไปพิงไหล่ของเขา
“แน่นอนว่าพวกข้าก็กำลังพูดเรื่องอนาคตกัน เฉินอ๋องหล่อเหลา และมีความสามารถ อายุน้อยๆก็จัดการบริหารทรัพย์สินเงินทองของสี่แคว้น ข้าเป็นรองนายพลให้เจ้าเหนื่อยและลำบากเกินไปแล้ว ก็ต้องหาทางออกที่สบายๆหน่อยอยู่แล้ว
หากติดตามเฉินอ๋อง งั้นข้าก็เป็นเฉินอ๋อง อะไรก็ไม่ต้องทำเอง และไม่ต้องดูสีหน้าเจ้า เป็นรองนายพลที่ทำงานเล็กๆน้อยๆให้เจ้า ดังนั้นข้าจึงหามาที่นี่เอง” จี้อวี๋จงใจทำให้นางโกรธ?