จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 742 เหตุใดนางดีต่อเจ้าเพียงนี้เล่า
ร้านเนื้อย่าง ผู้คนที่ห้อมล้อมยังรออยู่กัน และไม่รู้ว่าซื่อจื่อเฟยพาคนพวกนั้นไปพระราชวังแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เรื่องเป็นยังไงกันแน่
ในขณะที่ทุกคนพากันคุยซุบซิบ ก็เห็นองครักษ์หลายคนคุมตัวพวกคนที่มาก่อกวนเมื่อครู่ รวมถึงศพนางกำนัลคนนั้นตระเวนประจานด้วยกัน
ทุกคนมองอย่างตกใจ เสียนอ๋องถึงได้วางใจ องครักษ์นั้นผ่านหน้าประตูร้านเนื้อย่างพอดี เสียนอ๋องเลยออกมาถาม
“ฝ่าบาทลงโทษพวกเขาอย่างไร?”
“ทูลเสียนอ๋อง พวกเขาใส่ร้ายทำร้ายร้านเนื้อย่างของคุณหนูหยุนสาม สาวใช้ผู้นี้โดนลงโทษโบยจนตายแล้ว คนพวกนี้ออกมาตระเวนประจานแก่ธารกำนัล จากนั้นก็จับส่งเข้าคุกหลวง ชาตินี้ห้ามออกมาอีก” องครักษ์ผู้หนึ่งตอบ
ทุกคนได้ยินกันหมด พากันชี้นิ้วด่า ดูถูก รังเกียจคนพวกนั้นกันหมด
“ข้าก็บอกแล้วว่า ร้านเนื้อย่างของคุณหนูสามไม่มีปัญหาหรอก ข้ามากินที่นี่นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เจ้าพวกใจดำพวกนี้ สมน้ำหน้ามีจุดจบเช่นนี้” มีคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างสาแก่ใจ
“ก็ใช่ไง วัตถุดิบที่เหลือในตอนกลางคืนของร้านเนื้อย่างนี้จะทิ้งหรือไม่ก็มอบมันให้กับขอทานคนยากไร้แถวนี้ ไม่เคยขายเนื้อและผักข้ามคืนเลย”
“สมควรจับคนพวกนี้สับเป็นหมื่นๆชิ้น กล้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ ฝ่าบาทลงโทษได้อย่างชาญฉลาดนัก”
“พวกเรากินกันต่อ หากเพราะคนพวกนี้แล้วละเลยเวลากินเนื้อย่าง มันสิ้นเปลือง”
“พวกเจ้าดูเสียนอ๋องสิ จนถึงตอนนี้ยังไม่เป็นไรเลย ยิ่งพิสูจน์ชัดว่าเนื้อย่างไม่มีปัญหา”
ทุกคนรู้สึกเคียดแค้นคนพวกนี้นัก อันที่จริงมีหลายคนในนั้นสงสัยหยุนซู ตอนนี้ก็เลยอับอายขายหน้ายิ่งนัก
“ทุกท่าน เหตุไม่คาดฝันในวันนี้ใครก็ไม่อาจคาดคิดมาก่อน แต่ข้าสามารถรับรองกับทุกคนได้ว่า วัตถุดิบของร้านเนื้อย่างนี่สดใหม่ทั้งหมด ไม่เคยขายของค้างคืนเลย ทุกท่านที่มาทานอาหารในวันนี้ข้าคิดครึ่งราคา ถือเสียว่าข้าเลี้ยงแล้วกัน” หยุนซูพูดอย่างใจป้ำ
ทุกคนพากันโห่ร้อง ร้องว่าคุณหนูสามใจป้ำนัก ใจกว้าง หัวใจกว้างขวาง
เสียนอ๋องยิ่งนับถือหยุนซูยิ่งนัก “คุณหนูสามใจกว้างขนาดนี้ ทำให้ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก ดูท่าต่อให้วันนี้ไม่มีข้า คุณหนูสามก็ต้องพลิกร้ายกลายเป็นดีได้แน่”
“เสียนอ๋องเกรงใจไปแล้ว วันนี้ขอบคุณเสียนอ๋องนักที่ช่วยเหลือ หากไม่รังเกียจขอให้ข้าได้ทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดีเถิด” หยุนซูบอกอย่างเกรงใจ
การปรากฏตัวของเสียนอ๋อง ช่วยนางทำให้ทุกคนใจเย็นลง ช่วยเพิ่มเวลาจนพี่หญิงใหญ่มา หยุนซูย่อมซาบซึ้งในตัวเขาอยู่แล้ว
“คุณหนูหยุนสามถ่อมตนไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่า ร้านเนื้อย่างนี้ได้รับแต่คำชม เพียงแต่วันนี้ข้ายังต้องกลับไปต้มยาให้เสด็จแม่ วันหลังจะมาลองชิมด้วยตนเองแน่นอน” เสียนอ๋องบอก
หยุนซูก็เห็นห่อยาที่เขาถือมาแต่แรกแล้ว “ได้”
เสียนอ๋องพึ่งออกไป รั่วจิ่งก็พาคนควบรถม้ามา บนรถม้ามีหลายลังนัก
“คุณหนูสาม นี่เป็นการชดเชยจากฝ่าบาทให้ท่าน เพชรนิลจินดา ผ้าไหมผ้าแพร ซื่อจื่อเฟยบอกว่าให้ท่านจัดการได้ตามใจชอบเลย!” รั่วจิ่งบอก
ผู้คนที่มากินอาหารที่ห้องโถงชั้นหนึ่งและคนที่ผ่านไปมา พากันห้อมล้อมเข้ามา และชื่นชมคุณหนูสามช่างมีบุญยิ่งนัก มีพี่หญิงใหญ่ที่ใจป้ำ อยากได้พี่หญิงใหญ่แบบนี้บ้าง
หยุนซูมองเห็นของห้ากล่องเต็ม นางที่เฉลียวฉลาดย่อมเดาได้ว่านี่เป็นการชดเชยจากฝ่าบาท ดังนั้นพี่หญิงใหญ่ถึงได้ให้คนนำมามอบให้นาง
“รั่วจิ่ง รบกวนเจ้านำของเหล่านี้คืนให้พี่หญิงใหญ่เถอะ ข้าไม่ต้องการของพวกนี้หรอก” หยุนซูปฏิเสธ
“คุณหนูสามท่านอย่าทำข้าลำบากใจสิ หากท่านไม่รับไว้ ซื่อจื่อเฟยไม่ให้ข้ากลับจวนซื่อจื่อนะ ข้าคงได้แต่มากินนอนที่ร้านเนื้อย่างของท่านแล้ว” รั่วจิ่งทำท่าน่าสงสารทันที
“รับรองกินอิ่ม!”
“ข้ากินจุมากนะ ท่านไม่กลัวข้าทำท่านล่มจมรึ?” รั่วจิ่งแกล้งถาม
“ไม่กลัว เจ้ากินให้เต็มที่เลย” หยุนซูพูดอย่างใจกว้าง
“คุณหนูสาม ท่านอย่าแกล้งข้าเลย ซื่อจื่อเฟยให้ข้านำของเหล่านี้มาให้ ท่านจะได้เติมหน้าร้าน หรือจะเก็บไว้เป็นสินสมรสเจ้าสาวก็ได้ ไว้วันไหนมีเรื่องขึ้นมาจริงๆจะได้รับมือได้” รั่วจิ่งตะล่อม
“ได้ งั้นข้าจะรับไว้ ข้าให้คนส่งไปจวนตระกูลหยุนละกัน” หยุนซูย่อมรู้ความหวังดีของพี่หญิงใหญ่
“ได้เลย!” รั่วจิ่งนำคนควบรถม้าไปจวนตระกูลหยุนทันที
………………………………
แคว้นชางเยว่
หยางเฟยโดนจับขังตำหนักเย็น ฮ่องเต้พลันสลบไสลไม่ได้สติ ชางหลันเย่ร้อนใจยิ่งนัก สั่งให้หมอหลวงทั้งหมดมาตรวจให้ฮ่องเต้ แต่ก็สืบหาสาเหตุไม่ได้เลย สุดท้ายชางหลันเย่เลยให้ฮ่องเต้กินยาที่หยุนถิงให้เขามาก่อนหน้านี้
ยานี้จะทำให้คนมีวรยุทธ์ที่กินเข้าไปเพิ่มพูนกำลังภายใน คนธรรมดากินแล้วจะยิ่งร่างกายแข็งแรงขึ้น ในที่สุดฮ่องเต้ที่สลบไสลหลายวันก็ฟื้นขึ้นมา
พอลืมตามาก็เห็นชางหลันเย่สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย ดวงตาลึกโบ๋ ฮ่องเต้ซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“เสด็จพ่อ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?” ชางหลันเย่ถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นมากแล้ว ร่างกายพ่อไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หลายวันนี้ลำบากเจ้าแล้วนะ” ฮ่องเต้พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่ายิ่งนัก
“เสด็จพ่อไม่ต้องพูดเช่นนี้ดอก การดูแลรับใช้ท่านเป็นสิ่งที่ลูกควรทำอยู่แล้ว”
“สมเป็นไท่จื่อของข้า ข้าผิดต่อเจ้านัก เจ้าถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่แคว้นต้าเยียนตั้งแต่เล็ก ตอนนี้ข้าก็มานอนป่วยติดเตียง แต่กลับมีเจ้าคอยดูแลอยู่ข้างกายคนเดียว ข้าผิดต่อเจ้านัก” ฮ่องเต้ถอนหายใจบอก
“รับใช้เสด็จพ่อเป็นหน้าที่ของลูกอยู่แล้ว เพียงแต่การที่เสด็จพ่อสลบไสลนั้นช่างผิดสังเกตนัก หมอหลวงยังตรวจหาสาเหตุไม่เจอ ลูกเลยให้ท่านกินยาที่หยุนถิงให้มาถึงได้ฟื้น” ชางหลันเย่บอก
ฮ่องเต้ตกตะลึง “หยุนถิง ซื่อจื่อเฟยแห่งแคว้นต้าเยียนที่ฝีมือการแพทย์สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งสี่แคว้นนั่นน่ะรึ?”
“นางน่ะล่ะ ก่อนลูกกลับมา นางมอบยาช่วยชีวิตไว้ให้ลูกหนึ่งเม็ด บอกว่า เมื่อถึงยามคับขันอันตราย ยานี้จะช่วยชีวิตลูกเอาไว้ได้!” ชางหลันเย่อธิบาย
ฮ่องเต้ทั้งซาบซึ้งและตื้นตัน จากนั้นมองมาอย่างสงสัย “เหตุใดนางดีต่อเจ้าถึงเพียงนี้?”
“บางทีนางอาจจะแค่สงสารลูกก็ได้ เมื่อก่อนตอนลูกอยู่แคว้นต้าเยียนนั้นสถานการณ์ไม่ดีเลย ขนาดนางกำนัลขันทียังมารังแกเอาได้ หยุนถิงชอบช่วยเหลือคนที่สุด ยาเม็ดนี้สำหรับลูกแล้วเป็นยาช่วยชีวิต สำหรับนางแล้วเป็นของธรรมดา ดังนั้นเลยมิได้รู้สึกล้ำค่าอะไร”
ฮ่องเต้ถอนหายใจยาว “ใช่สิ ฝีมือเช่นนั้นจะปรุงยาให้ได้มากเท่าไหร่ก็เท่านั้น เรื่องที่ข้าสลบนี่ให้เจ้าไปสืบมาให้รู้แน่ชัด อีกอย่างข้าจะมีราชโองการให้เจ้าสำเร็จราชการแทนข้าชั่วคราว ข้าดูจะต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่งแล้วล่ะ”
“เสด็จพ่อบุญญาธิการสูงส่ง ต้องอายุยืนยาวเป็นร้อยปีแน่!”
หลังจากชางหลันเย่ออกไป ฮ่องเต้ก็มีราชโองการทันทีว่า ให้ไท่จื่อเป็นผู้สำเร็จราชการแทน
พอเหล่าขุนนางของแคว้นชางเยว่รู้เข้า ก็พากันตกใจยิ่งนัก ถึงจะเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ขุนนางฝ่ายหยางเฟยล้วนไม่เคยเห็นด้วยเลย
บัดนี้คนของหยางเฟยโดนกดขี่ยิ่งนัก ถึงจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รีบไปหาองค์ชายรองเพื่อปรึกษาหาหนทางแก้ไข
พอชางเยว่หมิงได้ยินว่าชางหลันเย่สำเร็จราชการแทน ก็โกรธจนพลิกโต๊ะขึ้นระเนระนาดหมด
“เหตุใดเสด็จพ่อลำเอียงขนาดนี้ ข้ามีสิ่งใดสู้มันมิได้กันแน่ ก็แค่ไปอยู่แคว้นต้าเยียนไม่กี่ปีมิใช่รึ เขาทำความดีความชอบอะไรให้แคว้นชางเยว่กัน ข้าไม่ยอมรับ!”
“องค์ชายรอง ไท่จื่อสำเร็จราชการแทนก็แสดงว่าฝ่าบาทคิดจะยกบัลลังก์ให้เขา ตอนนี้ร่างกายของฝ่าบาทไม่ดีดุจก่อน เหลือเวลาให้ท่านไม่มากแล้ว หากรอจนชางหลันเย่รับสืบทอดบัลลังก์ เช่นนั้นก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว” ขุนนางคนหนึ่งเตือน
“ขอเพียงองค์ชายรองมีรับสั่ง พวกข้ายินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อองค์ชายรอง”
เหล่าขุนนางพากันแสดงความจงรักภักดี ชางเยว่หมิงพอใจมาก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะลองสู้ดูสักตั้ง”