จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 751 ขึ้นมา ข้าแบกเจ้า
รั่วจิ่งปวดหัวหนึบ “ซื่อจื่อเฟย อย่าล้อข้าเล่นสิ”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น พูดจริงนะ หลันซานรอเจ้ามาหลายปีแล้ว เจ้ายังคิดจะให้นางรออีกนานแค่ไหน?” หยุนถิงถามตรงประเด็น
รั่วจิ่งหน้าแดงไปจนถึงคอฉับพลัน “ซื่อจื่อเฟย อย่าพูดซี้ซั้วกับเรื่องเช่นนี้นะ ข้ากับหลันซานเป็นไปไม่ได้ดอก”
“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าคิดว่านางเป็นองค์หญิง ตนเองไม่คู่ควรกับนาง? หรือคิดว่าตอนนี้ตนเป็นคนไร้ค่า ให้ความสุขที่นางต้องการไม่ได้!” หยุนถิงพูดตรงเผง
หยุนถิงมองออกว่า หลันซานชอบรั่วจิ่ง และรั่วจิ่งเองก็ไม่ธรรมดากับหลันซาน เพียงแต่รั่วจิ่งไม่ยอมบอกความในใจตลอดมา เขาอาจจะรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อย ไม่กล้ายอมรับตนเองในตอนนี้ ดังนั้นหยุนถิงถึงได้พูดตรงไปตรงมา เพื่อให้รั่วจิ่งรู้ใจตนเอง
รั่วจิ่งสีหน้าไม่น่าดูอย่างมาก เขารู้สึกต้อยต่ำจริงๆ รู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ ดังนั้นสองปีมานี้เลยมิได้พัฒนาไปอีกก้าวกับหลันซานเลย
ตอนนี้มาโดนซื่อจื่อเฟยพูดเช่นนี้ รั่วจิ่งรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ทุกคนไม่อาจเลือกชาติกำเนิดของตนเองได้ และยิ่งไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชาตินี้ ได้แต่เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ และเจ้าไม่ใช่คนไร้ค่า
ถึงเจ้าจะเคยโดนตัดเส้นประสาทมือเท้ามาก่อน แต่ไท่จี๋ของเจ้าตอนนี้สามารถเอาชนะหลิงเฟิงได้แล้ว เรื่องของจวนซื่อจื่อก็จัดการได้ดีมาก ข้ากับซื่อจื่อต่างต้องการเจ้า เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
อย่าดูถูกตนเอง และอย่าพลาดคนที่อยู่ตรงหน้า หลันซานยอมรอเจ้ามาหลายปี เพียงพอแล้วที่จะบอกว่านางรักเจ้าด้วยใจจริง
ถึงนางจะเป็นองค์หญิง แต่นางยอมอัปลักษณ์เพื่อไม่ให้ตนเองไปแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี ทำลายชื่อเสียงตนเอง โดนคนทั้งต้าเยียนและสี่แคว้นหัวเราะเยาะ หากเป็นคนธรรมดาคงทนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว
แต่นางกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย เพียงพอที่จะบอกว่าถึงความตั้งใจอันแรงกล้า ความไม่แยแสสายตาชาวโลกของนาง และยิ่งไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นนางเหมาะสมกับเจ้ามาก!” หยุนถิงปลอบ
รั่วจิ่งมองซื่อจื่อเฟยอย่างตะลึง มาโดนซื่อจื่อเฟยพูดเช่นนี้ เขารู้สึกว่าตนเองใจคับแคบเสียแล้ว
ใช่สิ หลายปีนี้ถึงหลันซานจะทำงานยุ่ง แต่มักจะคอยเป็นห่วงเป็นใยตนเอง นางดีมากจริงๆ
“ซื่อจื่อเฟย ข้า ข้าจะทำได้จริงๆรึ?” รั่วจิ่งถามอย่างไม่มั่นใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว เชื่อมั่นในตัวเอง คนของจวนซื่อจื่อน่ะมีแต่คนชั้นเลิศ เจ้าคู่ควรกับหลันซาน!” หยุนถิงมั่นใจ
ตาของรั่วจิ่งแดงก่ำทันที ตั้งแต่เขาโดนตัดเส้นประสาทแขนขา คิดว่าชาตินี้คงต้องเป็นคนไร้ประโยชน์แล้ว ซื่อจื่อเฟยสอนไท่จี๋ให้กับเขา ให้ชีวิตใหม่กับเขา บัดนี้ก็เป็นซื่อจื่อเฟยอีกที่รับรองเขา รั่วจิ่งตื้นตันใจนัก
ความรู้สึกลังเล เป็นกังวล รู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรมาตลอดนั้นมาโดนคนรับรองฉับพลัน ซ้ำยังเป็นคนที่ตนเลื่อมใสที่สุด รั่วจิ่งตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่ยืนน้ำตาไหลพราก
“อยากร้องไห้ก็ร้องให้ดังๆ ร้องเสร็จต้องมองไปข้างหน้า อย่าพลาดคนตรงหน้าไปล่ะ” หยุนถิงพูดอีกครั้ง
รั่วจิ่งเช็ดน้ำตาอย่างแรง พยักหน้าบอก “ได้ ข้ารู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรแล้ว” พูดจบก็เดินออกไป
หยุนถิงยิ้มมุมปากอย่างพอใจ จัดการไปได้อีกเรื่อง ดีจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง โม่หลานพุ่งไปยังร้านขาหมูอวี๋จี๋ทันที จากนั้นก็เห็นคนหลายคนล้อมโม่ฉือชิงอยู่ โม่ฉือชิงใบหน้าบวมปูดราวกับหัวหมู มีเลือดไหลที่มุมปาก เสื้อผ้ายุ่งเหยิง ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง เขาพยายามยืนหยัดอยู่
“เฉินอ๋อง ท่านหาเรื่องเองนะ องค์หญิงข้าไม่ดีตรงไหนกัน ท่านกล้าปฏิเสธการสมรส!” มีคนหนึ่งพูดขึ้น
โม่ฉือชิงเช็ดเลือดที่มุมปากออก “ข้าไม่ชอบเป่ยจิงจิง นางไม่ดีทุกอย่าง ต่อให้นางดีทุกอย่าง ข้าก็ไม่ชอบ ชาตินี้ข้ารักเพียงโม่หลานคนเดียว นอกจากนางข้าจะไม่แต่งงานกับผู้ใดทั้งนั้น!”
“หาเรื่องตาย!” หนึ่งคนในนั้นพูดขึ้น ทั้งหมดพร้อมใจกันรุมอัดโม่ฉือชิง
“หยุดนะ!” โม่หลานไม่ทันจะคิดอะไร ปราดร่างเข้าไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ดาบใหญ่ในมือฟาดฟัน และซัดคนพวกนั้นลอยกระเด็นไป
“โม่หลาน เจ้ามาได้อย่างไรกัน?” โม่ฉือชิงทั้งดีใจและแปลกใจ
โม่หลานหันกลับมามองใบหน้าบวมปูดราวกับหัวหมูของเขา “โง่เง่า ออกจากจวนก็ไม่รู้จักพาคนรับใช้หรือองครักษ์มาเสียหลายคนหรือไงกัน หรือไม่ก็ยอมอ่อนข้อก่อน หาโอกาสหลบหนี แล้วค่อยกลับมาแก้แค้นทีหลัง”
นางไม่รู้ว่าจะด่าเขาโง่ดีหรือด่าเขาดื้อดี โดนอัดจนเป็นอย่างนี้
“ข้าชอบเจ้า ต่อให้ฮ่องเต้มา ข้าก็ไม่กลับคำหรอก แค่โดนอัดไม่กี่หมัดเอง” โม่ฉือชิงอธิบาย แต่พอยิ้มก็โดนแผลบนใบหน้า เจ็บจนร้องโอดครวญ
“อย่ามัวแต่พูดเลย ข้าจะส่งเจ้ากลับไปเอง” โม่หลานหมุนตัวจะจากไป
“ไอ้โหย เจ็บจัง ขาข้าเดินไม่ไหวแล้ว” โม่ฉือชิงบอกอย่างกระดาก
โม่หลานเหล่มองเขา โดนอัดหนักมากจริงๆ เลยย่อตัวลง “ขึ้นมา ข้าแบกเจ้าเอง”
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ข้าจะให้สตรีอย่างเจ้าแบกข้าได้อย่างไรกัน มันไม่เหมาะสม” โม่ฉือชิงปฏิเสธทันที
“เจ้าเดินเองไหว?” โม่หลานมองขาของเขา
โม่ฉือชิงทนความเจ็บปวดเดินอีกสองก้าว เหงื่อผุดขึ้นมาไม่หยุด หน้าซีดเผือด
“ไม่ทำเก่งจะตายรึ” โม่หลานย่อตัวลงด้านหน้าเขาทันที ยื่นมือไปดึงสองแขนเขามาพาดไหล่ตน แบกโม่ฉือชิงขึ้นหลังและก้าวออกเดิน
“โม่หลาน เจ้ารีบวางข้าลงนะ แบบนี้เจ้าจะเหนื่อย” โม่ฉือชิงมีหรือจะยอม
“น้ำหนักอย่างเจ้าแค่นี้ยังเทียบกับดาบใหญ่ของข้าไม่ได้เลยนะ อย่าพูดมาก พูดอีกข้าจะจี้จุดใบ้ของเจ้า” โม่หลานบอกอย่างรำคาญ
โม่ฉือชิงสงบเสงี่ยมทันที นี่เป็นครั้งแรกที่โม่หลานแบกตน ถึงจะดูไม่เหมาะสม แต่อยู่ใกล้ชิดนางเพียงนี้ ได้กลิ่นหอมจางๆจากเรือนกายนาง โม่ฉือชิงรู้สึกหัวใจเต้นรัวเร็ว แก้มแดงฉับพลัน
ระหว่างทาง ผู้คนล้วนชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์พวกเขา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นสตรีแบกบุรุษ แต่พอเห็นเป็นโม่หลาน ก็รู้สึกว่าสมควรแล้ว
ถึงนางจะเป็นสตรี แต่ก็เป็นแม่ทัพหญิงแห่งแคว้นต้าเยียน พละกำลังและฝีมือเก่งกาจกว่าบุรุษมากนัก
โม่หลานไม่ได้สนใจคนพวกนั้นเลย นางแบกโม่ฉือชิงกลับจวนทันที คนของจวนเฉินอ๋องพอเห็นเข้าก็พากันตกใจกันหมด
“พ่อบ้าน เอายาจินชวงมา เจ้านายเจ้าได้รับบาดเจ็บแล้ว!” โม่หลานบอก
“ขอรับ ขอรับ!” พ่อบ้านรีบไปเอาทันที ไม่นานในมือก็มีขวดยาเพิ่มมาหนึ่งขวด
“ให้ข้าเถอะ เจ้าไปทำอาหารรสอ่อนมาให้เขา หลายวันนี้อย่าให้เขากินปลา กุ้งและไก่นะ” โม่หลานกำชับ
“ขอรับ!”
โม่หลานรับยานั้นมาทาให้โม่ฉือชิง เจ็บจยโม่ฉือชิงสุดปากซี๊ด “ไอ้โหย เจ็บนะ เจ้าเบาหน่อยสิ!”
“รู้ว่าเจ็บแล้วยังกร่างอีก ไม่ดูร่างกายตนเองเสียบ้างว่าเจ้าไหวไหม?” โม่หลานบ่น
“ข้าไม่ไหวก็ต้องไหว เรื่องของเป่ยจิงจิงข้าไม่ยอมอ่อนข้อให้แน่!” โม่ฉือชิงพูดอย่างหนักแน่น
โม่หลานซาบซึ้งใจนัก พลันรู้สึกหมอนี่ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นแล้ว บางนั้นโง่ได้น่ารักอีก พอคิดอย่างนี้ โม่หลานก็หลุดขำออกมา
“โม่หลาน เจ้าขันอันใดน่ะ ข้าโดนอัดจนเป็นอย่างนี้เจ้ายังยิ้มได้?” โม่ฉือชองบอกอย่างไม่พอใจ
“ข้าขันที่เจ้าโง่ ฝ่าบาทบอกกับข้าแล้ว ไม่มีทางพระราชสมรสให้เจ้ากับเป่ยจิงจิงหรอก” โม่หลานไม่ได้ปิดบังเขา
“ไม่พระราชทานสมรส เป็นไปได้อย่างไรกัน เสด็จพี่บอกกับเจ้าเมื่อใด?”
“วันนี้!”
“วันนี้ข้าพึ่งมอบของทั้งหมดรวมถึงตำแหน่งเฉินอ๋องให้เขา เขายังไม่ยอมคืนคำเกี่ยวกับสมรสพระราชทานเลย เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม?” โม่ฉือชิงทำสีหน้าเหลือเชื่อ
“ของพวกนั้นของเจ้าน่ะ ฝ่าบาทให้ข้าหมดแล้ว”