จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 757 นางไม่คู่ควรได้ที่หนึ่ง
“ฮะฮะ เฉินอ๋องแต่งงานแล้ว มีคนคอยควบคุมเขาแล้ว โม่หลาน บัดนี้เจ้าเป็นเฉินหวางเฟยแล้ว กิริยาต้องระวังหน่อย
เจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ข้าแต่งตั้งเอง ฝีมือย่อมไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว เพียงแต่แต่งงานแล้สว ก็ควรจะเห็นแก่ครอบครัวสักหน่อย
กลับไปข้าจะให้เจ้าเลือกรองแม่ทัพสองคน ให้พวกเขาช่วยแบ่งเบาภาระให้เจ้าหน่อย แบบนี้เจ้าก็ไม่ต้องอยู่ค่ายทหารทั้งวัน” ฮ่องเต้บอกอย่างเข้าอกเข้าใจ
“ฝ่าบาท ทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน คนอื่นฝึกฝนข้าก็ไม่วางใจนะ ข้าเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกแห่งแคว้นต้าเยียน ย่อมไม่อาจผิดต่อความคาดหวังของฝ่าบาทได้สิ!” โม่หลานย้อน
โม่ฉือชิงหน้าดำมืดแล้ว “โม่หลาน เจ้าโง่หรือเปล่า ความหมายของเสด็จพี่คือให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าบ่อยๆ”
“เจ้าเป็นชายอกสามศอก มีอะไรน่าอยู่เป็นเพื่อนกัน?” โม่หลานย้อนถาม
โม่ฉือชิงโกรธจนหน้าดำเมี่ยม นังหนูนี่น่าตีจริงๆ
“ข้าเองก็เป็นคนนะ ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนสิ เจ้าดูหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวสิราวกับตังเม อยู่ติดกันไม่ห่าง เจ้าจะอยู่กับข้าหน่อยมิได้รึ?” โม่ฉือชิงบ่น
โม่หลานมองหยุนถิงทันที และมองไปทางจวินหย่วนโยวที่อยู่ไม่ไกลนัก “เขามีลูกกันแล้ว ต้องดูแลลูกนี่นา”
“เจ้าอยากมี เราก็มีกันได้นะ”
“หยุดเลย ข้ายังไม่เคยคิดมาก่อน หากมิใช่เจ้าร่วมมือกับพ่อข้า ข้าก็ไม่อยากแต่งงานกับเจ้าเร็วขนาดนี้ ค่ายทหารคือบ้านของข้า ข้ายังต้องกลับไปฝึกซ้อม ต่อไปนำทัพออกศึก สู้รบไปทั้งสี่แคว้นอีกนะ!” โม่หลานย้อน
โม่ฉือชิงแทบกระอักเลือด หันมองฮ่องเต้อย่างขอร้อง “เสด็จพี่ ท่านสงสารข้าหน่อยเถอะ”
“ฝ่าบาท ข้าสามารถฝึกเหล่าทหารแทนแม่ทัพโม่ ข้ายินดีทุ่มเทรับใช้ฝ่าบาท!” จี้อวี๋พลันโผล่ออกมาจากฝูงชน ถวายบังคมอย่างนอบน้อม
โม่หลานหน้าดำเมี่ยมทันที “จี้อวี๋ เจ้า!”
“ข้าแบ่งเบาภาระให้เจ้านะ เจ้าแต่งงานกับเฉินอ๋องเพราะรักเขา แต่งงานให้กับความรัก ดังนั้นยินดีด้วยนะ!” จี้อวี๋ตอบ
โม่ฉือชิงมองจี้อวี๋อย่างซาบซึ้ง นังหนูพูดความจริงคำโตออกมาจริงๆ
“ในเมื่อจี้อวี๋พูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็ให้นางรับหน้าที่ฝึกเหล่าทหารชั่วคราว ตำแหน่งแม่ทัพเป็นของโม่หลานตลอดไป แต่ตอนนี้เจ้าพึ่งแต่งงาน แถมยังเป็นสิ้นปีอีก รอหลังปีใหม่ค่อยไปค่ายทหาร!” ฮ่องเต้บอก
“ขอบพระทัยเสด็จพี่ ท่านเป็นพี่ชายข้าจริงๆ!” เฉินอ๋องตื้นตันใจนัก
ถึงโม่หลานจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดรับสั่งฝ่าบาท “เพคะ!”
“ฝ่าบาท ตัดสินสิบอันดับแรกออกมาได้แล้ว นี่คือรายชื่อ!” ซูกงกงรีบยื่นรายชื่อสิบอันดับแรกที่พวกเหมยเฟยประชุมกันมาให้
ฮ่องเต้รับมาดู “งั้นก็ประการศเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซูกงกงรับรายชื่อมาอ่านทันที
“ที่หนึ่ง องค์หญิงห้า ที่สองจ้าวเทียนเจียว ที่สามอู๋เหวินเยวี่ยน —ที่สิบหยุนหลี!”
“ข้าได้ที่สิบ ดียิ่งนัก ข้าก็ติดอันดับด้วย ท่านอาได้ยินหรือไม่?” หยุนหลีหวีดร้องอย่างตื่นเต้น
เสวี่ยเชียนโฉวพูดด้วยสีหน้ารักใคร่ “อืม ได้ยินแล้ว เต้าหู้เหม็นของเจ้าน่ะไม่เลวจริงๆ”
“ฮะฮะ แน่นอนอยู่แล้ว”
องค์หญิงห้าพูดอย่างรังเกียจ “ก็แค่ที่สิบ มีอะไรน่าโอ้อวดกัน”
คนได้ที่หนึ่งอย่างนางยังไม่พูดอะไร ดูหยุนหลีดีใจเสียมากมาย กระดิกหางระริกระรี้เชียว
“ข้าพอใจ ข้าภูมิใจข้าได้ที่สิบ เจ้ายุ่งอะไรด้วย ข้าจะอวดน่ะ!” หยุนหลีแลบลิ้นปลิ้นตาใส่นาง
คนอื่นกลัวองค์หญิงห้า หยุนหลีไม่กลัวหรอก
องค์หญิงห้าโกรธแทบตาย หันมองหยุนเฉิงเซี่ยง “หยุนเฉิงเซี่ยง นี่คือลูกสาวที่ท่านอบรมมารึ?”
หยุนเฉิงเซี่ยงพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ “เป็นลูกสาวคนดีของข้าจริงๆ นังหนูนี่ชอบอาวุธแต่เล็ก หลายวันก่อนเข้าครัวเกือบเผาห้องครัวที่บ้านไปแล้ว บัดนี้ได้ที่สิบ ไม่เลวเลยจริงๆ”
องค์หญิงห้าโกรธแทบระเบิด ตระกูลหยุนน่ะไม่มีใครดีเลย ตัวลูกน่ารังเกียจ รุ่นพ่อก็ยิ่งน่ารังเกียจ
ฮ่องเต้กลับไม่พูดอะไร หยุนหลีนิสัยอย่างไรเขารู้ดี พูดตามตรงฮ่องเต้เองก็แปลกใจที่นางได้ที่สิบเช่นกัน แต่เต้าหู้เหม็นนั่นรสชาติไม่เลวเลยจริงๆ
“ฝ่าบาท เช่นนั้นหม่อมฉันจะประทานรางวัลให้สิบอันดับแรก” เหมยเฟยลุกขึ้นยืนพูด
“ได้!”
เหมยเฟยหันมองนางกำนัลข้างกาย สาวใช้สิบคนยกถาดเข้ามาทันที
“ตามกฎการแข่งขัน รางวัลของที่หนึ่งในการแข่งขันทำอาหารคือหนึ่งหมื่นตำลึง ที่สองห้าพันตำลึง ที่สามสี่พันตำลึง—“
ทุกคนฟังเหมยเฟยพูด ล้วนตื่นเต้นกันยิ่งนัก พากันยืนเรียงแถวรอรับรางวัล
องค์หญิงห้ายืนอยู่ในลำดับที่หนึ่ง นางพอใจมาก รับถาดเงินตำลึงถาดใหญ่นั่น นางดีใจจนยิ้มไม่หุบเลย นางมีเงินแล้ว
เพียงแต่ที่หนึ่งนี่ได้มาง่ายไปหน่อยหรือไม่ หยุนถิงไม่ได้กลั่นแกล้งนางเลย องค์หญิงห้าไม่เข้าใจจริงๆ
แต่ยังไม่รอให้นางภูมิใจอะไร น้ำเสียงเดือดดาลลอยมาทันที “นางไม่คู่ควรได้ที่หนึ่ง!”
น้ำเสียงเสียดหู ทำทุกคนตกตะลึง สะท้านไปทั่วทั้งถนน
ทุกคนหันไปมองตามเสียง และได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งในชุดขาวเดินออกมา ท่าทางเหิมเกริมจองหองนัก เดินกร่างเข้ามา
“นี่มิใช่อ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่รึ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?” โม่หลานพูดออกมาทันที
เหล่าชาวบ้านได้ยินว่าเป็นอ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่ พากันหลีกออกเป็นทางให้
“สนเขาทำไมกัน” โม่ฉือชิงเบ้ปาก
หยุนถิงสีหน้าเรียบเฉย เรื่องสนุกๆจะเริ่มแล้ว
วินาทีที่องค์หญิงห้าเห็นอ๋องเก้า สีหน้าเปลี่ยนทันที เดือดดาลทะลุฟ้า เคียดแค้นยิ่งนัก และยังมีแววหวาดหวั่นไม่เข้าใจ
อ๋องเก้าเดินตรงเข้าไปหาฮ่องเต้ต้าเยียนทันที “คารวะฮ่องเต้ต้าเยียน”
“อ๋องเก้า ที่ท่านพูดเมื่อครู่หมายความว่ากระไร?” ฮ่องเต้ถามหน้าตึง
“ข้าบอกว่า นางไม่คู่ควรได้ที่หนึ่งในการแข่งขันทำอาหาร!” อ๋องเก้าทวนอีกครั้ง
“บังอาจ ที่นี่คือแคว้นต้าเยียน ผลการตัดสินข้าเป็นคนคัดเลือกเอง เจ้ายังไม่มีสิทธิ์มาสงสัย!” ฮ่องเต้เดือดดาลนัก
อ๋องเก้าไม่โกรธ เพียงแต่มองไปทางองค์หญิงห้าอย่างเย็นชา “การตัดสินมิได้ผิด ฝีมือองค์หญิงห้าเองก็ดีมาก น่าเสียดาย องค์หญิงที่ไร้ยางอาย ไม่แยแสความผิดชอบชั่วดี หน้าไม่อายผู้หนึ่งมีสิทธิ์อะไรมาเป็นที่หนึ่งกัน!”
แต่ละคำเน้นย้ำหนักแน่น ไม่ไว้หน้าองค์หญิงห้าเลยสักนิด
องค์หญิงห้าหน้าซีดเผือดทันที หรือว่าเขารู้แล้ว เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ทำไมเขาพูดเช่นนี้เล่า เขาอยากจะพูดเรื่องนั้นออกมาต่อหน้าเสด็จพี่ เหล่าขุนนางและราษฎรรึ
ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด
“อ๋องเก้า ท่านทำเกินไปแล้วนะ นับตั้งแต่ข้าแต่งกับท่าน ท่านมักจะลบหลู่เหยียดหยามข้า ทั้งด่าทอทุบตี และยังยกย่องเมียรองเหนือภรรยา บัดนี้ยังวิ่งไล่มาลบหลู่ข้าถึงแคว้นต้าเยียน นี่ท่านกำลังตบหน้าเสด็จพี่อยู่นะ!” องค์หญิงห้าเดือดดาลนัก รีบโยนปมความขัดแย้งไปที่ฮ่องเต้ทันที
ฮ่องเต้โกรธจนหน้าดำเมี่ยม อ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่คนนี้ช่างบังอาจนัก กล้าลบหลู่องค์หญิงห้าต่อหน้า องค์หญิงห้าเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา นี่เท่ากับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย?
“อ๋องเก้า ที่นี่คือแคว้นเป่ยลี่ หากไม่อยากทำลายความสัมพันธ์สองแคว้น ขอเชิญอ๋องเก้าพูดจาระมัดระวังคำพูดด้วย!” เหมยเฟยแค่นเสียงเย็น
“องค์หญิงห้าใช้วิธีตีวัวกระทบคราดได้ดีนักนะ ทำไมข้าต้องทำอย่างนั้นกับเจ้า ทำไมถึงยกย่องเมียรองเหนือภรรยา ทำไมถึงไม่ถามไม่ไถ่หลังเจ้าแท้งลูก เจ้ามิรู้ดีอยู่แก่ใจรึ? นั่นเป็นเพราะเด็กที่เจ้าแท้งไปนั้นมิใช่ลูกข้า เป็นลูกที่เกิดจากเจ้าคบชู้กับองครักษ์ในจวนอ๋อง!”