จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 774 ชาตินี้ มีเพียงเจ้าแตะต้องข้าได้ผู้เดียว
“ภาพ ภาพอะไร?” หวงฉือถามอย่างไม่เข้าใจ
จวินหย่วนโยวหันหน้ามองทางภาพวาดที่แขวนบนฝาผนังนั้น “หลงยี ทำลายดวงตาเขาเสีย!”
คำพูดเย็นชาประโยคหนึ่ง ทำเอาหวงฉือตกใจจนตัวสั่น มองตามสายตาของจวินหย่วนโยวก็มองเห็นภาพวาดบนผนังแล้ว
“ขอรับ!” หลงยีอยากจะเดินเข้ามา
“คุณชายไว้ชีวิตด้วย ข้าไม่รู้จริงๆ ขอรับ ภาพนี้ไม่ใช่ของข้า เป็นของเจ้าเมืองคนก่อนหน้านี้ ข้านำของมีค่าที่ปล้นมาหลายปีมาวางไว้ในห้องนี้ รู้สึกว่าภาพนี้ดูขึ้นมายิ่งดูมีระดับชัดเจนจึงไม่ได้โยนทิ้ง ด้านหลังยังมีช่องลับอีกหรือ ถ้าข้ารู้คงจะเปิดออกดูเป็นแน่สิขอรับ” หวงฉือรีบบอกสิ่งที่ตนเองรู้ออกมาทั้งหมด
วินาทีนี้ หวงฉือเสียใจแทบแย่แล้ว รู้แต่แรกว่าคนกลุ่มนี้เก่งกาจปานนี้ ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้าวางอุบายต่อพวกเขาเด็ดขาด
โดยเฉพาะคุณชายผู้นี้ ลักษณะพลังดุร้ายอันนี้ สายตาที่โหดเหี้ยมนี้ ทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน
จวินหย่วนโยวมองท่าทางตื่นตกใจกลัวของเขาอยู่ เห็นว่าเขาไม่เหมือนกำลังพูดโกหก จึงส่งสายตาให้หลงยีทีหนึ่งแล้ว
หลงยีรีบเข้าไปถอดภาพวาดลงมา เปิดช่องลับออกอย่างระวัง หยิบกล่องด้านในออกมา
คราวนี้ หลงยีไม่ได้รีบยื่นให้จวินหย่วนโยว แต่ว่านำกล่องไปวางไว้บนโต๊ะด้านข้าง ใช้กระบี่เปิดกล่องออกมา ถ้าเกิดด้านในมีอาวุธลับอะไร เขาก็สามารถหลบเลี่ยงได้
ดีที่กล่องไม่มีอุบายใดๆ ด้านในเป็นไข่มุกสีเหลืองเม็ดหนึ่ง ดูใหญ่มาก ขนาดเท่าไข่นกพิราบได้ หนำซ้ำด้านบนยังมีลวดลายด้วย
“คุณชายขอรับ ท่านดูนี่” หลงยี่รีบถอยไปด้านข้าง
จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาสามสี่ก้าว แม้ว่าเป็นเขาที่เคยเห็นของล้ำค่าหายากมานับไม่ถ้วน แต่ไข่มุกเหลืองอร่ามทั้งเม็ดขนาดนี้ แปลกประหลาดเสียจริง
หวงฉือที่คุกเข่าบนพื้นอึ้งทึ่งไปทั้งตัวแล้ว “นี่ นี่หรือว่าเป็นไข่มุกจักรพรรดิในตำนาน?”
“เจ้ารู้จักไข่มุกนี้?” หลงยีมองเข้ามาอย่างเย็นเยือก
หวงฉือกลืนน้ำลายลงไปโดยจิตใต้สำนึก รีบอธิบาย “ข้าเคยได้ยินมา เขตทะเลของพวกเราทางนี้ใหญ่มาก รอบนอกของเขตทะเลมีเมืองมากมาย ก็เหมือนเมืองแห่งนี้ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ เมืองหลักที่แท้จริงคือเมืองเทียนหลงที่อยู่ใจกลางเขตทะเล
นั่นเป็นตำแหน่งใจกลางของเขตทะเลนิรนาม ยิ่งเป็นสถานที่ปกครองของเขตทะเลผืนนี้ ที่นั่นถูกเรียกว่าเป็นสถานที่เทพเซียนอาศัยอยู่
ข้าเป็นโจรสลัดมาหลายปีปานนี้ เคยตามหาเมืองเทียนหลงเช่นกัน กลับไม่เคยเจอมาก่อน ว่ากันว่าเป็นภาพลวงตาที่มีเพียงคนมีวาสนาถึงพบเจอได้
เล่าลือกันว่าเจ้าเมืองของเมืองเทียนหลงรุ่นก่อน มีไข่มุกจักรพรรดิที่ล้ำค่าหายากห้าเม็ด ไข่มุกนั้นมีพลังมหาศาล ฆ่ากองกำลังในทะเลลงได้
เพียงแค่แต่ไหนแต่ไรไม่มีคนเคยเห็น เพราะเจ้าเมืองหายตัวไปหลายปี ไข่มุกจักรพรรดิหลายเม็ดนั้นก็หายตามไปด้วย เวลานี้เห็นไข่มุกสีเหลืองนี้เข้า น่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาไข่มุกเหล่านั้น
คุณชายทุกอย่างที่ข้าเล่ามาเป็นความจริง หากไม่เชื่อท่านลองถามชาวบ้านสักคนดูก็รู้ขอรับ พวกเขาล้วนรู้จักตำนานเรื่องนี้ คุณชายได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด” หวงฉือคุกเข่าพูดจาอ้อนวอน
สีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง ดวงตาทั้งสองจ้องไข่มุกนั้นไม่กะพริบ เขามองเห็นลวดลายด้านบนกำลังขยับ
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปหยิบไข่มุกอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าไข่มุกนี้มีความอุ่นนิดๆ นี่ทำให้เขาดูแปลกใจมาก
“คุณชายขอรับ คนผู้นี้จะให้ทำเช่นไร?” หลงยีรีบสอบถาม
“พาออกไป มอบให้ซื่อจื่อเฟยจัดการ!” จวินหย่วนโยววางไข่มุกกลับลงกล่อง แล้วถือกล่องไว้จึงหมุนตัวเดินออกไป
หวงฉือเพิ่งอยากขอร้อง ก็โดนหลงยีกดจุดเข้าแล้ว หิ้วออกไปราวกับหิ้วลูกเจี๊ยบ
คนอื่นๆ วิ่งตรงไปสมทบกับหยุนถิงและคนอื่นที่คุกใต้ดิน ตอนที่พวกเขาไปถึงคนอื่นในคุกใต้ดินล้วนตกใจกันยกใหญ่ คิดว่าเป็นคนที่หวงฉือส่งมาฆ่าพวกเขา
“ทุกคนไม่ต้องกลัว คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของข้า พวกเขามาช่วยชีวิตพวกเรา! หลงซาน ช่วยคนเหล่านี้ออกไปให้หมด!” หยุนถิงกล่าว
“ขอรับ!”
กระบี่ในมือของหลงซานและคนอื่นฟันโซ่บนประตูคุกขาดโดยตรง ช่วยคนออกมา
ทุกคนรีบตามออกโดยเร็ว หลังเดินออกจากคุก ทุกคนล้วนคำนับศีรษะต่อหยุนถิง
“ขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยพวกเราไว้แล้ว ขอบพระคุณบุญคุณของพวกท่านขอรับ!”
ทุกคนซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล พวกเขาออกจากคุกใต้ดินกันจริงแล้ว สามารถมีชีวิตออกมาได้จริงๆ นี่คือเรื่องที่พวกเขาแม้แต่ฝันก็ยังไม่กล้าเลย
“ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ ลุกขึ้นมาให้หมดเถิด!” หยุนถิงเอ่ยปาก
“พวกเรารีบหนีเอาตัวรอดเถิด ถ้าโดนหวงฉือรู้เข้า ต้องตายอย่างอนาถเป็นแน่!” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดอยู่ อยากจะวิ่งหนี
คนอื่นๆ พอได้ยิน ก็สับสนกันใหญ่ เพิ่งอยากหนีเอาตัวรอด ก็มองเห็นคนผู้หนึ่งหิ้วหวงฉือไว้แล้วโยนเขามาบนพื้น
“คนของข้าจัดการคนของหวงฉือเรียบร้อยหมดแล้ว สำหรับเขามอบให้พวกเจ้าจัดการแล้วกัน!” จวินหย่วนโยวที่ก้าวใหญ่ๆ เดินเข้ามาพึมพำอย่างเย็นชา
ทุกคนตื่นตกใจยิ่งนัก ทำหน้าไม่อยากเชื่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวงฉือเป็นโจรสลัดชื่อดัง โหดร้ายทารุณ หยาบคายชั่วช้า ลอบฆ่าเจ้าเมืองของพวกเขา ยังฆ่าชาวบ้านมากมาย และยึดครองเมืองเอาไว้ กดขี่พวกเขา
หวงฉือที่ก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วนเยี่ยงนี้ก็ถูกคนที่มาจากข้างนอกไม่กี่คนจัดการได้อย่างนี้ ทุกคนทั้งตื่นตกใจทั้งไม่อยากเชื่อ
แต่ว่ามองเห็นหวงฉือนอนหมอบอยู่บนพื้นในเวลานี้ ท่าทางไม่ขยับเขยื้อน ทุกคนล้วนมึนงงแล้ว
“ทุกคนไม่ต้องกลัว ในเมื่อคนระยำนี้ทำกับพวกเจ้าปานนี้ ตอนนี้มีความแค้นอันใดก็แก้แค้นกันได้ ปล่อยให้เป็นพวกเจ้าจัดการเขาเอง ต่อไปพวกเจ้าก็เป็นอิสระแล้ว!” หยุนถิงพูดปลอบใจ
“ข้าอยากฆ่าเขาให้ตาย!” เด็กหนุ่มที่เพิ่งกินยาเม็ดหนึ่งของหยุนถิงพูดอย่างโกรธแค้น เดินเข้ามาสามสี่ก้าวแล้วชกต่อยทุบตีหวงฉือ
เจ็บจนหวงฉืออยากร้องขอความตาย กลับร้องไม่ออก และขยับไม่ได้ด้วย ได้เพียงโดนบีบให้ต้องทนรับไว้
คนอื่นๆ มองเห็นแล้วรู้สึกตื่นตกใจ แปลกใจ ยิ่งรู้สึกได้ระบายอารมณ์ นึกถึงก่อนหน้านี้หวงฉือเหยียดหยาม ทรมาน ทำร้ายต่อพวกเขา และทำลายญาติพี่น้องและสหายของพวกเขา ฆ่าคนในครอบครัวของพวกเขาอย่างทารุณ——
วินาทีนี้ ทุกคนล้วนวิ่งเข้ามา สาปแช่ง ทุบตี สั่งสอนหวงฉืออย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย
หยุนถิงมองเห็นคนเหล่านั้นรุมทำร้ายกันขึ้นมา จึงเดินมาทางจวินหย่วนโยว “ท่านพี่ ท่านโดนเขาทำอะไรหรือไม่?”
หน้าจวินหย่วนโยวหม่นหมองลงมาทันที “ชาตินี้ มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่แตะต้องข้าได้ คนอื่นอย่าแม้แต่จะคิดเชียว!”
มุมปากหยุนถิงเผยความพอใจออกมา “ท่านพี่ของข้าพูดถูกเจ้าค่ะ ท่านเป็นของข้า”
ตอนนี้ทุกคนถึงฟังเสียงจริงของหยุนถิงออก นึกไม่ถึงนางเป็นผู้หญิง ยิ่งเลื่อมใสต่อนางอย่างยิ่ง
หวงฉือโดนตีจนตายจริงๆ สภาพเละเทะไปหมด น่าสังเวชไร้ที่เปรียบ กลับไม่มีใครเห็นใจ
“ตั้งแต่วันนี้ไปทุกคนเป็นอิสระแล้ว จะไม่มีผู้ใดรังแกพวกเจ้าได้อีก ของมีค่าทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองนี้พวกเจ้าหยิบไปกันเถิด ไม่ต้องปรานี ถือว่าเป็นสิ่งชดใช้ของพวกเจ้า ทุกคนนำของกลับไปรวมตัวกับคนในครอบครัวกันใหม่เถิด!” หยุนถิงกล่าว
พอทุกคนได้ยิน รีบคุกเข่ากล่าวขอบคุณ ต่างซาบซึ้งใจที่พวกเขาช่วยชีวิตตนเองแล้ว ไม่เพียงช่วยชีวิตพวกเขาไว้ ยิ่งช่วยชีวิตคนทั้งเมืองของพวกเขาแล้ว มอบชีวิตมาให้พวกเขา
ทุกคนถูกจับมานานขนาดนี้ ย่อมคิดถึงคนในครอบครัวของตนเองเป็นธรรมดา ต่างหยิบข้าวของแล้ววิ่งตรงไปที่บ้าน
ส่วนเด็กหนุ่มสองคนนั้นกลับไม่ได้ออกไป คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึก “ผู้มีพระคุณ เป็นท่านช่วยชีวิตข้าไว้แล้ว ท่านโปรดให้ข้าได้ติดตามท่านด้วยขอรับ ให้เป็นอะไรข้าก็ยินยอมขอรับ”
“ข้าก็เหมือนกันขอรับ ข้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัว ถึงตายข้าก็ยินยอมติดตามผู้มีพระคุณ แม้ว่าตอนนี้ข้ายังเป็นเด็ก แต่ข้าจะตั้งใจเรียนขอรับ ขอเพียงผู้มีพระคุณให้โอกาสข้าสักครั้ง!”