จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 816 ใครกล้าโกงข้า ข้าจะต่อยมันให้ตายเลย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่816 ใครกล้าโกงข้า ข้าจะต่อยมันให้ตายเลย

“ยังไงก็ตามเจ้าต้องระวังตัวเองหน่อย อย่าเรื่องอะไรก็พึ่งพาแต่คนอื่น ระวังสุดท้ายโดนคนอื่นโกงไปยังไม่รู้เลย” วี่รั่วฉิงกำชับ

“ช่างเถอะพี่รอง คำพวกนี้เจ้าเก็บไว้ให้ตัวเองเถอะ ข้านะเป็นลูกชายคนเดียวของท่านแม่ เป็นผู้สืบทอดเขตทะเลนิรนามในอนาคต ใครกล้าโกงข้า ข้าต่อยมันให้ตายเลย!” วี่หนานเสวียนไม่เห็นด้วย

“คนไม่มีความรู้ ความสามารถเช่นเจ้านะหรือ ยังอยากจะสืบทอดทุกสิ่งของเมืองเทียนหลง ฝันไปเถอะ!”

วี่หนานเสวียนไม่พอใจในทันที “เจ้าเป็นพี่รองข้าจริงหรือ ในสายตาเจ้าข้าแย่ขนาดนี้จริงหรือ?”

“ไม่ใช่แย่ แต่คือแย่มากกกก แม้ว่าจะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลวี่ แต่เจ้าอย่าลืมละว่ายังมีเจว๋กู่ ไม่ว่าฝีมือหรือกลอุบาย เจ้าล้วนเทียบกับเขาไม่ได้

มนุษยสัมพันธ์วิธีในการจัดเรื่องต่างๆของเจ้า ยังสู้พ่อบ้านในลานนี้ของเจ้าไม่ได้เลย หัวดื้อยิ่งนัก ทั่วทั้งเขตทะเลนิรนามล้วนถูกเจ้าล่วงเกินไปจนหมด ถ้าเจ้าอยากสืบทอดอย่างราบรื่น เกรงว่าคงจะยากมาก

ดังนั้นจากนี้ไป เจ้าต้องแก้นิสัยที่ไม่ได้ในอดีตทิ้ง ควรฝึกฝนก็ฝึกฝน มิฉะนั้นหากวันหนึ่งเจออันตราย แม้แต่ความสามารถในการป้องกันตัวก็ยังไม่มี! ” วี่รั่วฉิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

ทำเอาวี่หนานเสวียนไม่มีอารมณ์จะกินหม้อไฟร้อนเร็วเลย และขว้างตะเกียบลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ

“พี่รอง ข้าเฝ้ารอเจ้ากลับมาทุกวัน ก็เพื่อให้เจ้ามาซ้ำเติมข้าเยี่ยงนี้หรือ?”

“ไม่ใช่การซ้ำเติม แค่อยากให้เจ้ายอมรับความจริง ผู้คนทั่วสี่แค้นมายังเขตทะเลนิรนามแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่สงบแล้ว ไม่แน่ไม่นานพวกข้าก็อาจต้องสู้รบที่ยากลำบากแล้วก็ได้ ดังนั้นเจ้าต้องรู้แก่ใจไว้หน่อย!” วี่รั่วยีโต้กลับ

หยุนถิงที่อยู่นอกประตูได้ยินเช่นนี้ ก็เปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่ต่อคุณหนูรองนี้ในทันที คิดไม่ถึงว่าในเขตทะเลนิรนามนี้ยังมีคนฉลาดอยู่คนหนึ่ง

หยุนถิงไม่ได้ฟังต่อ บอกกับพ่อบ้านว่าไปหาวัตถุดิบในหลังเขาก็ไปแล้ว

แน่นอนว่าหยุนถิงไม่ได้ไปหาจริง หลังเข้าไปในหลังเขาก็หาที่ที่ไม่มีคน เป่านกหวีดและเรียกอินทรีทองมา หลังจากกำชับให้นางไปไม่กี่คำ อินทรีทองก็บินจากไป

เมื่อมองดูท้องฟ้าที่สดใสนั้น หยุนถิงก็ขมวดคิ้ว

แม้ว่าเซียวหลันจะมาแทนที่เซียวหรูซื่อ แต่เซียวหรูซื่อแต่งงานกับเจ้าทะเลหลังแม่ตัวเองตาย เช่นนั้นคนที่วางหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตให้แม่ตัวเองนั้นคือฮูหยินเจ้าทะเล หรือเซียวหลัน?

จากพิษกู่ในห้องลับนั้นก็ดูออกว่าเซียวหลันนั้นเป็นคนจิตใจอำมหิต โหดเหี้ยมยิ่งนัก แต่ตอนนั้นนางก็เป็นเพียงสาวรับใช้คนหนึ่ง กล้าวางยาพิษให้ท่านแม่จริงหรือ หรือเป็นเพราะแต่เดิมก็ได้รับคำสั่งของเซียวหรูซื่อมาอยู่แล้ว?

“คิดอะไรอยู่คนเดียว?” ทันใดนั้นเสียงอันธพาลหนึ่งก็ดังขึ้น

สีหน้าของหยุนถิงเย็นชาลง และเข็มเงินในมือก็ยิงไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ

ฮวาเชียนจั่นหลบทันที “ข้าก็แค่อยากพูดคุยกับเจ้าสักหน่อย เจ้าถึงขึ้นต้องเอาชีวิตข้าเลยหรือ?”

หยุนถิงเห็นชัดว่าเขาเป็นใคร จึงค่อยโล่งอกลง เมื่อครู่นางหมกมุ่นอยู่กับความคิดจนเหม่อลอย จนไม่ทันสังเกตถึงการเข้าใกล้ของไอ้หมอนี่

“ใครให้เจ้าปรากฏตัวกะทันหัน” หยุนถิงแบะปาก

“กลับกลายเป็นความผิดข้าสะงั้น ช่วงนี้เจ้าทำเอาทั่วทั้งเมืองเทียนหลงวุ่นวายไปหมด สืบอะไรได้บ้าง?” ฮวาเชียนจั่นถาม

ความเป็นจริงตั้งแต่ที่หยุนถิงและคนอื่นๆมาที่เมืองเทียนหลง เขาก็ได้แอบตามมาแล้ว ไม่ปรากฏตัวสักที ก็เป็นเพราะว่าอยากดูว่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวจะมีความสามารถเพียงใด

แต่คิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะกล้าเช่นนี้ ระเบิดห้องลับของฮูหยินเจ้าทะเล แถมยังไม่ถูกจับกุมตัว ยังโอฬารอยู่ในเมืองเทียนหลงและกล้าทำท่าทำทางโอ้อวดให้ผู้อื่นสงสัย ซึ่งทำให้เขาเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่ต่อพวกเขายิ่งนัก

หยุนถิงจ้องมองฮวาเชียนจั่น มองดูใบหน้าที่สวยกว่าผู้หญิง และทันใดนั้นก็มีความคิดที่กล้ามากเกิดขึ้นในใจ

“ข้าสืบความลับอันน่าทึ่งหนึ่งได้!” หยุนถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ

“ความลับอะไร?” สีหน้าของฮวาเชียนจั่นตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย

หยุนถิงมองไปรอบ ๆ หักกิ่งไม้และเขียนคำสองสามคำบนพื้น

เมื่อฮวาเชียนจั่นเห็นตัวหนังสือเหล่านั้น ก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไปนาน เขาแทบสงสัยว่าตัวเองดูผิด เอามือขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว แล้วลืมตาไปดู

“นี่ จริงหรือ?”

“ข้าจำเป็นต้องเอาเรื่องแบบนี้โกหกเจ้าด้วยหรือ ไม่เชื่อเจ้าไปสืบเอง คนคนหนึ่งต่อให้จะเลียนแบบได้ดีแค่ไหน แต่จะยังไงมันก็เป็นของปลอม!” หยุนถิงทำเสียงเชอะ

นางจ้องมองหน้าของฮวาเชียนจั่น มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า หากฮวาเชียนจั่นเป็นคนของเซียวหลันจริง ก็คงฆ่าตัวเองปิดปากอย่างแน่นอน

แต่หยุนถิงรอไปอยู่พักหนึ่ง กลับไม่เห็นฮวาเชียนจั่นทำอะไร เขาจากความตกตะลึงเปลี่ยนมาเป็นความโกรธ สุดท้ายก็กระหืดกระหอบจนต่อยกำปั้นเข้าบนต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ

ลำต้นของต้นไม้ใหญ่เท่าชามถูกเขาต่อยจนหัก เห็นได้ชัดว่าเขาใช้แรงมากเพียงใด

เมื่อฮวาเชียนจั่นมองดูหยุนถิงอีกครั้ง ก็ขมวด “นี่เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เมื่อไหร่ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่า นับตั้งแต่ที่เซียวหลันหายตัวและเกิดอุบัติเหตุ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮวาเชียนจั่นก็ตัวแข็งทื่อ เซียวหลันเกิดอุบัติเหตุของ นั่นเป็นเรื่องเมื่อหกปีก่อนแล้ว และพ่อของตัวเองก็ถูกฆ่าในเมื่อหกปีที่แล้ว

หลายปีมานี้ ฮวาเชียนจั่นสืบหาความจริงที่พ่อตัวเองถูกฆ่ามาโดยตลอด แต่เขาสืบไม่เจอสักที หรือว่าระหว่างนี้จะมีความเกี่ยวพันอะไรกัน?

หยุนถิงเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเขาอย่างดี และแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าเขาไม่ใช่ศัตรู

ความคิดของฮวาเชียนจั่นคิดหมุนวนไปมา เมื่อได้สติอีกทีหันมองหยุนถิง “เจ้าสืบได้อย่างไร ข้าสืบมาหกปียังสืบไม่เจอเลย?”

หยุนถิงหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋า “นี่คือยาพูดความจริง หากเจ้าอยากสืบใคร ก็ให้เขากินลงไปก็ได้แล้ว หลังถามจบเขาก็จะจำไม่ได้”

ฮวาเชียนจั่นรับมา “ข้าจะไปสืบให้ชัดเจนด้วยตนเอง!” หลังพูดจบก็หันหลังและจากไป

หยุนถิงหันหลังกลับและเดินอ้อมหลังเขา และไปยังพื้นที่ต้องห้ามต่อ

ครั้งนี้ หยุนถิงเดินผ่านค่ายกลเหล่านั้น แต่ไม่เห็นคนตกปลาคนนั้น นางเดินวนไปรอบหนึ่งในที่สุดก็เดินไปยังห้องลับนั้น

นางหยิบภาพม้วนออกมาจากมิติและวางมันลง หลังจากคิดไปสักพัก ก็หยิบอาหารออกมาจากมิติแล้ววางเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยจากไป

………………

ทางนี้ เมืองฉือ

หลังจากผ่านการวางแผนจัดการในช่วงนี้ โม่เหลิ่งเหยียนและคนอื่นๆก็ได้สร้างชายฝั่งจากเมืองฉือไปยังแคว้นต้าเยียนสำเร็จสักที เรือที่เล่นผ่านไปมาก็ได้ส่งผู้คนหลายกลุ่มมา

จิ่งไป๋รับผิดชอบในการนำผู้คนออกเรือ ม่อเซิงก็สอนทักษะการชกมวยแบบง่ายๆ ให้กับประชาชน รวมถึงกลวิธีในการต่อต้านศัตรูต่างแดน

เสวี่ยเชียนโฉวกับหยุนหลี อ๋องเก้าต่างก็มากันหมด ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน นำซองดินปืนและกำลังคนขยายไปถึงเมืองฉือ

ส่วนชางหยุนสี่ก็พาคนมาถึงพอดี เมื่อเห็นการป้องกันน้ำทะเลของเมืองฉือ ส่วนชางหยุนสี่ก็อดไม่ได้ที่จะนับถือ

เมื่อหยุนหลีเห็นชางหยุนสี่ ก็ทำหน้าไม่เป็นมิตร “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ตอนนั้นเจ้ากับพี่รองเจ้าอยู่ในแคว้นต้าเยียน วางแผนคิดร้ายพี่ใหญ่ข้าไปไม่น้อยเลยทีเดียว?”

ชางหยุนสี่ทำหน้าเขินอาย “ข้าได้กลับเนื้อกลับตัวแล้ว และครั้งนี้ข้ามาช่วยตามคำสั่งของเสด็จพี่!”

“เจ้าช่วยหรือ เจ้าไม่ทำให้เรื่องมันแย่ลงไปกว่าเดิมก็บุญแล้ว หากคราวนี้เจ้ากล้าเล่นเล่ห์เหลี่ยมหรือถ่วงพวกข้าอีก ข้าจะไม่เกรงใจกับเจ้าแน่!” หยุนหลีจ้องมองอย่างโกรธ

ไม่โทษหยุนหลีจริง ก่อนหน้านี้ชางหยุนสี่กับชางเยว่หมิงวางแผนใส่ร้ายหยุนถิงมาหลายต่อหลายครั้ง น่าเกลียดยิ่งนักจริง

แม้ว่าชางหยุนสี่จะโกรธ แต่ก็ไม่ได้ถือสากับอะไรกับหยุนหลี เพราะตัวเองเคยทำเรื่องที่มากเกินไปเช่นนั้น แต่หยุนถิงกลับไม่ตำหนิเรื่องความผิดในอดีตและช่วยเหลือตัวเอง นางถึงทนเอาไว้

อ๋องเก้าเห็นเช่นนี้ ก็ประสมโรงมาตำหนิด้วย “หยุนหลีพูดถูก ชางหยุนสี่เจ้าอยู่ดีๆจะดีที่สุด!”

ชางหยุนสี่เหลือบมองอ๋องเก้า และทันใดนั้นก็โกรธมาก “ไอ้สารเลวเจ้ายังมีหน้ามาพูดข้าอีกหรือ เจ้าเอาหน้าที่ไหนมาพูดข้ากันแน่ หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้า ข้าจะกลายเป็นสภาพนี้ได้หรือ? ”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท