จอมนางข้ามพิภพ บทที่865 ไอ้สารเลว ยังคิดจะหนี
มามาเฒ่าคนหนึ่งเดินมาทันที ยกมือขึ้นและกำลังจะตบหงหลิง หงหลิงหลับตาโดยสัญชาตญาณ
ตั้งแต่เด็กนางก็ถูกเก๋อฮูหยินสั่งสอน ตราบใดที่หล่อนไม่พอใจแม้แต่นิด ก็จะเอานางมาใส่อารมณ์ หงหลิงในตอนนี้ได้ชินไปนานแล้ว
เพียงแต่ว่าคราวนี้ กลับไม่มีเจ็บปวดที่คาดไว้ แต่กลับมีเสียงกรีดร้องดังมา
หงหลิงลืมตาขึ้นโดยสัญชาตญาณ ก็เห็นชายชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง มือของเขากำลังจับข้อมือของมามาเฒ่าไว้ และใช้แรงอย่างแรง
“แกลบ!” ข้อมือของมามาเฒ่าก็ถูกเขาหักทิ้ง
เจ็บจนนางร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช หน้าซีดลง และรีบคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา
เก๋อฮูหยินกับเก๋อฉีและคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง พวกเขายังไม่ทันเห็นเลยว่าคนคนนั้นปรากฏตัวมาได้อย่างไร แต่อยู่ดีๆก็ปรากฏตัวมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้
“เจ้า เจ้าเป็นใคร กล้าบุกรุกตระกูลเก๋อ เด็กๆจับตัวเขาเร็ว!” เก๋อฮูหยินตกใจกลัวจนเสียงสั่นเล็กน้อย
เก๋อฉีตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว คนคนนี้น่ากลัวเกินไป ออกมือทีก็หักข้อมือของมามาเฒ่าทิ้งทันทีเลย
เมื่อฟังเสียงหอนอย่างน่าสมเพชของมามาเฒ่า เก๋อฉีเพียงรู้สึกว่าขุนลุกยิ่งนัก
หงหลิงก็ตกตะลึงเช่นกัน นางมองดูชายชุดดำตรงหน้า ร่างสูงและขายาว ใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชา ออร่ารอบตัวเย็นชาและอันตราย
นางจำไม่ได้ว่ารู้จักคนคนนี้ เขาคือใคร เหตุใดถึงได้ช่วยตนเอง?
นอกประตู คนรับใช้สิบกว่าคนบุกเข้ามา ล้อมอู๊เล่ยเอาไว้
เก๋อฮูหยินก็มีความมั่นใจในทันที เปลี่ยนความตื่นตระหนกจากเมื่อครู่ และมองดูอู๊เล่ยอย่างโอหังอวดดีในขณะนี้
“จวนตระกูลเก๋อไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะบุกเข้ามาก็ได้ เจ้ากล้าช่วยอีนังต่ำทรามคนนี้ แถมยังทำคนของข้าบาดเจ็บ เด็กๆจับตัวเขาไว้แล้วตีให้ตาย!”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง คนรับใช้หลายสิบคนนั้นก็บุกเข้ามา
อู๊เล่ยชำเลืองมององครักษ์เหล่านั้นอย่างดูถูก มุมปากมีความเคร่งขรึม ดาบในมือของเขายังไม่ทันได้ชักออกมาด้วยซ้ำ และบินตรงไปหาคนพวกเขา เตะกระเด็นออกไปคนหนึ่ง
ทุกคนยังไม่ทันเห็นเลยว่าเขาออกมืออย่างไร ก็ได้ยินเพียงเสียงร้องของคนรับใช้ และกระเด็นออกไปหมดเลย
ฉากนี้เกิดขึ้นเพียงในชั่วพริบตา และคนรับใช้หลายสิบคนนั้นก็ล้มลงกับพื้นและร้องโหยหวน ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
เก๋อฮูหยินตกใจกลัวจนหน้าซีด และคิดอยากจะหนีไปในท่ามกลางความวุ่นวาย
ดาบในมือของอู๊เล่ยจี้คอนาง “คิดจะหนีงั้นหรือ?”
เก๋อฮูหยินก็ไม่อาจสนว่าจะเสียหน้าหรือฐานะหรือไม่ ตกใจกลัวจนทรุดตัวลงกับพื้นทันที “วีรบุรุษโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย?”
“เจ้าอย่าฆ่าแม่ข้า!” เสียงของเก๋อฉีสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่านางตกใจกลัวไม่น้อยเลย
“จากนี้ไป ใครก็ห้ามรังแกแม่นางหงหลิง!” อู๊เล่ยทำเสียงเชอะ
เก๋อฮูหยินตกตะลึง และหันมองหงหลิงโดยไม่รู้ตัว นางแพศยานี้รู้จักคนที่เก่งขนาดนี้ด้วย คนรับใช้เยอะขนาดนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ให้ตายเถอะ ค่อยคิดบัญชีกับนางในภายหลังละกัน
“สิ่งที่วีรบุรุษพูดนั้นถูกยิ่งนัก ต่อไปข้าไม่กล้ารังแกหงหลิงอีกแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดได้ยินหรือไม่ ต่อไปใครก็ห้ามรังแกหงหลิง!” เก๋อฮูหยินรับประกันทันที และไม่ลืมออกคำสั่งให้คนอื่น
“เจ้าค่ะ ขอรับ!” ทุกคนตกใจกลัวแทบตาย ต่างก็รีบพยักหน้า
“ข้าอยู่ในที่ลับ ต่อไปหากใครกล้ารังแกแม่นางหงหลิง ก็จะเป็นดั่งต้นไม้นี้!” อู๊เล่ยทำเสียงเชอะ และฟันดาบไปในลาน
“โค้มมม!” เสียงดังลั่น ต้นไม้ใหญ่ในลานหักเป็นสอนท่อนทันที
ทุกคนตกใจกลัวแทบตาย เก๋อฮูหยินยิ่งเลยกลัวจนฉี่รดกางเกง กลิ่นปัสสาวะรอยมา ทุกคนเห็นแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
หงหลิงก็ตกตะลึงเช่นกัน และเมื่อนางอยากถามชายคนนั้นว่าเป็นใคร อู๊เล่ยก็ได้บินจากไปแล้ว
“พวกเจ้ายังมัวยืนทำอะไร ยังไม่รีบมาประคองข้าลุกขึ้น!” ”เก๋อฮูหยินตะโกนด้วยความตกใจ
คนรับใช้รีบเข้ามาประคองนางขึ้นทันที เก๋อฮูหยินก็ไม่มีเวลามาสนใจหงหลิงอีกต่อไป ตกใจกลัวจนขาอ่อนไปหมด สุดท้ายก็ให้คนยกไป
เดิมทีหงหลิงที่ยืนอยู่ก็ล้มลงกับพื้น ฉากเมื่อกี้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก ฝีมือของคนคนนั้นเก่งเยี่ยงนี้ เหตุใดถึงช่วยตนเอง แถมยังออกมาได้ทันเวลาเช่นนี้
จู่ๆ หงหลิงก็นึกถึงหยุนถิง ต้องเป็นซื่อจื่อเฟยให้คนมาแอบปกป้องตัวเองอย่างลับๆแน่เลย เพราะนางเป็นคนที่คุณชายห้าชอบ
วินาทีนี้ หงหลิงรู้สึกนับถือหยุนถิงจากใจจริง คำพูดเพียงหนึ่งคำของนางก็สามารถช่วยชีวิตตัวเองไว้ได้
ส่งหยุนถิงในทางนี้ สามวันต่อมาก็เข้าวังไปทำการฝังเข็มถอนพิษให้ฮองเฮาอีกครั้ง หลังทำการฝังเข็มเสร็จ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวและคนอื่นๆก็ตรงไปที่เขตทะเลนิรนามเลย
เพราะก่อนหน้านี้ซวนอ๋องได้ให้คนจัดการเส้นทางไว้ก่อนแล้ว และบวกกับเรือใต้น้ำของหยุนถิงไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นและสภาพอากาศ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ห้าหกวันก็ถึงเมืองฉือแล้ว
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวและคนอื่นๆ พึ่งขึ้นฝั่งก็ได้ยินเสียงที่กระหืดกระหอบดังมา
“อ๋องเก้า ไอ้สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้ง!” ชางหยุนสี่ถือดาบยาวไว้แล้วไล่ตามอ๋องเก้าไปยังนอกประตูเมือง
“ข้าดื่มเยอะไป ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เจ้าจำเป็นต้องขนาดนั้นเลยหรือ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ทำอะไรเจ้าสักหน่อย?” อ๋องเก้าวิ่งเอาชีวิตรอดพร้อมโต้กลับไปด้วย
“ไอ้สารเลว ชื่อเสียงของข้าถูกเจ้าทำเสียหายหมดแล้ว ให้ตายเถอะ เจ้าบอกว่าดื่มมากไปก็ไม่เป็นไรแล้วหรือไง!” ชางหยุนสี่คำรามด้วยความโกรธ และไล่ตามเขาต่อไป
“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยพวกท่านมาแล้วหรือ!” จิ่งไป๋กับม่อเซิงเดินมา ช่วงนี้พวกเขาสองคนดูแลเรื่องในเมืองฉือมาโดยตลอด
“อืม เกาะเทียนหลงมีอะไรผิดปกติหรือไม่?” หยุนถิงถาม
“ไม่มีอะไรผิดปกติ ผู้คนที่ไปอวยพรวันเกิดในก่อนหน้านี้นั้นล้วนเดินทางกลับไปยังเกาะของตนเองหมดแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนเกาะเทียนหลงส่งเรือออกไปสองสามลำ แต่ถูกคนของพวกข้ากำจัดทิ้งหมดแล้ว ตอนนี้เกาะเทียนหลงทั้งเกาะล้วนอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังของพวกข้า!” ม่อเซิงตอบ
“ทำได้ดีมาก” หยุนถิงชมเชย
ม่อเซิงเป็นคนที่มั่นคงที่สุด จิ่งไป๋เป็นคนที่ฉลาดที่สุด เรื่องที่สองคนนี้ทำ นางไว้ใจ
“ซื่อจื่อเฟย พวกข้าช่วยชีวิตของคนคนหนึ่งไว้ หลังจากการตรวจสอบ นางคือวี่รั่วฉิงลูกสาวคนรองของเกาะเทียนหลงฮูหยินเจ้าทะเล และตอนนี้อยู่ในจวนเจ้าเมือง!” จิ่งไป๋กล่าว
“วี่รั่วฉิง?” หยุนถิงจำได้ทันทีว่า ตอนนั้นวี่รั่วยีเป็นคนบุกเข้าไปในห้องของฮูหยินเจ้าทะเล และรู้ความจริงที่เซียวหลันแสร้งปลอมตัวเป็นเซียวหรูซื่อ
ตอนนั้นหยุนถิงกระวนกระวายที่จะแก้แค้น จึงพาเซียวหรูซื่อจากไป คาดว่าเซียวหลันคงลงมือกับนางแล้ว
“นางอยู่ที่ใด พาข้าไปพบนาง?”
“อืม” จิ่งไป๋เดินนำทางทันที
“หยุนถิง จวินหย่วนโยวพวกเจ้าอย่าไป ช่วยข้าก่อน?” อ๋องเก้ารีบวิ่งมาทันที และเขาก็ยื่นมือไปดึงหยุนถิงพอดี
แต่ถูกจวินหย่วนโยวยื่นมือออกมาและดึงเอาไว้ อ๋องเก้าหลบไม่ทัน ดึงไม่โดนและล้มลงกับพื้นทันที
“อา เจ็บจัง จวินหย่วนโยวเจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่ กลับจงใจทำให้ข้าล้ม——-” ไม่รออ๋องเก้าบ่นจบ ชางหยุนสี่ก็ถือดาบยาวและไล่ตามมาแล้ว
ทำเอาอ๋องเก้าตกใจกลัวจนไม่กล้าบ่นอีก และกำลังจะวิ่งหนี แต่สุดท้ายเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง
ชางหยุนสี่เอาดาบจี้คอเขา “ไอ้สารเลว ยังคิดจะหนี?”