จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 892 หรือว่าเจ้ารังแกนางรึ?
พระราชวังแคว้นเป่ยลี่
พวกจวินหย่วนโยวมาถึงหน้าประตูพระราชวัง พอองครักษ์เห็นพวกเขาท่าทีมิธรรมดา ใส่ชุดหรูหรา และยังนำสตรีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดจนมองไม่เห็นรูปโฉมผู้หนึ่งมาด้วย ก็รีบเข้ามาถามทันที
“พวกท่านเป็นใครกัน มาพระราชวังทำไม?”
“เรียกเป่ยหมิงฉี่ออกมา จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยของข้ามาร่วมงานแต่งงานของเขาที่แคว้นเป่ยลี่แล้ว!” หลงยีแค่นเสียงบอก
องครักษ์หน้าซีดเผือดฉับพลัน จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย นั่นคือบุคคลที่สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งสี่แคว้น กล้าขวางพวกเขา นอกเสียจากว่าตนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
“จวินซื่อจื่อซื่อจื่อเฟยโปรดอภัยด้วย ข้าน้อยจะไปกราบทูลเดี๋ยวนี้!” องครักษ์พูดจบก็จะวิ่งเข้าไปทันที
“ไม่ต้องทูลแล้ว ข้าออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย!” เป่ยหมิงฉี่พูดเสียงกระจ่างชัดเจน เดินก้าวเท้ายาวออกมา
หยุนถิงหันมองเขา ชุดมังกรสีเหลืองทองอร่าม ทระนงองอาจ ใบหน้าสุขุมเกรงขามมากขึ้น เขาดูสุขุมนุ่มลึกกว่าเมื่อก่อนมากนัก
“จวินหย่วนโยว หยุนถิง ในที่สุดพวกท่านก็มาเสียที ระหว่างเหน็ดเหนื่อยตรากตรำ รีบตามข้าเข้าวังเถอะ!” เป่ยหมิงฉี่บอกอย่างยินดี
“เจ้ายังมีศีลธรรมอยู่บ้างนะ!” หยุนถิงพยักหน้า
“ท่านแม่ เขาเป็นฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยลี่หรอ ก็เป็นท่านอาของเล่อหรันจวิ้นจู่สิ?” จวินเสี่ยวเทียนมองสำรวจอย่างสงสัย
เป่ยหมิงฉี่ถึงได้สังเกตเห็นจวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียน “ไอ้โหย นี่ลูกชายหญิงของพวกท่านรึ หน้าตาดียิ่งนัก ลูกชายเหมือนจวินหย่วนโยว ลูกสาวเหมือนหยุนถิง
เจ้าหนู เจ้ารู้จักเล่อหรันด้วยรึ ยัยหนูนั่นกลับมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว เพียงแต่พอกลับมาแล้วก็ขังตนเองอยู่แต่ในห้อง หรือว่าเจ้ารังแกนางรึ?”
จวินเสี่ยวเทียนบอกด้วยสีหน้าตึง “ข้าไม่ได้รังแกนางเสียหน่อย ท่านแม่บอกว่าเด็กผู้ชายจะรังแกเด็กผู้หญิงไม่ได้ ข้าเพียงแค่ปฏิเสธนางเท่านั้น”
เป่ยหมิงฉี่กำลังจะชมจวินเสี่ยวเทียนว่าทำถูกต้องแล้ว พอได้ยินประโยคสุดท้ายก็สีหน้าตึงทันที “เล่อหรันน่ะร่าเริงน่ารัก ถึงจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็จิตใจดีนะ ทำไมเจ้าปฏิเสธนางล่ะ?”
“ท่านคิดว่าดี งั้นท่านแต่งกับนางสิ?” จวินเสี่ยวเทียนย้อน
คำพูดเดียวทำเป่ยหมิงฉี่อึ้งไปเลย “เจ้าหนูนี่ ข้าเป็นเสด็จอาของนาง จะแต่งงานกับนางได้อย่างไรกัน”
“นั่นเป็นเรื่องของท่าน” จวินเสี่ยวเทียนแค่นเสียงเย็น
เป่ยหมิงฉี่ใบ้กินทันที หันมองจวินหย่วนโยวฉับพลัน “ลูกชายท่านนี่เหมือนท่านยิ่งนัก นิสัยก็เหมือนท่านราวกับถอดแบบมาเลย”
“ลูกชายของข้า ย่อมต้องเหมือนข้าอยู่แล้ว!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
“ท่านพ่อ ข้าเหนื่อยและหิวมากเลย ข้าอยากกินข้าว” จวินเสี่ยวเหยียนบอก
“เป่ยหมิงฉี่ เลิกพล่ามได้แล้ว!” จวินหย่วนโยวเร่งรัด
เป่ยหมิงฉี่เบ้ปาก “ตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยลี่แล้ว ท่านจะไว้หน้าข้าหน่อยไม่ได้รึ นังหนู รีบเข้าวังเถอะ ข้าให้ห้องพระเครื่องต้นเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว”
“ว้าว เยี่ยมไปเลย” จวินเสี่ยวเหยียนตามท่านแม่เดินเข้าไปทันที
จวินหย่วนโยวก็จูงมือลูกชาย พาคนอื่นเข้าวัง เหลือไว้แค่องครักษ์ลับคนเดียว จับรั่วจื่ออวิ้นที่สลบเหมือดแขวนไว้หน้าประตูพระราชวัง
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่เห็นใบหน้านางเต็มไปด้วยเลือดก็ตกใจยิ่งนัก
“คุณชายท่านนี้ ท่านทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง ที่นี่เป็นหน้าประตูพระราชวังนะ?” ทหารยามถามเสียงเบา
“หน้าประตูวังแล้วอย่างไร ใครให้นางตาไม่มีแววทำซื่อจื่อข้าไม่พอใจ ฮ่องเต้ของพวกเจ้ายังไม่พูดอะไรเลย เจ้าพล่ามอะไรมากความกัน” องครักษ์ลับตอบเสียงเย็น
ทหารยามตกใจตัวสั่นเทา เมื่อครู่เขาเห็นชัดเจนเลยว่า ขนาดฝ่าบาทยังขยาดจวินซื่อจื่อเลย ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
อีกด้านหนึ่ง เรื่องรั่วจื่ออวิ้นโดนตัดลิ้นกลางตลาดและเสียโฉมแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว เพราะตระกูลรั่วเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของแคว้นเป่ยลี่ จู่ๆเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น บางคนถึงกับไปบอกข่าวที่ตระกูลรั่วเลย
รั่วเฟิงซีพึ่งเข้าบ้าน ก็เห็นฮูหยินรองนำคนจะออกไปด้วยสีหน้าเคียดแค้น เจอเข้ากับนางพอดี
“รั่วเฟิงซี เจ้ายังไม่ตายรึ แล้วยังมีหน้ากลับมาอีก กล้าสมคบคิดคนนอกตัดลิ้นจื่ออวิ้น ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้เลย!” ฮูหยินรองเดือดดาลทะลุฟ้า ปราดร่างพุ่งเข้าไปราวลูกธนู ยกมือขึ้นจะตบหน้ารั่วเฟิงซี
หากรั่วเฟิงซีเองก็มิได้ไร้ฝีมือ นางยกมือขึ้นคว้าหมับข้อมือฮูหยินรองทันที “จื่ออวิ้นหาเรื่องเอง เกี่ยวอะไรกับข้า!”
“นังแพศยาอย่างเจ้านี่กล้าโต้ตอบ ใครก็ได้ จับนางไว้ วันนี้ข้าจะล้างแค้นให้ลูกสาวข้า!” ฮูหยินรองตะคอกดัง
แม่เฒ่าหลายคนพากันพุ่งเจ้ามาจะคุมตัวรั่วเฟิงซีทันที
แต่กลับโดนรั่วเฟิงซีซัดจนหมอบกับพื้น คราวนี้ฮูหยินรองเคียดแค้น เดือดดาลนัก แต่ตะลึงมากกว่า
“เจ้า เจ้าเป็นวรยุทธ์?” ฮูหยินรองตกตะลึง นางไม่เคยรู้ระแคะระคายมาก่อนเลย
“หากมิมีฝีมือไว้บ้าง ข้าคงตายอยู่นอกเมืองแล้ว ทำให้ฮูหยินรองผิดหวังแล้ว ตำแหน่งฮองเฮาแคว้นเป่ยลี่นี่กำหนดแล้วว่าต้องเป็นของข้า!” รั่วเฟิงซีบอกอย่างไม่แยแส
ก่อนหน้านี้นางแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ไม่เป็นวรยุทธ์ ก็เพื่อให้ฮูหยินรองเผอเรอ ตนถึงมีโอกาสรอดได้—
“เจ้า นังหนูน่าตายนี่—“ ฮูหยินรองโกรธจนตัวสั่น กำลังจะด่ากราด ก็เห็นรั่วเฉิงเซี่ยงกลับมาพอดี สายตานางฉายแววเหี้ยมเกรียม แสร้งทำท่าอ่อนแอจะเข้าไปหา
“ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้ว!” รั่วเฟิงซีแย่งพูดก่อน
รั่วเฉิงเซี่ยงเห็นนางเข้า “หลายวันนี้เจ้าไปไหน ทำอะไร เจ้าอย่าลืมฐานะของตนเองนะ หากให้ฝ่าบาทรู้ว่าเจ้าทำ—“
พูดยังไม่ทันจบ รั่วเฉิงเซี่ยงก็เห็นรอยเลือดทั้งแถบที่ไหล่ของรั่วเฟิงซี เขาตกใจทันที “เฟิงซี เจ้าเป็นกระไรน่ะ?”
รั่วเฟิงซีสีหน้าซีดเผือด ล้มลงพื้นทันที
รั่วเฉิงเซี่ยงข้ามฮูหยินรองไปอย่างไม่มองนางแม้เพียงนิด รีบพยุงลูกสาวตนไว้ทันที “เฟิงซีเจ้าเป็นอะไรน่ะ ทำไมเสื้อผ้ามีรอยเลือด?”
ฮูหยินรองสีหน้ากระตุก นังหนูนี่ตายยากนัก ตนส่งนักฆ่าออกไปมากมายขนาดนั้นยังให้นางรอดตายกลับมาได้อีก จะให้นางพูดเรื่องออกมาไม่ได้เด็ดขาด
“นายท่าน เกิดเรื่องกับจื่ออวิ้นแล้ว นางโดนคนตัดลิ้นแล้วแขวนไว้หน้าประตูพระราชวัง เป็นคนที่มากับคุณหนูใหญ่ลงมือ ขอร้องท่านรีบไปช่วยจื่ออวิ้นด้วยเถอะ คุณหนูใหญ่เหตุใดท่านใจดำเยี่ยงนี้ จะอย่างไรจื่ออวิ้นก็เป็นน้องสาวแท้ๆของท่านนะ ทำไมท่านทำได้ลงคอ!” ฮูหยินรองรีบตัดบททันที น้ำตาไหลพราก ท่าทางเสียใจยิ่งนัก
พอรั่วเฉิงเซี่ยงได้ยินดังนั้น ก็เดือดดาลยิ่งนัก ปล่อยมือที่พยุงรั่วเฟิงซีทันที “เฟิงซี นางโค่วพูดจริงรึ เจ้าให้คนทำร้ายจื่ออวิ้นจริงรึ?”
รั่วเฟิงซีเห็นท่านพ่อที่สีหน้าเปลี่ยนทันที ยิ้มมุมปากอย่างเศร้าสร้อย “คนที่ทำร้ายจื่ออวิ้นคือจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย ไม่ใช่ข้า หรือว่าในสายตาท่านพ่อ สตรีผู้หนึ่งอย่างข้าสามารถสั่งการจวินซื่อจื่อได้ด้วย?”
คำถามย้อนเสียงเย็นนั้นทำให้รั่วเฉิงเซี่ยงตกใจยิ่งนัก “จวินซื่อจื่อที่เจ้าพูด คือจวินหย่วนโยวแห่งแคว้นต้าเยียนรึ?”
จวินหย่วนโยวโหดเหี้ยมกระหายเลือด เด็ดขาดอำมหิตนัก องครักษ์เงามังกรที่เป็นลูกน้องยิ่งถือเป็นความหวาดกลัวไปทั่วทั้งสี่แคว้น อำนาจของเขาแผ่กระจายไปทั่วทั้งสี่แคว้น ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเขาโจมตีและยึดครองเขตทะเลนิรนามมาได้ เขายังเคยบีบคั้นฮ่องเต้องค์ก่อนจนตาย ทำให้ทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่อันตรายและวุ่นวายโกลาหล อำนาจเช่นนี้ไม่ใช่ใครที่รั่วเฉิงเซี่ยงจะไปหาเรื่องด้วยได้เลย
“เขาน่ะล่ะ!” รั่วเฟิงซีตอบ
รั่วเฉิงเซี่ยงสีหน้าตึงเครียดทันที “ทำไมเขาต้องทำร้ายจื่ออวิ้นด้วย?”