จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 895 นางยอมรับแล้วจริงๆ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 895 นางยอมรับแล้วจริงๆ

นั่นเป็นสิ่งที่ท่านแม่ให้เขา บอกให้เขามอบให้กับภรรยาในภายภาคหน้า ดังนั้นวินาทีที่เจ้าห้าแน่ใจว่าเป็นหงหลิงแล้ว จึงมอบกำไลนี้ให้หงหลิง

แต่ไม่คิดเลยว่า นางจะปัดกำไลตกแตกอย่างใจดำเยี่ยงนี้ และยังเหยียบมันด้วย

วินาทีนี้ หัวใจของเจ้าห้าราวกับโดนมีดแหลมกระซวกเข้าอย่างแรง เจ็บจนเลือดไหล เสียดแทงเข้ากระดูกเลยทีเดียว

วินาทีนี้เจ้าห้ารู้สึกเพียงว่าตนนั้นเป็นเหมือนเรื่องตลก เขารักใคร่หงหลิงอย่างจริงจัง จะแต่งงานกับนางเท่านั้น แต่สุดท้ายนางกลับบอกว่าทั้งหมดนั้นแค่หลอกตน นางวางแผนมาเอง เพียงเพื่อให้ได้แต่งเข้าตระกูลหยุน

นางไม่เคยรักตนเลย สิ่งที่นางรักคือฐานะคุณชายห้าแห่งตระกูลหยุนของตน บัดนี้เห็นตนลำบากแล้ว จะต้องโดนเนรเทศไปชายแดน นางถึงมาตัดขาดสัมพันธ์แบบนี้

เจ้าห้าย่อเอวลงหยิบเศษกำไลที่แตก ไม่ทันระวังโดนกำไลบาดฝ่ามือ แต่เจ้าห้าไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เขายกมือกำเศษกำไลไว้แน่น

เลือดสดไหลจากฝ่ามือเขา หยดลงพื้น ดูสะดุดตาน่าหวาดเสียวนัก

จากนั้นคุกหลวงก็มีเสียงหัวเราะเย็นชาของเจ้าห้าลอยมา เพียงแต่เสียงหัวเราะนั้นฟังดูเย้ยหยัน หดหู่ยิ่งนัก

บนหลังคาคุกหลวง องครักษ์ลับที่โม่เหลิ่งเหยียนส่งมาแอบลอบสังเกตการณ์เห็นภาพหงหลิงตัดขาดสัมพันธ์กับเจ้าห้าชัดเจน พอเห็นหงหลิงออกไป ก็รีบพุ่งไปจวนซวนอ๋องทันที

พอซวนอ๋องได้ยินดังนั้น สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง “นางยอมรับออกมาแล้วจริงๆ”

“ท่านอ๋อง นำคุณชายห้าออกมาจากในคุกก่อนดีหรือไม่ สภาพเขาดูอนาถนัก” องครักษ์ลับกระซิบเสียงเบา

“ไม่ต้อง ให้เขาอยู่สักหลายวัน เวลานี้สิ่งที่เขาต้องมิใช่เตียงและที่นอนอบอุ่น แต่เป็นการยอมรับความจริง แบบนี้จะได้ไม่เสียแรงที่หยุนถิงตั้งใจทำเพื่อเขา” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ

“ขอรับ”

องครักษ์ลับอีกคนหนึ่งก็นำนกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งเข้ามา “ท่านอ๋อง”

โม่เหลิ่งเหยียนรับมาดูและเปิดออกอ่านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แคว้นเป่ยลี่มีอำนาจลึกลับเกิดขึ้นอำนาจหนึ่ง ร่องรอยลึกลับประหลาดนัก ขนาดคนของเรายังสืบไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่!”

“งั้นจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยจะมีอันตรายหรือไม่ พวกเขาอยู่กันที่แคว้นเป่ยลี่นี่นา?” องครักษ์ลับโพล่งถามออกมาทันที

โม่เหลิ่งเหยียนคิ้วขมวดมุ่น “ถ่ายทอดคำสั่งข้าออกไป ให้หมิงจิ่วซางรีบไปรับมือทันที หากหยุนถิงมีอันตรายใดๆ จะต้องคุ้มครองนางอย่างไม่ต้องเกรงกลัวอะไรใดๆทั้งสิ้น ช่างเถอะ ข้าไปด้วยตัวเองแล้วกัน”

“ขอรับ!”

อีกด้านหนึ่ง หงหลิงออกจากคุกด้วยหน้าตาน่าสงสาร ดวงตาแดงเรื่อ

หยุนซูมองมาอย่างตกใจ “หงหลิงเจ้าเป็นอะไรน่ะ ร้องไห้ทำไม พี่ชายห้าพูดอะไรกับเจ้ารึ?”

“คุณชายห้าบอกว่าจะตัดขาดสัมพันธ์กับข้า บอกว่าจะไม่มีวันแต่งงานกับข้าอีก” หงหลิงร้องไห้บอก

“พี่ชายห้าน่าจะไม่อยากให้เจ้าลำบากไปด้วย ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว ข้าส่งเจ้ากลับไปก่อนแล้วกัน” หยุนซูบอก

หงหลิงพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นรบกวนคุณหนูสามแล้ว”

ทั้งสองคนขึ้นรถม้าจากไป หงหลิงมาหยุดลงที่หน้าประตูจวนตระกูลฟู่ “คุณหนูสาม ท่านกลับไปก่อนเถอะ”

“ได้!” หยุนซูให้คนขับควบรถม้าจากไป

หงหลิงเห็นรถม้าแล่นไปไกล ถึงได้วางใจ นางไม่ได้คิดจะเข้าไปในจวนตระกูลฟู่ เพราะนางรู้ดีว่า หากตนเข้าไปก็คงไม่มีโอกาสออกมาอีกแน่

ดังนั้นพอหงหลิงเห็นรอบข้างไม่มีคน ก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วที่สุด นี่เป็นโอกาสเดียวของนางแล้ว

แต่หงหลิงไม่รู้เลยว่า ทุกอย่างที่นางทำนั้นถูกองครักษ์ลับที่อยู่ในที่มืดเห็นอย่างชัดเจน

พวกเขาไม่ได้ตามไปจับตัวหงหลิง องครักษ์ลับคนหนึ่งตามนางไป อีกคนเข้าจวนไปรายงานสถานการณ์ทันที

พอฮูหยินเฒ่าฟู่ได้ยิน สีหน้าก็เย็นชาลงฉับพลัน “ในที่สุดนางก็เผยหางจิ้งจอกออกมาจนได้ ดูท่าคืนนี้นางคงเผยไต๋กับเจ้าห้าในคุกหลวงแล้ว”

“นับตั้งแต่วินาทีที่นางวางยาพิษตนเอง ข้าก็ดูออกแล้วว่านางมิใช่คนดี ไปจากเจ้าห้าก็ดร ไม่เช่นนั้นหากวันหน้านางแต่งเข้าตระกูลหยุน ต้องก่อเรื่องร้ายแน่” หมอยมบาลถอนหายใจบอก

“นังหนูหยุนถิงนี่ดูคนแม่นจริงๆ ตอนนี้เรื่องกระจ่างแล้ว ข้าก็ควรจะไปนอนเสียที” ตาเฒ่าเหอหาวหวอดๆเดินไป

“ในเมื่อรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหงหลิงแล้ว เจ้าคิดจะทำอย่างไร จะส่งคนไปจับนางกลับมารึไม่?” หมอยมบาลถาม

“ไม่ต้อง อย่างมากนางก็แค่ทำร้ายหัวใจเจ้าห้า มิได้ฆ่าใครเสียหน่อย ไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือ แต่โทษตายละเว้นได้โทษเป็นยังอยู่ ล้อเล่นกับหัวใจคนและยังวางแผนการร้ายเช่นนี้ จะผ่อนปรนให้ไม่ได้ ใครก็ได้!” ฮูหยินเฒ่าฟู่แค่นเสียงเย็น

พ่อบ้านเดินเข้ามา “ฮูหยินเฒ่ามีสิ่งใดจะสั่งการหรือขอรับ?”

“ให้คนไปบอกเก๋อฮูหยิน หงหลิงตัดขาดสัมพันธ์กับเจ้าห้าแล้ว”

“ขอรับ!”

หมอยมบาลอดยกนิ้วโป้งให้ฮูหยินเฒ่าไม่ไหว “เก๋อฮูหยินเห็นหงหลิงเป็นหอกข้างแคร่มาโดยตลอด ทรมานนางต่างๆนานา ระยะนี้เพราะครั่นคร้ามตระกูลหยุนและหยุนถิง ถึงได้ยอมรามือ หากนางรู้เข้า ต้องไม่ละเว้นหงหลิงแน่”

“ได้แต่โทษตัวนางเองแล้วล่ะ!”

หมอยมบาลเลิกคิ้วมองฮูหยินเฒ่า “หากต่อไปข้าทำเรื่องผิดต่อเจ้าขึ้นมา เจ้าก็จะไม่ยั้งมือให้ข้าใช่หรือไม่”

ฮูหยินเฒ่าฟู่หันมองเขา เดินหลายก้าวเข้ามาดึงหูหมอยมบาลทันที “เจ้ากล้ารึ!”

“ไอ้โหย เจ็บนะ ปล่อยมือเร็ว ด้านนอกมีคนอยู่อีกนะ จะไว้หน้าให้ข้าสักหน่อยไม่ได้รึ” หมอยมบาลหงอทันที

ฮูหยินเฒ่าฟู่ถึงปล่อยมือ “เจ้าแกที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าโลงไปแล้วอย่างเจ้านี่นะ ยังจะต้องการหน้าอะไรอีก”

“ดูพูดเข้า ยังไงข้าก็เป็นหมอยมบาลนะ!”

ด้านนอกเรือน องครักษ์เงามังกรที่ปีนกำแพงทำหน้าที่คุ้มครองจวนตระกูลฟู่อย่างลับๆได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหมอยมบาลก็อดขำไม่ได้ รอซื่อจื่อกลับมาต้องรายงานให้ฟังว่า หมอยมบาลหงอขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินเฒ่าฟู่

………………………

แคว้นเป่ยลี่

พวกจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเข้าไปพักในพระราชวังเลย เป่ยหมิงฉี่จัดตำหนักรับรองที่ดีที่สุดให้พวกเขา และยังสั่งให้คนคอยดูแลอย่างระมัดระวัง

พอกินอาหารค่ำเสร็จ จวินหย่วนโยวก็พาทุกคนไปพักผ่อน

พอองครักษ์เห็นพวกเขาไปแล้ว ก็รีบเล่าเรื่องที่จวินหย่วนโยวตัดลิ้นรั่วจื่ออวิ้นกลางตลาด และจับนางแขวนไว้หน้าประตูพระราชวังออกมา

เป่ยหมิงฉี่โกรธจัด “นังโง่นี่ กล้าด่าว่าจวินหย่วนโยวเป็นชายบำเรอ หาเรื่องตาย!”

“ฝ่าบาท เฉิงเซี่ยงประกาศต่อภายนอกแล้วว่าตัดขาดสัมพันธ์กับรั่วจื่ออวิ้นแล้ว แต่นางยังโดนแขวนไว้หน้าประตูวัง ขอฝ่าบาทสั่งการมาเถิด?” องครักษ์ถาม

“จิ้งจอกเฒ่าอย่างรั่วเฉิงเซี่ยงนี่เคลื่อนไหวไวดีแท้ ตอนนี้ข้าเลยไม่อาจลงโทษตระกูลรั่วได้ เจ้าให้คนส่งนางไปสำนักบำเรอซะ ให้นางหัดเรียนรู้มารยาทเสียบ้าง!” เป่ยหมิงฉี่พูดเสียงเหี้ยมเกรียม แฝงแววเฉียบขาด

จวินหย่วนโยวแกล้งให้คนแขวนไว้หน้าประตูวัง หนึ่งเพื่อสั่งสอนตระกูลรั่ว สองเพื่อดูท่าทีตน

บัดนี้แคว้นเป่ยลี่อยู่เย็นเป็นสุข ชีวิตประชาก็เริ่มไปในทางที่ดี จะนำภัยพิบัติมาให้แคว้นเป่ยลี่เพราะรั่วจื่ออวิ้นคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เช้าวันต่อมา ข่าวเรื่องรั่วจื่ออวิ้นโดนส่งตัวไปสำนักบำเรอแพร่มายังตระกูลรั่ว

ฮูหยินรองนางโค่วพึ่งตื่นขึ้นมา พอได้ยินว่าลูกสาวถูกส่งไปสำนักบำเรอ ก็เดือดดาลทะลุฟ้า และสงสารยิ่งนัก

“ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า โดนส่งตัวไปสถานที่ชั้นต่ำอย่างสำนักบำเรอ ใครมันชั่วร้ายเพียงนี้? ตอนนี้ข้าจะไปขอร้องนายท่าน ต่อให้ตาย ข้าก็จะช่วยนางออกมาให้ได้!”

สำนักบำเรอนั้นเป็นสถานที่ลูกสาวขุนนางที่ทำผิดโดนขายไป มักทำแต่งานชั้นต่ำที่สุด และยังต้องเอาอกเอาใจให้บุรุษพึงพอใจ ไม่ต่างอะไรกับนางโลมเลย พอคิดว่าลูกสาวที่ตนฟูมฟักมาหลายปีต้องโดนส่งไปที่แบบนั้น นางโค่วโกรธจนหน้ามืดและเป็นลมสลบไปอีก

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท