จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 924 คืนนี้ให้ข้ามาคอยปรนนิบัติท่าน
ชางหลันเย่อยู่ในสระน้ำพุร้อนกำลังปิดตาและปรับลมหายใจ เมื่อได้ยินเสียงน้ำข้างหลัง เขาก็แค่คิดว่ารั่วชูกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ จึงไม่ได้สนใจและไม่ได้ลืมตาด้วย
จื่อยีเดินเข้าไปทีละก้าว ในใจรู้สึกตื่นเต้นมาก นางใช้ความพยายามอย่างมากถึงได้รับข่าวสารว่าคืนนี้ฝ่าบาทจะแช่ตัวในน้ำพุร้อน นางจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆเช่นนี้ไปโดยธรรมชาติ
จื่อยีรวบรวมความกล้าหาญ ยื่นมือไปแตะไหล่ของชางหลันเย่ และจงใจใช้ปลายนิ้วสีขาวของตนไปลูบผิวของเขา
นางบังเอิญมองเห็นรอยแผลเป็นบนหลังของชางหลันเย่ ซึ่งเป็นรอยแผลเป็นที่ไม่มีกฎเกณฑ์และสลับซับซ้อนไปทั่ว ทำให้จื่อยีตัวสั่นด้วยความตกใจและพยายามสงบสติอารมณ์
นางยื่นมือออกไปและกอดชางหลันเย่จากด้านหลัง “ฝ่าบาท ข้าคิดถึงท่านมาก คืนนี้ให้ข้ามาคอยปรนนิบัติท่านได้ไหม”
เสียงที่อ่อนหวานจนชวนให้เกิดอาการชา ทำให้หัวใจของผู้ฟังต้องตื่นเต้นไปหมด
แต่น่าเสียดายที่ชางหลันเย่ไม่ได้เป็นคนธรรมดา
สิ้นเสียงพูด สีหน้าของชางหลันเย่ก็มีความเย็นชาราวกับบึงน้ำที่เย็นเยือกในชั่วพริบตาเดียว และในวินาทีต่อมา เขาสะบัดมือที่รัดเอวของตนนั้นออกอย่างแรง แล้วก็หันกลับมาและบีบคอของจื่อยีจวิ้้นจู่ไว้
จื่อยีจวิ้้นจู่ตื่นตกใจไปหมด และมองชางหลันเย่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างงงงัน ใบหน้าที่ขมุกขมัวของเขาราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด นัยน์ตาสีดำกลายเป็นสีแดง เย็นเยือก เฉียบคม ดุร้ายราวกับงูพิษ และกำลังจ้องมองนางอย่างเย็นชา ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตกใจ
อากาศโดยรอบก็หนาวเย็นติดลบศูนย์องศาฯด้วยซ้ำ ทำให้จื่อยีตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
นางไม่เคยเห็นชางหลันเย่เผยสายตาที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน สายตานั้นราวกับพญามัจจุราชที่อยู่ในนรก ไม่มีความอบอุ่นหรืออารมณ์ใดๆ และมองนางเหมือนกับว่านางเป็นคนตาย
ชางหลันเย่ใส่แรงขึ้นโดยพลัน จนทำให้จื่อยีไออย่างรุนแรง และรู้สึกหายใจไม่ออกในชั่วขณะ นางพยายามดิ้นรนภายใต้จิตสำนึกเพื่อสะบัดมือของชางหลันเย่ แต่ชางหลันเย่กลับจับนางไว้แน่น ทำให้นางไม่สามารถหนีไปได้
“ฝ่าบาท ปล่อยข้า แค่กๆ ปล่อย——” จื่อยีพูดอย่างอ่อนแรง
ชางหลันเย่มองนางอย่างเย็นชา “ข้าเกลียดผู้หญิงที่จงใจเข้าใกล้ข้ามากที่สุด ในเมื่อเจ้าอยากหาที่ตาย ข้าก็ยินยอมที่จะช่วยให้สมหวัง!”
พร้อมกับเสียงหึอย่างเย็นชา ชางหลันเย่ใส่แรงมากขึ้น
จื่อยีจวิ้้นจู่หายใจหอบลึก เริ่มจะหมดสติไป ในขณะนี้นางรู้สึกเสียใจจริงๆ เสียใจที่นางมายั่วยวนชางหลันเย่
เริ่มแรกนางคิดว่าทำแบบนี้ก็จะได้รับโปรดปรานจากฝ่าบาท แต่ไม่ได้นึกว่าสุดท้ายจะเป็นการยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตนเอง
เมื่อจื่อยีจวิ้้นจู่กลอกตาและแทบจะถูกบีบคอตาย รั่วชูก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอกและรีบห้ามปรามทันทีว่า “ฝ่าบาท อย่าฆ่านางเลย นางเป็นลูกสาวคนเดียวของเหลียนซานอ๋อง ถ้าฆ่านางตายแล้วเหลียนซานอ๋องจะไม่ปล่อยท่านไปแน่”
“เป็นแค่เหลียนซานอ๋องเอง มันไม่ได้อยู่ในสายตาของข้าหรอก!” ชางหลันเย่แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา และทิ้งจื่อยีจวิ้้นจู่ออกจากสระน้ำพุร้อนโดยตรง
“อา!” ด้วยเสียงกรีดร้อง จื่อยีจวิ้้นจู่ถูกทิ้งขว้างออกไปตั้งหลายเมตร และล้มลงบนพื้นอย่างแรง ใบหน้าของนางซีดด้วยความเจ็บปวด
จื่อยีจวิ้้นจู่รู้สึกละอายใจมากจนแทบอยากจะถ้ำดินและหลบเข้าไป ฝ่าบาททำให้นางต้องขายหน้าเช่นนี้ ฆ่านางตายโดยตรงยังดีกว่า
“ไสหัวไปเลย ถ้าข้าเห็นหน้าเจ้าในเมืองหลวงอีก เหลียนซานอ๋องก็ต้องรอเก็บศพเจ้าแล้ว!” ชางหลันเย่ตะโกนอย่างดุร้าย
“ขอบคุณฝ่าบาทที่ไว้ชีวิตข้า!” จื่อยีจวิ้้นจู่ตกใจกลัวสุดขีด ลุกขึ้นจากพื้นโดยไม่ใส่ใจความเจ็บปวด นางหยิบเสื้อผ้าที่พื้นและคลุมตัวอย่างมั่วๆก็หนีออกจากที่นี่โดยไม่ทันที่จะสวมใส่ให้ดีๆแล้ว
รั่วชูมองไปที่นางผู้ที่ตกอยู่ในสภาพที่น่าอึดอัดไม่เรียบร้อยด้วยสีหน้าสงบโดยไม่มีความเห็นแก่ใจแม้แต่น้อย
“เจ้าสำนึกผิดหรือยัง!” ชางหลันเย่แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา
รั่วชูสะดุ้งตกใจจึงรีบคุกเข่าลง “ฝ่าบาท โปรดยกโทษให้บ่าวด้วย บ่าวสำนึกผิดแล้ว แต่ว่าจื่อยีจวิ้้นจู่ยืนกรานที่จะพบท่าน บ่าวไม่สามารถห้ามได้”
ดวงตาสีดำเข้มของชางหลันเย่มองรั่วชูปราดหนึ่งอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “อย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!”
แววตานั้นทำให้รั่วชูตกตะลึง สายตาของฝ่าบาทแหลมคมเหลือเกิน ราวกับว่ามองปราดเดียวก็สามารถอ่านหัวใจของผู้คนได้
นางรีบยอมรับผิด “เพคะ บ่าวจะสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
“เอาล่ะ ถอยไปเถอะ” ชางหลันเย่เอ่ย
“เพคะ!”
สระน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้งแล้ว ชางหลันเย่มองแสงจันทร์สว่างไสวตกลงบนผิวน้ำ มีระลอกคลื่นเคลื่อนไปมา ทันใดนั้น ใบหน้าของหยุนถิงแวบเข้ามาในใจของเขา
ไม่รู้ว่าตอนนี้หยุนถิงได้กลับไปถึงแคว้นต้าเยียนยัง และได้รับของขวัญที่ข้าสั่งให้คนส่งไปให้ยัง
ส่วนพวกหยุนถิงและจวินหย่วนโยวได้กลับมาถึงจวนซื่อจื่อในหลายวันให้หลัง จวนซื่อจื่ออันกว้างใหญ่สุกครึกครื้นขึ้นทันที พ่อบ้านจัดเตรียมอาหารด้วยตนเอง จวินเสี่ยวเหยียนและจวินเสี่ยวเทียนได้ซื้อของขวัญมากมายสำหรับทุกคน และกำลังแจกของขวัญในลานบ้านด้วย ทั่วจวนซื่อจื่อเปี่ยมไปด้วยความสุข
“ซื่อจื่อเฟย ที่เป็นสิ่งของที่ชางหลันเย่สั่งคนส่งมาให้ ท่านและซื่อจื่อไม่อยู่ พวกกระหม่อมไม่ได้เปิดมัน จึงไม่รู้เลยว่าข้างในคืออะไร” มีองครักษ์คนหนึ่งยกกล่องใหญ่อันหนึ่งมาให้
หยุนถิงประหลาดใจเล็กน้อย “ชางหลันเย่หรือ เปิดมาดูสิ”
“ขอรับ!” องครักษ์คนนั้นรีบเปิดกล่อง
ข้างในเป็นหยกเจไดต์ที่มีขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง แต่มันแตกต่างจากหยกทั่วไป มีร่องรอยที่เป็นเส้นอยู่ในหยกนั้น เมื่อสูดดมใกล้ๆจะได้กลิ่นหอมจางๆด้วย
ทันใดนั้น หยุนถิงรู้สึกทั้งดีใจและแปลกใจ “นี่เป็นหยกยาพันปีที่หายากมาก ไม่เคยคิดเลยว่าชางหลันเย่สามารถหามันจนได้ ฝากขอบคุณเขาด้วย”
“ขอรับ!”
“ถิงเอ๋อร์หยกยานี้คืออะไรนะ” จวินหย่วนโยวมองอย่างอยากรู้อยากเห็น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าในโลกนี้มีของแบบนี้ด้วย
“หยกยาเป็นสิ่งประดิษฐ์เสริมที่ยอดเยี่ยมมาก มันสามารถบำรุงหัวใจ บำรุงพลังชี่ และทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ พูดง่ายๆก็คือ ถ้ามีหยกยาอยู่กับตัว แม้ว่าจะเป็นคนที่ใกล้จะตายก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามวัน” หยุนถิงตอบ
จวินหย่วนโยวเลิกคิ้ว “ชางหลันเย่รู้ได้อย่างไรว่าในโลกนี้มีของแบบนี้ด้วย”
เพราะขนาดเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
“ข้าเป็นคนบอกเขาในเมื่อก่อน ข้าพูดถึงมันในการคุยเรื่อยเปื่อยครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าเขายังจำมันได้ ด้วยหยกยานี้ การผ่าตัดของเซ่อเจิ้งอ๋องก็มีโอกาสสำเร็จมากขึ้นแล้ว” หยุนถิงตอบ
เมื่อกู้จิ่วเยวียนผู้ที่ตามพวกเขากลับมามองเห็นหยกยาที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ก็ค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ เขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องหยกยา แต่แปลกใจกับเรื่องที่ชางหลันเย่เอาใจใส่หยุนถิงขนาดนี้ต่างหาก
แต่มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ตอนนั้นชางหลันเย่สามารถออกจากแคว้นต้าเยียนโดยมีชีวิตอยู่ได้ ก็เป็นเพราะมีความช่วยเหลือจากหยุนถิง
“อย่างนั้นหรือ ขอบคุณซื่อจื่อเฟย”
“ท่านพี่ ท่านพี่เขยซื่อจื่อ พวกท่านกลับมาแล้ว!” มีเสียงที่เบิกบานของสองคนดังขึ้น เป็นหยุนซูและหยุนหลีนั่นเอง
เมื่อได้ยินว่าพวกท่านพี่ใหญ่ได้กลับมา หยุนซูก็ลากหยุนหลีวิ่งมาหาโดยตรง
“พวกเจ้ามาแล้ว มาให้พี่ดูหน่อยสิ ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม” หยุนถิงถามอย่างปลื้มใจ
“แน่นอนเลยว่าพวกเราสบายดี ข้าและท่านอากลับมาจากเขตทะเลนิรนาม จากนั้นท่านอาก็ช่วยข้าเปิดร้านขายอาวุธสองแห่ง ทำเงินได้มากมายทุกวัน และตอนนี้ท่านอาช่วยดูแลร้านให้ข้า ข้าจึงว่างสบายมากเลย” หยุนหลีตอบ
“ฝากเสวี่ยเชียนโฉวดูแลร้าน เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะเชิดเงินของเจ้าหนีไปหรือ” หยุนถิงถามอย่างตั้งใจ
“เขาจะกล้าหรือ ท่านอาเพิ่งให้ทรัพย์สินทั้งหมดภายใต้ชื่อของเขาแก่ข้าในเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าบอกแล้วว่าไม่เอา แต่เขายืนกรานจะให้ข้า ข้าเลยรับมันไว้ ถ้าเขากล้าแอบซ่อนเงิน ข้าจะตีให้ขาของเขาหัก” หยุนหลีพูดอย่างอวดดี
หยุนถิงแปลกใจเล็กน้อย “เสวี่ยเชียนโฉวใจกว้างขนาดนี้ เขากำลังวางแผนจะ——-”
“เจ้าจะตีขาใครหักนะ!” เสียงที่เย็นชาและมีความไม่พอใจแฝงอยู่ดังมาจากข้างหลัง
มีชายคนหนึ่งในชุดสีขาวที่ขาวกว่าหิมะอีกเดินเข้ามา ท่าทางสง่างาม บุคลิกสงบ และหล่อเหลาเย็นชา เขาก็เป็นสวี่ยเชียนโฉวนั่นเอง