จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 930 ข้าอุ้มเจ้ากลับไป
หยุนถิงมองดูนางที่ใบหน้าเต็มไปความเหนื่อยล้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางที่ไม่เหลือภาพลักษณ์เลยแม้แต่น้อย ก็รีบเอ่ยปากทันที “วางใจเถอะ การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คืนนี้บางทีอาจจะมีสัญญาณการเป็นไข้ นี่เป็นเรื่องปกติมาก ผ่านคืนนี้ไปแล้วหากสามารถตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ ก็ปลอดภัยแล้ว”
“ช่างดีจริงๆ ขอบคุณเจ้ามากหยุนถิง ขอบคุณ!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กอดนางเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้องเกรงใจ ความจริงใจของเขาทำให้ข้าประทับใจ!” หยุนถิงตอบ
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ปล่อยนางทันที “เจ้าช่วยเสด็จอาเก้าของข้าเอาไว้ ต่อไปก็คือผู้มีพระคุณของข้าเริ่นเซวียนเอ๋อร์ ขอเพียงเจ้าต้องการความช่วยเหลือแค่บอกข้าคำหนึ่ง ข้าจะใช้กำลังทั้งหมดของแคว้นเทียนจิ่วให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน!”
“ตกลง ข้าจำเอาไว้แล้ว”
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าสามารถไปเยี่ยมเสด็จอาเก้าหรือไม่?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบถามทันที
หยุนถิงมองดูนางครู่หนึ่ง แล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ได้ ร่างกายของเจ้าสกปรกเกินไป มันจะมีแบคทีเรีย กู้จิ่วเยวียนเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จจำเป็นต้องระวังอย่างยิ่ง มิเช่นนั้นติดเชื้อขึ้นมาผลที่ตามมาร้ายแรงจนไม่อยากจะคิด”
“เช่นนั้นข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงแม้จะได้เห็นเสด็จอาเก้าไกลๆครู่หนึ่งข้าก็พอใจแล้ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าวขึ้นมาทันที
หยุนถิงพยักหน้า “ไปเถอะ”
“ตกลง ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก้าวเท้าก็จากไป “รั่วจิ่ง รีบพาข้าไปอาบน้ำเร็วเข้า”
รั่วจิ่งเบะปาก “ท่านอย่าพูดจาส่งเดช ข้าเป็นคนมีครอบครัวแล้ว ข้าให้คนอื่นพาท่านไป” พูดจบก็วิ่งหนีไปทันที
“อย่าหนีนะ เจ้ารอข้าก่อน ข้าก็แค่จะให้เจ้านำทางเท่านั้น” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไล่ตามไปโดยตรง
หยุนถิงยิ้มออกมาอย่างจนใจ เริ่นเซวียนเอ๋อร์คนนี้เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นแล้วยังอารมณ์ร้อนเช่นนี้อีก สมเป็นนางจริงๆ
“ถิงเอ๋อร์ลำบากแล้ว ข้าพาเจ้าไปพักผ่อน” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความเอ็นดูสงสาร
“ตกลง” หยุนถิงพยักหน้า
“ในเมื่อการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี เช่นนั้นข้าก็ควรไปแล้ว” โม่เหลิ่งเหยียนเดินเข้ามา
“ซวนอ๋อง ท่านยังอยู่อีกหรือ ในเมื่อมันเย็นขนาดนี้แล้ว ถ้าอย่างไรอยู่กินข้าวเย็นก่อนเถอะ ข้ารับปากเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนว่าจะทำเนื้อย่างให้พวกเขา” หยุนถิงเสนอแนะ
“ไม่ล่ะ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเถอะ เนื้อย่างกินวันไหนก็ได้ทั้งนั้น” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวจบ ก็หันหลังจากไป
หยุนถิงมองดูแผ่นหลังของเขา ลึกๆในใจรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก
นาทีต่อมา จวินหย่วนโยวก็อุ้มหยุนถิงขึ้นมาในแนวนอน “ข้าอุ้มเจ้ากลับไป”
“ลำบากท่านพี่แล้ว” ขณะที่พูด หยุนถิงก็อิงแอบเข้าไปในอ้อมแขนของจวินหย่วนโยว
วันนี้สภาพจิตใจประหม่าสุดขีด นางต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด หมอยมบาลกับท่านเหอก็เป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น นางรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ
จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงกลับไปในห้องโดยตรง เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดชุดนั้นให้นางด้วยตัวเอง แล้วก็ให้บ่าวรับใช้ตักน้ำร้อนมาเช็ดทำความสะอาดให้นาง
หยุนถิงเพียงแค่นอนอยู่บนเตียงนอนอยู่อย่างนั้น หลับตาลงและปล่อยให้จวินหย่วนโยวช่วยนางเช็ดหน้าเช็ดมือ
รู้สึกถึงอุณหภูมิที่อบอุ่นนั่น ไม่นานนักหยุนถิงก็ผล็อยหลับไป
มองดูความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของนาง จวินหย่วนโยวรู้สึกเอ็นดูสงสารอย่างมาก
จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนไม่เห็นท่านแม่ทั้งวัน เจ้าเด็กน้อยสองคนวิ่งเข้ามาทันที แต่แล้วก็เห็นท่านพ่อกำลังเช็ดมือให้ท่านแม่อยู่
“ท่านพ่อ ท่านแม่เป็นอะไรไปหรือ?” จวินเสี่ยวเทียนถามอย่างรู้เดียงสา
“ไม่เป็นไร ท่านแม่ของพวกเจ้าเหนื่อยแล้ว นางต้องพักผ่อน อาหารเย็นพวกเจ้ากินกับท่านย่าฟู่เถอะ รอให้ท่านแม่พักผ่อนเสร็จแล้วพรุ่งนี้ค่อยทำของอร่อยให้พวกเจ้า” จวินหย่วนโยวอธิบายอย่างอ่อนโยน
“ข้ารู้ ท่านแม่ช่วยผ่าตัดให้ท่านอากู้คนนั้น เช่นนั้นเราไม่รบกวนท่านแม่แล้ว ให้ท่านแม่พักผ่อนดีๆ” จวินเสี่ยวเหยียนกล่าวอย่างเป็นเด็กดี
“เสี่ยวเหยียนช่างรู้เดียงสาจริงๆ เสี่ยวเทียนก็ดีมากเช่นกัน พวกเจ้าเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อทั้งคู่เลย”
“ท่านพ่อ ข้าก็ชอบท่านเช่นกัน” ขณะที่พูด ใบหน้าเล็กของจวินเสี่ยวเหยียนก็เข้ามาจูจุ๊บบนแก้มของจวินหย่วนโยวหนึ่งที
จวินหย่วนโยวชะงักงันไป จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็กลัวจะทำให้หยุนถิงตื่น ไม่กล้าส่งเสียงดังเกินไป มุมยกขึ้นสูงอย่างมีความสุข
ดูเหมือนว่าตั้งแต่เสี่ยวเหยียนถูกคนของสำนักหิมะที่แคว้นเป่ยลี่จับตัวไปครั้งนั้น เสี่ยวเหยียนกับตัวเองก็ใกล้ชิดกันไม่น้อย นี่ทำให้จวินหย่วนโยวพึงพอใจอย่างมาก
“ท่านพ่อ ข้าก็รักท่านเช่นกัน” จวินเสี่ยวเทียนเข้ามาใกล้และจุ๊บแก้มอีกข้างของจวินหย่วนโยว
“พ่อรักพวกเจ้าที่สุดเลย พวกเจ้าล้วนเป็นเด็กดีทั้งคู่” จวินหย่วนโยวจูงมือลูกสองคนเอาไว้ หัวใจทั้งดวงละลายหมดแล้ว
เพียบพร้อมไปด้วยลูกชายลูกสาวเช่นนี้ วันเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข ช่างดีจริงๆ
ทางด้านนี้ เริ่นเซวียนเอ๋อร์ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดในการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่แต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็มุ่งหน้าไปที่เรือนไผ่ในลานหลัง ครั้งนี้ไม่มีใครขัดขวางนางได้อีก
“อาจารย์” เริ่นเซวียนเอ๋อร์มองไปทางท่านเหอที่ยืนอยู่หน้าประตู และเรียกด้วยความเคารพนบนอบ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่านังหนูอย่างเจ้าจะต้องรีบมาแน่นอน หาได้ยากที่กู้จิ่วเยวียนจะเดิมพันเพื่อเจ้าในครั้งนี้ รีบตามข้ามาเถอะ” ท่านเหอพาเซวียนเอ๋อร์ไปที่เรือนที่อยู่ด้านข้างทันที ให้นางสวมชุดปลอดฝุ่นเสร็จเรียบร้อยถึงได้พานางเข้าไปในห้องผ่าตัด
ในตอนที่เห็นกู้จิ่วเยวียนที่นอนหมดสติอยู่ในเรือน หัวใจทั้งดวงของเริ่นเซวียนเอ๋อร์บิดกันเป็นก้อน รู้สึกปวดใจจนเบ้าตาแดงก่ำในทันที
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่มีเวลาสนใจมองดูอุปกรณ์ทางการแพทย์เต็มเรือนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นเลย เวลานี้จ้องมองดูใบหน้าของกู้จิ่วเยวียนอย่างไม่ละสายตา
กู้จิ่วเยวียนในเวลานี้ไม่มีความสุภาพอ่อนโยนอย่างในเวลาปกติ นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัด สีหน้าซีดขาว ลมหายใจอ่อนแอ ร่างกายก็ยิ่งถูกห่อหุ้มด้วยผ้าโปร่งสีขาว ยังมีสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนห้อยอยู่ข้างมือ กำลังหยดลงมาทีละหยดทีละหยด
“เสด็จอาเก้า ข้าคือเซวียนเอ๋อร์ ท่านได้ยินที่ข้าพูดไหม” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เอ่ยปากเสียงเบา
“เขายังอยู่ในช่วงหมดสติ ในเมื่อเจ้ามาแล้วคืนนี้เจ้าก็เป็นคนดูแลเขาเถอะ คนแก่อย่างข้าเหนื่อยมาทั้งวันยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว” ท่านเหอกล่าว
“ได้ อาจารย์โปรดวางใจ ข้าจะดูแลเสด็จอาเก้าเป็นอย่างดีแน่นอน”
ท่านเหอบอกสิ่งที่ต้องระวังและวิธีจัดการกับการเป็นไข้ออกมาทันที มันแตกต่างไปจากวิธีที่พวกเขาจัดการในเวลาปกติอย่างมาก เริ่นเซวียนเอ๋อร์จดทุกอย่างเอาไว้อย่างละเอียด ท่านเหอถึงได้จากไป
ห้องผ่าตัดที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงเริ่นเซวียนเอ๋อร์กับกู้จิ่วเยวียนสองคนเท่านั้น
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่ได้อีก ไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก นางรีบเช็ดให้แห้งทันที กลัวว่าน้ำตาของตัวเองจะหยดลงไปบนตัวของกู้จิ่วเยวียน
“เสด็จอาเก้าท่านนี่มันโง่เขลาจริงๆ ทำไมถึงไม่บอกข้า ทำไมถึงไม่อธิบายทุกอย่างนี้ให้ข้าฟัง ความเสี่ยงที่สูงขนาดนี้ท่านไม่เขียนจดหมายบอกข้าเลยด้วยซ้ำ หากท่านเป็นอะไรไปข้าควรจะทำอย่างไร
โชคดีที่คนที่ท่านหาคือหยุนถิง และโชคดีที่การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา ท่านทนแข็งใจทิ้งข้าเอาไว้คนเดียวได้จริงหรือ
หากไม่ใช่หยุนถิงบอกข้า ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านถึงกับตัดสินใจเช่นนี้ลับหลังข้า ท่านนี่มันช่างเลอะเลือนจริงๆ ทำไมถึงไม่หารือกับข้า ทำไมต้องแบกรับทุกอย่างนี้เอาไว้คนเดียว
แต่ว่าโชคดีที่เป็นหยุนถิง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถึงแม้ข้าจะไม่กินไม่นอนก็ต้องรีบมาขัดขวางท่านให้ได้
รอให้ท่านตื่นขึ้นมาเราสองคนจะแต่งงานกัน หากท่านยังกล้าปฏิเสธข้าอีก ข้าก็จะมัดตัวท่านกลับไป กักขังเอาไว้ในพระราชวัง ห้ามไม่ให้ท่านจากข้าไปตลอดชีวิต”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าวคำพูดที่ซ่อนอยู่ในใจลึกๆทีละคำทีละประโยค ร้องไห้อยู่ดีๆก็หัวเราะ หัวเราะอยู่ดีๆก็ร้องไห้อีก ซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้
ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าระหว่างทางที่รีบมานี้นางกลัวมากเพียงใด กลัวว่ากู้จิ่วเยวียนจะเป็นอะไรไป กลัวว่าการผ่าตัดจะล้มเหลว บนจดหมายหยุนถิงเขียนเอาไว้ว่ามีความมั่นใจเพียงแค่ร้อยละห้าสิบเท่านั้น เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการเดิมพันชีวิต
ระหว่างทางที่มาเริ่นเซวียนเอ๋อร์ภาวนาในใจตลอดเวลา ขออย่าให้เสด็จอาเก้าเป็นอะไรไปเลย นางอยากให้เขามีชีวิตอยู่อีกสิบปี แต่ก็ยิ่งไม่หวังให้เขาเป็นอะไรไป ถ้าหากสามารถแลกด้วยชีวิตของนาง นางยอมที่จะไม่เอาสิบปีนั้น
โชคดีที่ สำเร็จแล้ว
ในตอนกลางดึก กู้จิ่วเยวียนก็เป็นไข้จริงๆ