จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 936 ท่านแม่ ข้าอยากลองดู

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 936 ท่านแม่ ข้าอยากลองดู

“เหลวไหล ข้าจะแพ้เจ้าได้อย่างไร วิธียั่วยุใช้ไม่ได้ผล ข้าไม่เข้าร่วมหรอก” โม่ฉีเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา

จี้อวี๋หันหลังมองไปทางฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ขอให้แม่ทัพโม่เข้าร่วมได้หรือไม่ ข้าอยากเห็นความสามารถที่แท้จริงของแม่ทัพแห่งแคว้นต้าเยียน ส่วนความปลอดภัยของฝ่าบาทมีแม่ทัพหยุนกับซวนอ๋องอยู่ คิดว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”

ฮ่องเต้มองพิจารณาจี้อวี๋ครู่หนึ่ง “ในเมื่อเจ้าอยากประลองกับโม่ฉีเฟิง เช่นนั้นฉีเฟิงเจ้าก็เข้าร่วมเถอะ ให้จี้อวี๋ได้เห็นความสามารถของเจ้า!”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” โม่ฉีเฟิงรับคำสั่ง

“เช่นนั้นก็เริ่มกันเลย” ฮ่องเต้ตรัส

คนอื่นๆรับเสบียง ขึ้นหลังม้าและเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์ทันที

หยุนเฉิงเซี่ยงกับซูชิงโยวก็พาลูกๆเร่งเดินทางมาเช่นกัน “กระหม่อมคำนับฝ่าบาท!”

“หยุนเฉิงเซี่ยงมาแล้วหรือ ช่างหาได้ยากจริงๆ รีบมาอยู่เป็นเพื่อนข้าเร็ว มีเจ้าอยู่ด้วยข้าจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความพอพระทัย

“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว” หยุนเฉิงเซี่ยงคำนับทันที

“ไม่ต้องมากพิธี ตามสบายก็พอ ข้าไม่ได้เล่นหมากรุกกับเจ้านานมากแล้ว เรามาเล่นกันสักเกมหนึ่ง” ฮ่องเต้เสนอแนะ

“กระหม่อมยินดีอย่างยิ่ง”

ขันทีน้อยหยิบกระดานหมากรุกมาจัดวางเสร็จสรรพ หยุนเฉิงเซี่ยงกับฮ่องเต้ก็เริ่มเล่นกันขึ้นมา

“ท่านพี่ เราพาพวกเด็กๆไปเล่นตรงพื้นที่โล่งตรงนั้นกันเถอะ” หยุนถิงกล่าว

“ตกลง!”

จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงและคนอื่นๆพาพวกเด็กๆไปที่พื้นที่โล่งกว้างด้านข้าง พวกเด็กๆชอบใจอย่างยิ่ง นี่เป็นการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงครั้งแรกของพวกเขา ก็ย่อมต้องคาดหวังเป็นธรรมดา

“ท่านพ่อท่านแม่ เราล่าสัตว์ได้ไหม เราก็อยากเล่นด้วยจริงๆ?” จวินเสี่ยวเทียนเอ่ยปาก

“ใช่แล้วท่านแม่ ข้าก็อยากเล่นเช่นกัน” จวินเสี่ยวเหยียนคล้อยตาม

หยุนถิงมองดูลูกทั้งสองครู่หนึ่ง “ในเมื่อพวกเจ้าอยากเล่น ก็ไปเล่นเถอะ แต่ว่าเล่นได้แค่ในบริเวณพื้นที่โล่งกว้างนี้เท่านั้น ห้ามเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์”

“ขอบคุณท่านแม่มาก” จวินเสี่ยวเทียนกล่าวอย่างมีความสุข รีบไปหยิบธนูไร้หัวทันที

“ข้าก็เข้าร่วมกับพวกเจ้าด้วย” หยวนเป่าตามเข้าไป

“ลูกแม่เจ้าระวังหน่อยนะ อย่าไปทำให้จวิ้นจู่น้อยกับซื่อจื่อน้อยบาดเจ็บเด็ดขาดนะ” หลู่หวางเฟยตกใจจนรีบเอ่ยปากทันที

“หลู่หวางเฟยวางใจเถอะ เด็กๆเล่นสนุกเป็นเรื่องปกติมาก” หยุนถิงกล่าวปลอบใจ ในใจกลับคิดว่าหยวนเป่าของเจ้าอย่าถูกตีจนร้องไห้ก็พอ

ไม่ไกลออกไปแม่ทัพโหวพาอี้หมิงมาด้วยเช่นกัน อี้หมิงเป็นเด็กที่โตที่สุดในกลุ่ม เขากับหยุนซือถิงเข้าร่วมทันที

เด็กๆทั้งหลายรับลูกธนูไร้หัว ก็เล่นกันด้วยท่าทางที่สมจริง

“น้องเสี่ยวเหยียนไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” หยวนเป่ากล่าวอย่างมีคุณธรรม

แต่แล้วจวินเสี่ยวเหยียนก็ยิงธนูไปที่บั้นท้ายของหยวนเป่า หยวนเป่าตกตะลึงไปในทันที

“เสี่ยวเหยียน เจ้ายิงข้าทำไมเนี่ย?”

“ท่านแม่บอกแล้วว่านี่เรียกว่าการทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย ในเมื่อเราเป็นศัตรูกัน ย่อมต้องยิงเจ้าเป็นธรรมดา” จวินเสี่ยวเหยียนอธิบาย

หยวนเป่าทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?”

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว อนาคตเมื่อเราไปที่สนามรบ ศัตรูไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กับเจ้าหรอก” จวินเสี่ยวเหยียนกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง

“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก” หยวนเป่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

หยุนถิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปมองด้วยความปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง “นังหนูน้อยคนนี้เรียนรู้ถึงแก่นแท้แล้วจริงๆ”

“ลูกสาวของเจ้ากับข้า ย่อมไม่ด้อยอยู่แล้ว!” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความพึงพอใจ

ถึงแม้หลู่หวางเฟยจะเห็นลูกชายพ่ายแพ้ แต่เห็นเขาเข้าใจหลักเหตุผลแล้ว ก็รู้สึกปลื้มใจอย่างยิ่งเช่นกัน

“เรามาเล่นกันต่อเถอะ” หยุนซือถิงตะโกนเสียงดัง เด็กๆทั้งหลายก็เล่นกันต่อ

โม่ฉือหานมาสายเพราะต้องดูแลลูก เมื่อเขาได้ยินกฎการแข่งขัน และเห็นเด็กๆที่เล่นกันในพื้นที่โล่งด้านข้าง ความคิดวกไปวนมาเป็นพันๆครั้ง

หลายปีก่อนพวกเขาก็เคยเล่นเช่นนี้มาก่อน ในเวลานั้นพวกเขาล้วนยังคิดวางแผนทำร้ายกันและกัน ไม่พอใจกัน ต่างคนต่างมีแผนร้าย ตอนนี้เวลาผ่านไปหลายปี ทุกคนล้วนเป็นพ่อเป็นแม่คนกันหมดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเห็นเด็กๆที่อยู่ตรงหน้า โม่ฉือหานรู้สึกเพียงสรรพสิ่งยังเหมือนเดิมแต่คนได้เปลี่ยนไปแล้ว

“เด็กๆเล่นกันจะไปมีความหมายอะไร ถ้าอย่างไรให้พวกเขาเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์ดีกว่า ข้าอยากจะเห็นว่าเด็กๆที่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวสอนออกมามีความสามารถมากแค่ไหน” โม่หลานที่มาถึงเสนอแนะขึ้นมาทันที

“เจ้าน่ะหุบปากไปเลย อย่าสร้างปัญหา หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจวินหย่วนโยวจะไม่ฟันเจ้าให้ตายในหนึ่งฝ่ามือหรือ” เฉินอ๋องรีบห้ามทันที

“ให้องครักษ์เงามังกรปกป้องอย่างลับๆก็พอแล้ว” โม่หลานเอ่ยปาก

“ท่านแม่ ข้าอยากไปลองดู” จวินเสี่ยวเทียนกระซิบเสียงเบา

“พวกเขายังเด็กขนาดนี้ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นล่ะ รอให้โตอีกหน่อยค่อยว่ากันเถอะ” ซูชิงโยวกล่าวด้วยความเป็นห่วง

เมื่อหยุนเฉิงเซี่ยงที่เล่มหมากรุกอยู่ได้ยินคำพูดนี้ ก็คัดค้านทันที “ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากแก้วตาดวงใจของข้าหกล้มหกข้างขึ้นมาล่ะ”

“หยุนเฉิงเซี่ยงเจ้านั่งลง เรื่องของเด็กๆก็ให้หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวตัดสินใจเถอะ” ฮ่องเต้ตรัสห้าม

“พ่ะย่ะค่ะ” ในใจหยุนเฉิงเซี่ยงคาดหวังว่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวอย่าได้รับปากเด็ดขาด

แต่แล้วก็เห็นหยุนถิงเดินไปทางลูกทั้งสอง “พวกเจ้าจะเข้าไปลองจริงหรือ ข้างในมันอันตรายมาก แถมยังมีแต่ผู้ใหญ่ ทันทีที่พวกเจ้าเข้าไปนั่นก็คืออยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเขา พวกเขาจะไม่ออมมือให้พวกเจ้าเพียงเพราะว่าพวกเจ้าเป็นเด็ก บางทีพวกเจ้าเพิ่งจะเข้าไปก็อาจจะตกรอบก็ได้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้พวกเจ้าก็ต้องการจะลองใช่ไหม?”

จวินเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างแรง “ท่านแม่ ข้าอยากจะลองดู ถึงแม้จะล้มเหลวข้าก็ไม่กลัว”

“ข้าก็เหมือนกัน” จวินเสี่ยวเหยียนคล้อยตาม

“ตกลง ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะลอง เช่นนั้นก็ไปลองดู พวกเจ้าทุกคนรวมกันเป็นกลุ่มหนึ่ง ให้หลงเอ้อกับหลงซานและคนอื่นๆปกป้องพวกเจ้าอย่างลับๆ หากตกรอบหรือได้รับบาดเจ็บก็ให้พวกเขาพาพวกเจ้ากลับมา ห้ามอวดดีเด็ดขาด” หยุนถิงกล่าวกำชับ

“ตกลง ท่านแม่” เด็กสองคนโห่ร้องด้วยความดีใจ

“พี่หญิงใหญ่ข้ากับเสี่ยวอันจื่อไปพร้อมกับพวกเขา เช่นนี้จะได้ดูแลพวกเขาด้วย” หยุนเสี่ยวลิ่วเอ่ยปากทันที

“ลำบากพวกเจ้าสองคนแล้ว” หยุนถิงวางใจลงไม่น้อย

“ไม่ลำบาก หากสุดท้ายเด็กๆอย่างเราชนะได้ เกรงว่าต่อไปผู้ใหญ่พวกนั้นคงจะไม่มีหน้าอยู่ต่อไปแล้ว แค่คิดก็รู้สึกสนุกแล้ว” หยุนเสี่ยวลิ่วกล่าวเย้าแหย่ พาพวกเด็กๆเดินเข้าไป

“พวกเราเป็นเด็กกันทุกคน ความแข็งแกร่งทางร่างกายต้องสู้พวกผู้ใหญ่พวกนั้นไม่ได้แน่นอน ดังนั้นเราจะต้องวางแผนการ”

“น้าเล็ก แผนการอะไรหรือ?” จวินเสี่ยวเหยียนถามด้วยความสงสัย

หยุนเสี่ยวลิ่วมองดูนางครู่หนึ่ง “เสี่ยวเหยียนเจ้ากับหยวนเป่าไปล่อพวกเขา ส่วนพวกเราคอยดักซุ่มโจมตี เช่นนี้น่าจะจัดการคนสองคนได้อย่างราบรื่น”

“ตกลง!” จวินเสี่ยวเหยียนรับปากทันที จากนั้นก็จับมือหยวนเป่าเดินก้าวใหญ่เข้าไปข้างใน หยุนเสี่ยวลิ่วพาคนตามหลังพวกเขาไปอย่างเงียบๆ

เดินไปไม่ไกลเท่าไหร่ จวินเสี่ยวเหยียนกับหยวนเป่าก็เห็นคนกลุ่มคนจริงๆ มีประมาณเจ็ดแปดคน

“พวกท่านช่วยเราหน่อยได้ไหม พวกเราหลงทาง?” จวินเสี่ยวเหยียนตะโกนเสียงดัง

เมื่อคนเจ็ดแปดคนได้ยินเสียงของเด็ก พวกเขาไม่ได้สงสัย รีบเข้ามาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นจวิ้นจู่น้อยกับลูกชายของหลู่อ๋องก็สะดุ้งตกใจกันหมด

“จวิ้นจู่น้อยพวกท่านเข้ามาในป่าได้อย่างไร ที่นี่อันตรายมาก เราส่งพวกท่านกลับไปเถอะ?” มีคนเอ่ยปาก

เพียงแต่พวกเขายังไม่ทันได้ถามอะไรมาก ลูกธนูมากมายถูกยิงออกมาจากที่ลับ เพราะไม่ได้มีการเตรียมจัว คนพวกนั้นถูกกวาดล้างในทันที

พวกเขาต่างก็ตกตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“พวกเราก็มาเข้าร่วมการแข่งขันเหมือนกัน ดังนั้นพวกเจ้าตกรอบแล้ว ส่งอาหารและอาวุธออกมา!” หยุนเสี่ยวลิ่วถึงได้พาทุกคนเดินเข้ามา

“พวกเจ้า แต่พวกเจ้าเป็นเด็กกันหมดไม่ใช่หรือ?” คนคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ

“แต่พวกเจ้าก็ถูกเด็กๆอย่างพวกเราจัดการไม่ใช่หรือ!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท