โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 9

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.9 – มือปืน

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.9 – มือปืน

‘หนี! ต้องหนีไปให้ได้!’ สองประโยคนี้วนอยู่ในหัวใจของหลี่เหยาเหยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าเธอต้องการให้กำลังใจตัวเอง

อย่างไรก็ตาม พละกำลังกายยิ่งนาน ก็ยิ่งถดถอย ความเร็วของเธอค่อยๆตกลงเรื่อยๆ ต้องรู้นะว่าเธอไม่ใช่ผู้ใช้วรยุทธโบราณ ที่ครอบครองความสามารถทางกายภาพ

เบื้องหน้า ในสายตาของเธอ ร่างของ หวังไคว่ , เจียงเหวินซวน และหยูไห่ เริ่มที่จะกลายเป็นพร่ามัว

นั่นเพราะพวกเขาสับฝีเท้าวิ่งทิ้งห่างไปไกลกว่าหลายสิบเมตรแล้ว และไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวที่จะเหลียวกลับมามองเธอ

“เหยาเหยา วิ่งต่อไป ฉันจะถ่วงเวลามันเอาไว้เอง!”

ช่วงเวลาที่หลี่เหยาเหยากำลังสิ้นหวัง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทว่ามันเป็นเสียงของผู้หญิง

“เหมิงเหมิง!” หลี่เหยาเหยาหันกลับไป มองลู่เหมิงที่หยุดฝีเท้า ในเวลานี้ แม้เจ้าตัวจะมีความสูงเพียง 150 ซม. เท่านั้น แต่ภาพที่ปรากฏ เธอกลับช่างดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน

ลู่เหมิงเปิดช่องว่างมิติ พลันบังเกิดเสียงโครม! -ปืนจักรกลจากช่องว่างมิติตกลงกับพื้นดินโดยตรง

“คลิ๊ก คลิ๊ก!”

เสียงของเฟืองกล และเหล็กสีเทาเงินสาดสว่างภายใต้แสงจันทร์

แท่นจู่โจมT9 ถูกประกอบขึ้นอย่างรวดเร็ว ปากกระบอกปืนยาวเหยียด ถัดลงมาเป็นที่บรรจุกระสุน ซึ่งอัดกันแน่นราวกับรังผึ้ง

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”

กระสุนและประกายไฟปะทุขึ้น สาดสว่างไปทั่ว

“ฮูมมมม!”

ในความมืดมิด คู่แสงสีแดงร่ำไห้ ล้มลงกับพื้น เห็นได้ชัดว่าอาวุธที่น่าหวาดกลัวดังกล่าว สร้างความเสียหายให้แก่อีกฝ่ายอย่างใหญ่หลวง

ฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่ในความมืด หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ไม่เสนอหน้าออกไปทันที เพราะเกรงว่าตนเองจะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย

ฉินเฟิงตระหนักดี ว่ากลุ่มคนที่กำลังถูกไล่ล่า คือนักเรียนทั้งห้าคนที่ลงจากรถโดยสารพร้อมกันกับเขาในวันนี้

เพียงแต่ตนไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายจะโชคร้าย หรือไม่ก็คงทำเสียงดัง ประมาทเกินไป ส่งผลให้เพียงในคืนแรก ก็ดึงดูดฝูงหมาป่าเข้ามา

อย่างไรก็ตาม หากมันเป็นเพียงแค่ฝูงหมาป่าธรรมดา น่ากลัวว่าทั้งฝูงคงตกตายด้วยแท่นจู่โจมT9 วัยรุ่นสาวที่ชื่อว่าเหมิงเหมิงไปกันหมดแล้ว

“ที่แท้ก็เป็นพวกเศรษฐีเงินหนานี่เอง …”

ฉินเฟิงลอบสังเกตลู่เหมิง ด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่เช่นนี้ การจะนำมันออกมาในทุ่งล่า จำเป็นต้องมีค่ารถยนต์ขนส่งที่สูงลิ่ว นอกจากนี้ เครื่องจักรดังกล่าวก็ยังมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านเหรียญ ไหนจะยังต้องการกระสุนปริมาณมหาศาลอีก

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมา ราคาของมันก็เทียบไม่ได้เลยกับ ‘สายรัดมิติ’ ที่อีกฝ่ายพกไว้กับตัว สายรัดมิติน่ะ เพียงพื้นที่หนึ่งลูกบาศก์เมตรของมัน ราคาก็ปาเข้าไปตั้ง 5 ล้านเหรียญแล้ว ดังนั้น สายรัดที่สามารถใช้เก็บปืนจักรกลที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งลูกบาศก์เมตรแน่ๆ

ฉินเฟิงกำลังคิดว่าควรจะเฝ้ารอให้คนพวกนี้ตายๆไปดีไหม เพื่อที่ตนเองจะได้ฉกเขาของแพงๆที่สาธยายไปเมื่อครู่มา

แต่ในเวลานั้นเอง สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็ผุดออกมาจากในความมืดมิด

สิ่งมีชีวิตตัวนี้ มีความสูงกว่าสองเมตร มีร่างกายขนาดหนาคล้ายกับวัวปกติที่ไม่กลายพันธุ์ มีขนสีดำเข้ม คู่ดวงตาสีแดงฉาน กรงเล็บคมขาว สาดประกายเย็นเยียบ สะท้อนแสงในยามค่ำคืน

“นั่นมันสัตว์ร้ายระดับนายพล! หมาป่ามาสติฟ!”

ฉินเฟิงที่เพียงเห็นร่างของอีกฝ่ายจากในความมืดมิด เพียงครู่ก็ทราบได้ว่าสิ่งมีชีวิตนั่นคืออะไร

ในบรรดาสัตว์กลายพันธุ์ มันมักจะมีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปกติปะปนมาด้วยเสมอๆ โดยพวกมันจะถูกแบ่งระดับออกเป็น ทหารสัตว์ร้าย , นายพลสัตว์ร้าย , ราชันย์สัตว์ร้าย และจักรพรรดิ์สัตว์ร้าย

ทหารสัตว์ร้าย เป็นที่นิยมล่ามากที่สุดในหมู่มนุษย์ เพราะเพียงแค่ใช้ความพยายามนิดๆหน่อยก็สามารถกำจัดมันลงได้แล้ว

ทว่าสำหรับระดับนายพล จะถูกถือว่าเป็นผู้นำของเหล่าทหารสัตว์ร้าย

เมื่ออยู่ต่อหน้าหมาป่ามาสติฟ ที่เป็นถึงระดับนายพล จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมกลุ่มคนเหล่านี้ถึงได้หวาดกลัว

ห่ากระสุนจากแท่นจู่โจมสาดกระหน่ำต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะทำร้ายมันได้เลย

นั่นเพราะมันว่องไวเกินไป!

“วูซซซซ!”

หมาป่ามาสติฟโฉบไปมาอย่างรวดเร็ว มันสมองของมันมิได้ด้อยกว่ามนุษย์ หลบเลี่ยงกระสุนทุกลูก พริบตาเดียว มันก็สามารถอ้อมหลังลู่เหมิง สบโอกาสฟาดแขนเข้าใส่เธออย่างโหดร้าย

“อย่านะ!” หลี่เหยาเหยากรีดร้อง พลังธาตุที่อยู่รอบตัวเธอสั่นไหวทันใด พร้อมกับปรากฏคลื่นน้ำออกมา

ระลอกคลื่นก่อตัวเป็นกำแพงน้ำ ปกคลุมเบื้องหลังของลู่เหมิงเอาไว้

“ฟุ่ม—”

กรงเล็บของหมาป่ามาสติฟฉีกผ่านกำแพงป้องกันอันเปราะบาง เฉือนเข้าใส่แผ่นหลังของลู่เหมิงโดยตรง

“เคร้ง!”

บังเกิดเสียงโลหะกระทบดังขึ้น เสื้อนอกของลู่เหมิงถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นถึงเสื้อซับภายในสีเงิน และเสื้อสีเงินนี้เหมือนว่าจะมีประสิทธิภาพยิ่ง มันไม่ฉีกขาดจากกรงเล็บ จึงย่อมเป็นธรรมดาที่คมแหลมไม่อาจบาดลึกถึงตัวหญิงสาวได้

อย่างไรก็ตาม แรงปะทะก็ส่งให้ลู่เหมิงปลิวกระเด็นออกไป

แม้อำนาจโจมตีจะถูกหยุดเอาไว้ แต่เหตุการณ์นี้ มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส

หมาป่ามาสติฟไม่สนใจหลี่เหยาเหยา มันโฉบกระโจนเข้าหาลู่เหมิงดั่งนักล่า เตรียมพร้อมที่จะสังหารเธอ

“เฮ้อ เอาก็เอา”

ฉินเฟิงถอนหายใจแผ่วเบา

หลังจากวิเคราะห์ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย เขาก็ไม่ใช่คนเลือดเย็นอะไร เมื่อเฝ้ามองวัยรุ่นสาวคนนี้ที่ไม่แข็งแกร่ง แต่กลับเลือกหยุดฝีเท้าตัวเอง เข้าต่อกรกับมอนสเตอร์เพื่อช่วยเหลือเพื่อน -การกระทำเช่นนี้ ทำให้ฉินเฟิงอดนึกถึงโจวฮ่าวไม่ได้จริงๆ

มิตรภาพ … นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและน่ายกย่องเสมอ

ฉินเฟิงจึงตัดสินใจลงมือช่วยเหลือ

“วิซซซ!”

ลูกศรจากหน้าไม้พุ่งออกไป ยิงเข้าใส่หมาป่ามาสติฟจากมุมอับ

หมาป่ามาสติฟไม่คาดคิดว่าจะมีลูกศรพุ่งออกมาจากที่มืดอย่างกระทันหัน แม้ศรนี้จะไม่ถึงตาย แต่หากมันไม่หลบเลี่ยง ศรก็อาจจะเจาะเข้าดวงตาของมันได้

สัญชาตญาณสัตว์ร้ายร้องเตือน มันวูบกายโฉบไปด้านข้างเพื่อหลบลูกศร แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้พลาดการสังหารลู่เหมิง

ทางด้านฉินเฟิง เขาไม่ลังเลเลยที่จะยิงศรอีกดอกออกไปอีกครั้ง!

“วิซซซ!!”

ราวกับคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เป้าหมายของดอกที่สองก็ยังคงไม่พ้นเป็นดวงตาของศัตรู

แต่คราวนี้ หมาป่ามาสติฟกลับไม่มีหนทางใดที่จะสามารถหลบเลี่ยงได้เลย ในทำนองเดียวกัน ต่อให้มันสามารถหลบได้ ก็ยังคงวนอยู่ในกับดักของฉินเฟิง ถูกยิงดอกที่ 3 ใส่อยู่ดี

“ปุ!”

ลูกศรทิ่มเข้าไปในดวงตาของหมาป่า ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้มันร้องครวญออกมาทันที

ในเวลานี้ หมาป่ามาสติฟคลุ้มคลั่งไปแล้ว!

“โครม โครม โครม!”

หมาป่ามาสติฟสะบัดตัวอาละวาด พุ่งกระแทกเข้าใส่ต้นไม้ที่ฉินเฟิงแอบซ่อนอยู่ ทว่าเจ้าตัวก็สามารถดีดตัวถอยกลับไปยังอีกต้นไม้หนึ่งได้อย่างทันท่วงที

การโจมตีของสัตว์ร้ายระดับนายพล … ช่างรุนแรงจนน่าหวาดกลัวซะจริง!

ฉินเฟิงมิได้เข้าไปต่อกรกับมันโดยตรง เขาหลอกล่อ ควบคุมมันให้มาตามทิศทางที่ตนต้องการดั่งใจนึกด้วยศรจากหน้าไม้ ที่ยิงออกไปดอกแล้ว ดอกเล่า จนบัดนี้ ตัวมันราวกับวิ่งวนอยู่ในฝ่ามือของเขา

นี่คือประสบการณ์จากในชีวิตก่อนหน้า และเป็นทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด

เดิมที ลู่เหมิงคิดว่าตัวเองจะต้องตายไปซะแล้ว แต่จู่ๆก็มีคนๆหนึ่งปรากฏกายขึ้นอย่างกระทันหัน ช่วยให้เธอหลบหนีจากความตายมาได้ ในหัวใจก็เริ่มชื้น เกิดความหวังขึ้น

แต่ความหวังที่ว่าก็เกิดขึ้นเพียงไม่นาน ไม่ช้า มันก็กลายเป็นความสิ้นหวัง

เพราะถึงแม้ว่าจะมีการแทรกแซงจากลูกธนู แต่ในสายตาของเธอ ฉินเฟิงก็ยังคงถูกบังคับให้ถอยร่นไปตลอดเวลา และยิ่งนาน ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เริ่มกระชั้นชิดขึ้น

ดูเหมือนว่าทันทีที่ฉินเฟิงเข้าสู่ระยะโจมตี เขาคงมิแคล้วถูกคว้าจับและฉีกกระชากกิน!

ทั้งลู่เหมิงกับหลี่เหยาเหยา ตระหนักได้ถึงสถานะของฉินเฟิง ว่าเขาคือวัยรุ่นชายคนเดียวกันกับที่พวกเธอเจอเมื่อตอนกลางวัน

เครื่องมือต่อสู้ที่แสนเรียบง่าย ตราโลโก้ของผู้ใช้พลังพิเศษบนหน้าอกก็ไม่มี ดังนั้นเขาย่อมไม่แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมสถานการณ์เช่นนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ จู่ๆฉินเฟิงก็กระโจนขึ้นกลางอากาศ ม้วนตัวเข้ามาหาเธออย่างกระทันหัน

ลู่เหมิงที่กำลังเฝ้ามองเบิกตากว้าง

“อย่าบอกนะว่าเขาต้องการจะ .. ”

ก่อนที่เธอจะทันคิดจนจบ ในพริบตา เธอก็เห็นว่าฉินเฟิงได้มาหยุดยืนอยู่บนแท่นจู่โจมT9แล้ว

หลังจากหลบหนีมาสักพัก โดยไม่ทันรู้ตัว ฉินเฟิงก็เข้ามาใกล้แท่นจู่โจมอย่างน่าฉงน แน่นอน ว่าเป้าหมายตั้งแต่แรกของเขาย่อมเป็นเจ้าเครื่องจักรทรงพลังนี้!

นับตั้งแต่เกิดเหตการณ์รอยแยกมิติขึ้นบนโลก มันมิใช่เพียงนำมาซึ่งหายนะทำลายล้าง แต่ยังก่อให้เกิดการวิวัฒนาการขึ้นอีกด้วย

แม้ในโลก จะมีผู้ใช้อบิลิตี้ และผู้ใช้วรนยุทธปรากฏตัวขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่คนธรรมดาส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ มักจะใช้ ‘ปืน’ เป็นอาวุธ

มือปืนจะเป็นอาชีพที่ใช้ยาเสริมแกร่งเพื่อเพิ่มพูนสมรรถนะของพวกเขา และพึ่งพาเครื่องจักรกลทำลายล้างสูงเป็นอาวุธ ถึงแม้พลังโจมตีของมือปืนจะต่ำกว่าผู้ใช้อบิลิตี้และผู้ใช้วรยุทธโบราณ ทว่าความแตกต่างดังกล่าวก็มิได้มากมายอะไร แถมด้วยจำนวนที่มากกว่าอย่างมหาศาล อาชีพมือปืนจึงกลายเป็นดั่งกระดูกสันหลังในการเอาชีวิตรอดของมนุษย์

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การพัฒนาเครื่องจักรจึงได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง นั่นรวมไปถึงเทคโนโลยีช่องว่างมิติเช่นกัน ที่ทำให้สามารถบรรทุกเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เก็บไว้ในรอยแยกมิติ และเรียกมันออกมาใช้งานได้ตลอดเวลา

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท