The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1189 – แพ้ราบคาบ

ตอนที่ 1189 - แพ้ราบคาบ

DND.

  ท่ามกลางหมู่เมฆามีลูกหลานเทพหลายสิบคนที่มารับชมการประลองนี้

  แต่หาใช่ทุกคนมาเพราะความเกรงใจพวกเขามาเพื่อรับชมการแสดงดี ๆ เท่านั้น และผลของการประลองก็ไม่ยากที่จะคาดเดา

  สำหรับเหล่าลูกหลานเทพที่แข็งแกร่งซือหยูที่ไม่ได้โด่งดังเพราะตัวเองแทบจะไม่มีทางเอาชนะได้

  มีเพียงเจิ้งหยวนชิงและหยางไท่ที่เชื่อว่าซือหยูไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น

  ในหมู่คนปู้หลูยี่เดินถือกระบี่ในมือ เขาแสยะยิ้มมองซือหยูที่กำลังรอเขาด้วยความดูถูก

   พี่ชายถึงเวลาต่อสู้แล้วหรือไม่? เทพขนนกรอมานานแล้ว… 

  ลูกหลานเทพคนหนึ่งพูด

  ปู้หลูยี่ยิ้มตอบ

   ใยรีบร้อนนักเล่า?รอมานานแล้วจะทำไมกัน? รีบร้อนไปเขาก็ต้องอับอายเมื่อข้าลงมือ ข้าไว้หน้าเขาสักหน่อยจะไม่ดีหรือ? 

  ลูกหลานเทพหลายคนแอบส่ายหน้าปล่อยให้ซือหยูรอนานเช่นนี้คือการไม่ไว้หน้าเขาเสียมากกว่า

  เมื่อมองรอยยิ้มเย็นชาของปู้หลูยี่ลูกหลานเทพหลายคนเริ่มสงสารซือหยูขึ้นมาแทน

  นี่จะเป็นเวลาอันยากลำบากสำหรับเขา!

  เมื่อเห็นว่าปู้หลูยี่คิดจะรั้งรอต่อซือหยูที่ยืนอยู่บนพื้นพูดเบา ๆ

   เจ้าเป็นลูกหลานเทพแต่กลับให้ข้าที่เป็นเทพรอนานเช่นนี้! นี่หรือความคิดเจ้าต่อผู้อาวุโส? เจ้ายังไม่เข้าใจแม้แต่พื้นฐานการเข้าสังคม เทพกระบี่ไม่เคยสั่งสอนการเป็นมนุษย์ให้กับเจ้าหรือ? 

  ทันทีที่ซือหยูพูดบรรดาลูกหลานเทพแตกตื่นขึ้นมาทันที

   โอ้! 

  ลูกหลานเทพหลายคนตกใจพวกเขาหน้าแดงและกลายเป็นเขียว พวกเขาอดหัวเราะไม่ได้

  เจิ้งหยวนชิงจ้องซือหยูด้วยความโมโห

   หมอนั่นทำเรื่องยุ่งอีกแล้ว!เขาถึงกลับกล้าพูดถึงเทพกระบี่ในด้านลบ 

  หากบุตรชายมิได้รับการสอนสั่งแน่นอนว่าความผิดต้องอยู่ที่ผู้เป็นพ่อ

  ตามปกตินั้นปู้หลูยี่มักคุ้นเคยกับการหยิ่งยโส ต่อให้เขาดูหมิ่นคนอื่นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครกันจะกล้าพูดถึงเขา?

  มีเพียงซือหยูที่เป็นคนพูดออกมา

  ณจุดสูงสุดของโลกเทพกระเรียน ใบหน้าเทพกระบี่ยังคงเย็นชาไร้อารมณ์

   หลูยี่ไม่ต้องรออีกแล้ว 

  ปู้หลูยี่ที่อยู่ท่ามกลางเมฆากัดฟันเขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

   ได้เลย!ท่านพ่อ! 

  ฟึ่บ!

  ปู้หลูยี่ร่อนอย่างรวดเร็วราวกับเงาไปที่ซือหยูเขาชักกระบี่พร้อมตะโกน

   ซือหยูมาเริ่ม… 

   โอ้เจ้าเริ่มแล้ว ข้าจะชี้แนะเจ้าสักหน่อย… 

  ซือหยูพูดเบาๆ

  เขากล่าวอ้างเป็นผู้อาวุโสแล้วยังเสนอคำชี้แนะอีกความอวดดีของเขาไม่ต่างกับการทำให้ชายหนุ่มอีกฝ่ายหงุดหงิด

   ระวังกระบี่! 

   กระบี่ไร้วันสลาย! 

  กระบี่ผ่านร่างซือหยูเข้าเจาะร่างเขาจากทุกทิศทาง

  ซือหยูยิ้มราวกับผู้ชนะ

   โอ้ทำได้ดีมาก กระบี่ขอบเขตที่สอง กระบี่ไร้วันสลาย 

  พลังของเขานั้นเหนือกว่าเจี๋ยนอู๋เชิงทั้งยังมีพลังเซียนขั้นสูงสุดของเขาด้วย

  แต่เมื่อเทียบความสมบูรณ์แบบกันแล้วเขาไม่ได้ดีเท่ากับเจี๋ยนอู๋เชิงเลย

  ในโลกจิวโจวที่อยู่ภายใต้ราชาเขตกลางมานานมันมักจะกดดันให้ผู้คนต้องฝึกฝน กระบี่ไร้วันสลายของเจี๋ยนอู๋เชิงถูกผลักดันให้อยู่ในขั้นสูงสุดตลอดเวลา

  แต่เทียบกับเขาด้วยความคุ้นเคยในคำชี้แนะของเทพกระบี่ มันเป็นไปได้ที่เขาจะขับพลังเต็มที่ออกมา แต่ถึงอย่างนั้น การได้รับความสมบูรณ์แบบมาก็ต้องผ่านการฝึกฝนด้วยตัวเองอย่างอดทนเท่านั้น

  ปู้หลูยี่นั้นใจร้อนไม่รู้จักรอคอยเขามั่นใจตัวเองจนเกินเหตุ และเขาก็ยังไม่ตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง

  ดังนั้นซือหยูจึงบ่งบอกข้อผิดพลาดเล็กน้อยของเขาได้อย่างง่ายดายเขาปล่อยพลังกายามังกรทั้งร่าง ส่งลำแสงสีทองสังหารออกมา

  ตอนที่ปู้หลูยี่ใช้กระบี่มันทำให้ลูกหลานเทพชื่นชมเสียงดัง แต่ปู้หลูยี่นั้นไม่คุ้นเคยกับมันเท่าใดนัก การโจมตีของเขาจึงสั่นไหวเล็กน้อย การใช้กระบี่ของเขายุ่งเหยิงไปชั่วขณะ

  คนที่ให้กำลังใจเขาต่างแปลกใจเสียงตะโกนเงียบลงทันที

   ถ้าจิตใจเจ้าไม่มั่นคงมันจะแสดงผ่านกระบี่ของเจ้า เจ้าต้องใช้หัวใจเพ่งไปที่มัน! ถ้าเจ้าต้องการคำแนะนำ ความมั่นใจของเจ้านั่นแหละคือสิ่งกีดขวางที่ใหญ่ที่สุด 

  ซือหยูวิเคราะห์

  ปู้หลูยี่หูแดงเขากำลังถูกสั่งสอนจากซือหยูอยู่งั้นเรอะ?

  ในสายตาของเขาเมื่อกระบี่ไปถึง ซือหยูจะไม่กลิ้งลงไปกองกับพื้นหรือ?

  ต่อหน้าผู้คนมากมายและการถูกชี้แนะต่อหน้าเช่นนี้ชื่อเสียงของปู้หลูยี่จะยังคงดีอยู่หรือ? เขาตะโกน

   กระบี่จักรวาล 

  นี่คือวิถีกระบี่ขอบเขตที่สามขอบเขตสูงสุด!

  แสงกระบี่หลายร้อยล้านสายเข้าเชือดเฉือนซือหยู

  เมื่อเห็นกระบี่ท่านี้ซือหยูจริงจังขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

   สิบมังกรสู่หนึ่งกายา! 

  ซือหยูไม่เคยใช้สายใยมังกรที่สิบมาก่อนมันคืออวัยวะพิเศษที่มีโลหิตของเทพมังกรอยู่ภายใน!

  เส้นโลหิตในอกของเขาเต้นเป็นจังหวะ

  ซือหยูได้รับพลังใกล้เคียงเทพในพริบตาแม้จะห่างไกลจากเทพของจริง พลังของมันก็มหาศาล

  ซึ่งพลังนั้นเหนือกว่าสายใยมังกรทั้งเก้าชิ้นแรกรวมกัน

  การหลอมรวมกันของอวัยวะมังกรทั้งสิบทำให้พลังของซือหยูเพิ่มมากกว่าแต่เดิมเป็นสองเท่า!

  ตู้ม!

  แสงสีทองสิบสายแล่นผ่านนภา

  แม้จะมีแสงกระบี่หลายล้านสายพวกมันก็ถูกแสงสีทองบดขยี้จนหายไป!

  ยิ่งไปกว่านั้นแสงสีทองยังลดพลังลงไปเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วน มันทะลวงผ่านแสงกระบี่ไปข้างหน้า

  ปู้หลูยี่ไม่ทันระวังและโดนพลังเข้าที่ลำตัวเขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับกระเด็นม้วนตัวไปด้านหลัง

  แต่อย่างไรเขาก็เป็นลูกหลานของเทพเขาจิกเท้าลงกับพื้นรวบรวมพลังยืนขึ้นตัวตรง

  โลหิตเปียกชุ่มอกเสื้อผ้าฉีกขาด เส้นผมตรงยาวที่มัดเรียบร้อยไม่มีอีกแล้ว มีเพียงเส้นผมยุ่งเหยิงบดบังใบหน้า เขาต่างจากเมื่อครู่หน้ามือเป็นหลังมือ

  ขณะเดียวกันเสียงชี้แนะของซือหยูดังลาง ๆ ในหูของเขา

   แสงกระบี่เปราะบางถูกทำลายได้ง่ายนัก บอกตามตรง ขอบเขตที่สามของเจ้าอ่อนแอยิ่งกว่าขอบเขตที่สองเสียอีก! 

  ซือหยูพูดไม่หยุด

   วิถีกระบี่ต้องการทั้งพลังและพื้นฐานที่มั่นคงในการปล่อยพลังที่แข็งแกร่งหากพื้นฐานไม่แข็งแกร่งพอ การใช้พลังเต็มที่ก็ย่อมเป็นเรื่องยาก ถ้าตัวเจ้ายังไปไม่ถึงขั้นสุด จะมีเหตุอันใดให้รีบร้อนใช้พลังขั้นสุดยอดเล่า? 

  วิถีกระบี่ขอบเขตที่สองของเขายังไม่สมบูรณ์พอเลยนั่นทำให้พลังขอบเขตที่สามของเขาลดลงอย่างมาก แม้แต่คนอย่างซือหยูที่ไม่เชี่ยวชาญวิถีกระบี่นักก็แข็งแกร่งกว่าเขาได้โดยใช้พลังเพียงเล็กน้อย

  เขาถูกสอนสั่งอีกครั้งและครั้งนี้คำพูดของซือหยูก็ยิ่งเสียดแทงกว่าเดิม ปู้หลูยี่โกรธเคืองอย่างรุนแรง

  ศักดิ์ศรีของเขาถูกทำลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!

   ซือหยู!เจ้าอยากตายสินะ!!! 

  เมื่อเขาคำรามแสงครึ่งแดงครึ่งทองส่องสว่างผ่านรูขุมขน มันคือสัญญาณของโลหิตเทพ

  ปู้หลูยี่ที่โกรธจัดตั้งใจจะใช้พลังสุดยอดของเขาซึ่งก็คือสายโลหิตเทพ

  เงากระบี่ทมิฬเล่มยาวปรากฏที่ด้านหลังของปู้หลูยี่

  เมื่อเห็นเงากระบี่ทมิฬซือหยูสัมผัสได้ถึงอันตราย

  ภายในเงากระบี่ทมิฬนี้มีพลังสืบทอดจากเทพกระบี่มันคือรัศมีกระบี่ตำนาน!

   วิถีกระบี่ฟื้นคืน! 

  ปู้หลูยี่สีหน้าโกรธแค้นทุกสิ่งแตกต่างจากที่เขาคาดคิด มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!

  เขามิได้สั่งสอนซือหยูแต่กลับถูกไล่ต้อนจนจนมุมเพราะซือหยู

  ที่ร้ายกว่าคือเขาพ่ายแพ้ต่อหน้าสหายทั้งหมดของเขาและต่อหน้าเหล่าเทพที่มาชมด้วย

  ดังนั้นเขาจะต้องเอาชนะซือหยูอย่างราบคาบ!

   เจ้าไม่ใช่เก้ามังกรที่กลับมาเกิดใหม่เรอะ?ถ้าเช่นนั้นก็ใช้โลหิตเจ้า ให้ข้าได้เห็นว่าเจ้าคือเทพที่กลับมาเกิดใหม่! 

  ปู้หลูยี่แสยะยิ้มเขาไม่เชื่อเรื่องเก้ามังกรเลยแม้แต่น้อย สำหรับเขา…มันคือเรื่องเหลวไหล!

  การพูดเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนนั้นอาจทำให้ซือหยูอับอายได้

  แต่ถึงอย่างนั้นซือหยูก็มองเขาด้วยความเหยียดหยาม เขาเพียงแค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

  จากนั้นเขาผสานมือเข้าด้วยกัน สีหน้าเขาจริงจังขึ้น สายโลหิตมังกรทั้งสิบค่อย ๆ ปล่อยพลังแสงสีทองออกมา

  แสงสว่างจนตระการตาตระการตาจนจ้ามองไม่เห็น แสงสีทองสว่างจ้าจนมิอาจมองตรง ๆ ได้

  เสียงมังกรคำรามดังลั่นจากตัวซือหยูซือหยูกลายร่างเป็นมังกรทองสูงสิบศอกต่อหน้าทุกคน!

  เกล็ดมังกรหนวดยาวของมังกร กรงเล็บมังกรอันยิ่งใหญ่ ลมหายใจของเทพมังกร

  ในหมู่เมฆาเหล่าลูกหลานเทพตะโกนลั่น!

  พวกเขาเองก็ไม่เชื่อในเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ของเก้ามังหรมันไม่มีเรื่องเทพเก้ามังกรในโลกใบนี้ แต่ซือหยูแสดงมันต่อหน้าต่อตาพวกเขา พวกเขาตกตะลึง

  แม้แต่เจิ้งหยวนชิงกับหยางไท่ที่คุ้นเคยกับซือหยูที่สุดก็ตกใจ!

  ปู้หลูยี่ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะในแววตาตะลึงสั่น แต่เขาก็เตรียมกระบี่ทมิฬที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว

  มังกรทองกับกระบี่ทมิฬมังกรจะบดขยี้กระบี่หรือกระบี่จะได้เฉือนมังกรกัน?

  ตู้ม!

  เสียงระเบิดดังลั่นสั่นนภา

  กระบี่ทมิฬเล่มยักษ์ถูกมังกรทองบดขยี้!

  กระบี่ทมิฬที่มาจากพลังสายโลหิตสลายไปด้วยผลสะท้อนกลับ ปู้หลูยี่กระอักเลือดออกมารุนแรงยิ่งกว่าเดิม

  นี่คือความพ่ายแพ้ความพ่ายแพ้ที่เรียบง่าย!

  ตั้งแต่ต้นจนจบทุกกระบวนท่าของเขาถูกบดขยี้โดยซือหยู!

   ข้า!ยัง! ไม่! ยอม! แพ้! 

  ปู้หลูยี่ตะโกน

  ผั่วะ!

  ฝ่ามือสีทองซัดเข้าที่ใบหน้าเขากระเด็นไปกองกับพื้น

  จากนั้นเท้าสีทองก็เหยียบเข้าที่อกพลังมังกรอันยิ่งใหญ่จิกเซียนขั้นสูงสุดไว้กับพื้นจนขยับไปไหนไม่ได้

  แววตาดุร้ายของเขาจ้องมองซือหยูอย่างเคียดแค้น

  คำตอบที่ซือหยูให้กับดวงตาของเขาคือเท้าที่เหยียบเข้าที่ใบหน้าด้วยพลังอันรุงแรง ปู้หลูยี่ถึงกับได้ยินเสียงกะโหลกแตกของตัวเอง

  ซือหยูกลับสู่ร่างมนุษย์เขาคลายพลังของร่างมังกรและก้มลงมองปู้หลูยี่

   เจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เพราะเจ้ารู้ว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!เจ้าไม่ยอมแพ้เพราะเจ้ายังมีเทพกระบี่คอยช่วยเจ้า! เจ้าไม่ยอมรับมิใช่เพราะเจ้าแข็งแกร่งมุมานะ กลับกันยังแสดงความอ่อนแอของตัวเจ้า เจ้าไม่กล้าแม้แต่ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง เจ้าพึ่งพาพ่อเจ้ามากเกินไป ใช้พ่อตัวเองดั่งองครักษ์ ใยเจ้าถึงอ่อนแอได้มากขนาดนี้? 

  ลูกหลานเทพหลายคนตัวสั่นเมื่อได้ฟังซือหยูพูดถึงความอวดดีของปู้หลูยี่พวกเขาเองก็เหมือนกับปู้หลูยี่

  คำพูดของซือหยูเสียดแทงจิตวิญญาณปู้หลูยี่

   ผู้คนหาได้หวาดกลัวการมีข้อบกพร่องสิ่งที่กลัวคือรู้ข้อบกพร่องของตัวเอง และผู้คนก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับมัน… 

  ซือหยูพูดเบาๆ

   เจ้ามีฐานะเป็นผู้คุมกฎอาวุโสในวันนี้เจ้าเป็นเซียนขั้นสูงสุดที่หลายคนอิจฉา และยังเป็นลูกหลานเทพ เจ้ามีสายเลือดสืบทอดที่จะได้เป็นเทพต่อไป แต่แท้จริง เจ้าก็แค่โชคดีที่ถูกลิขิตให้ได้สิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เกิด! ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าได้มาด้วยตัวเอง มีแต่จากพ่อของเจ้า! 

  เหล่าลูกหลานเทพเงียบกริบหากคำพูดเหล่านี้พูดกับพวกเขาแทน พวกเขาก็จะได้รับบทเรียนเช่นเดียวกัน

  แต่ซือหยูพูดถูกคำพูดของเขาโหดร้าย แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามันคือความจริง

   เวลานี้เจ้ากับข้าเพียงแค่ประลองกัน หากเจ้าได้เจอกับอสูรที่มีพลังเท่ากับข้าหรือในธารดารา เจ้าจะต้องลงมือโดยหวังผลสังหาร ต้องใช้ชีวิตเจ้าเป็นเดิมพัน เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าเจ้าแค่ร้องตะโกนบอกว่าเจ้าไม่ยอมแพ้ พวกมันจะทำกับเจ้ายังไง? 

  ซือหยูพูดอย่างเย็นชา

   อสูรจะควักหัวใจเจ้ากลืนกินดวงวิญญาณเจ้า มันจะฉีกกล้ามเนื้อเจ้ากิน ดื่มโลหิตเทพของเจ้าไปเพิ่มพลังของตัวเอง! ถ้าเทพกระบี่ไม่อยู่ข้างกายเจ้า เจ้าจะทำยังไง? 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท