โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 87

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.87 – หอกอัศวิน

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.87 – หอกอัศวิน

พรวด!

หัวกระเด็นลอยเคว้งไปบนฟากฟ้า

ร่างของซากศพระดับทหารสั่นสะท้าน ก่อนจะล้มลงกับพื้น ตกตายลงในที่สุด!

มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงเฉือนลงตรงบริเวณหน้าผากของหัวศพระดับทหาร ยามเมื่อกะโหลกถูกเปิดออก ก็พบกับแก่นพลังงานที่ใหญ่กว่าของศพเน่าเปื่อยก่อนหน้านี้

“ไม่เลวนี่!”

ฉินเฟิงพอใจมาก เขาดูดกลืนแก่นพลังงานนี้อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น ฉินเฟิงก็ยังคงล่าสังหารต่อไป เวลาล่วงเลยไปอย่างเงียบๆ ฉินเฟิงได้สติอีกที มันก็ปาเข้าไปตี 3 แล้ว แต่ปัจจุบัน เขาถึงขั้นสามารถสังหารซากศพในเลเวล F ไปมากถึง 200 ตัว!

ถ้าอิงตามอัตราเร็วนี้ พูดได้เลยว่า หากให้เวลาฉินเฟิงแค่เพียงวันเดียว เขาก็จะสามารถสังหารซากศพเลเวล F ลงได้ทั้งหมด!

แน่นอน ว่าการกระทำบ้าดีเดือดเช่นนี้ มันมิใช่สิ่งที่ผู้ใช้พลังเลเวล F คนอื่นๆจะสามารถทำได้ เพราะพละกำลังทางกายภาพของพวกเขายังคงมีจำกัด ยังคงรู้จักเหน็ดเหนื่อย ตรงกันข้ามกับฉินเฟิง

ระหว่างที่เขากำลังจะดำเนินการล่าสังหารต่อนั้นเอง จู่ๆพลังงานที่น่าหวาดกลัวก็ผลุบขึ้นมาจากพื้นดิน

ฉินเฟิงหันขวับไปมองทันที!

อันที่จริง ตำแหน่งในปัจจุบัน ฉินเฟิงได้บุกเข้ามาเรื่อยๆจนถึงตีนเขาแม่แล้ว มันใกล้มากจนเขาสามารถมองเห็นเสาทมิฬที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดำสนิทเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน

รังสีทะมึนทะยานขึ้น ทำลายชั้นอากาศบนท้องฟ้าอย่างกระทันหัน ก่อร่างช่องว่างมิติขึ้นตรงใจกลาง

และในความมืดมิด คุณจะสามารถมองเห็นขอบของแสงสีเงินได้อย่างชัดเจน

นั่นคือรูนมิติที่กำลังถูกบังคับให้เปิดออก!

“เป็นมันอีกแล้ว!”

ฉินเฟิงตระหนักได้ทันทีว่านี่คือฝีมือของชุดคลุมดำกระหายเลือด!

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! คำเตือน! คำเตือน!! … ”

เสียงแจ้งเตือนจากอุปกรณ์สื่อสารดังขึ้น

ไม่เพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่ได้รับมัน แต่เกรงว่าผู้คนนับไม่ถ้วน ที่อยู่ในตำแหน่งไม่ไกลจากทุ่งล่าก็ล้วนได้รับการแจ้งเตือนนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ มันไม่ใกล้เท่ากับฉินเฟิง

ฉินเฟิงค้นพบว่า หลังจากที่เสาแสงสีดำทะยานขึ้นบนฟากฟ้า ในครั้งนี้ ก็ยังคงปรากฏเสาแสงขนาดเล็กขึ้นรอบเสาใหญ่เหมือนกับในครั้งก่อน เพียงแต่ว่าน้อยกว่าเดิม 3 เสา และช่องว่างมิติเองก็ยังมีขนาดเล็กกว่าที่เคยเห็นในช่วงบ่าย

หากพิจารณาจากฉากเบื้องหน้า อาจสรุปได้ว่าเสาแสงสีดำเล็กๆเหล่านี้ ไม่น่าจะถูกปลดปล่อยออกมาโดยชุดคลุมดำกระหายเลือด แต่เป็นลูกน้องของมัน ที่ปลดปล่อยเสาแสงเพื่อช่วยสนับสนุน และที่จำนวนลดน้อยลงก็เพราะพวกมันส่วนหนึ่งได้ถูกกำจัดออกไปโดยมือปืนเลเวล E ในก่อนหน้านี้

แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังมีเสาแสงสีดำขนาดใหญ่ และเสาเล็กอีกห้าเสา ดังนั้นช่องว่างมิติที่เกิดขึ้นนี้ ไม่สมควรที่จะประมาทมันอยู่ดี

ในไม่ช้า ช่องว่างก็เริ่มแหวกออก กองทัพซากศพมุดออกมาอีกครั้ง ในจำนวนนั้นมีซากศพแห้งกรังที่เหมือนกับนักฆ่าในเงามืดที่ฉินเฟิงเพิ่งสังหารไปรวมอยู่ด้วย

บางตัวทั้งร่างเป็นสีแดง คล้ายกับถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง อยู่ในสภาพหนังหุ้มกระดูก

–นี่คือซากศพเพลิงระดับนายพล!

สีหน้าของฉินเฟิงไม่เพียงหม่นทะมึนลง แต่ฉากตรงหน้าราวกับกำลังเย้ยหยันเขา ว่าความพยายามตลอดทั้งคืนที่ทำมาน่ะมันสูญเปล่า! ถึงแม้ฉินเฟิงจะสามารถใช้แก่นพลังงานของพวกระดับทหารมาเสริมแกร่งให้ได้ก็ตาม

แต่หากสังหารไปแล้ว ก็มีมาเสริมใหม่เรื่อยๆ แบบนี้มันน่ารำคาญเกินไป!

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงคำรามหนึ่งก็ดังก้องไปทั่วฟ้า

“ไอ้พวกซากศพสารเลว!”

เสียงคำรามดังกึกก้องราวกับพายุกระหน่ำ จากนั้นกระสุนปืนใหญ่ก็พุ่งตัดอากาศ ข้ามผ่านผืนฟ้าเข้ามา

บิซซซซ วู้มมมม!

เมื่อการโจมตีนี้ปรากฏขึ้น ฉินเฟิงก็ทราบได้ทันทีว่ามันคือฝีมือของมือปืนเลเวล E จากสถานชุมชนเขตตงหลิงฝั่งตะวันออก – ลู่เหิง!

อย่างไรก็ตาม กองทัพซากศพดูเหมือนจะเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ก่อนที่กระสุนจะทันได้ตกถึงพื้นเพื่อทำลายเสาแสง หอกเหล็กก็พลันส่งเสียงฉวัดเฉวียนตัดอากาศ ถูกโยนออกมาจากในความมืดมิดเสียก่อน

“นั่นมันหอกของราชันย์อัศวิน!”

ฉินเฟิงตกใจ เขาเงยหน้าขึ้น และพบว่าราชันย์อัศวินยืนอยู่ระหว่างช่วงเชิงเขา หากเทียบกับตำแหน่งของฉินเฟิง มันอยู่ห่างออกไปเพียง 500 เมตรเท่านั้น

สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย

“ซ่อนเงา!”

ไม่ทราบเหมือนกันว่าราชันย์อัศวินค้นพบตนแล้วหรือไม่ แต่เจ้าตัวก็ยังคงเลือกใช้งานซ่อนเงาอย่างรวดเร็ว

หอกยาวพุ่งเป้าปะทะเข้าใส่กระสุนปืนใหญ่สองลูกในอากาศ เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นตรงจุดนั้นทันที

“มา! เดี๋ยวฉันจะช่วยเอง!”

ปรากฏอีกเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวขึ้นจากระยะไกล เจตจำนงอันแข็งกร้าวที่มองไม่เห็นแทรกผ่านอากาศ ส่งกระสุนที่เหลือ ที่ยังลอยอยู่กลางฟากฟ้า เบี่ยงเบนทิศทางในพริบตา โฉบหลบหอกเหล็ก พุ่งเข้าปะทะเข้ากับเสาแสงสีดำบนยอดเขา

ยังไงก็ตาม ราชันย์อัศวินมิได้มีแค่หอก หากแต่ยังมีโล่อีกด้วย!

ม้าศึกของมันราวกับภูติผี ดูเหมือนว่าจะเกิดจากการรวมตัวกันของรูนมืด มันทะยานออกไปด้วยความเร็วที่น่าหวาดกลัว และใช้โล่ที่เหน็บอยู่ข้างตัว เข้าสกัดกระสุนปืนใหญ่

ตูมมมมมม!

พลันเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างรุนแรง แสงระเบิดเจิดจ้าจนเกือบจะทำให้ยอดเขาทั้งลูกกลายเป็นกลางวัน

แต่โล่ของราชันย์อัศวินทนทานเกินไป แม้จะถูกกระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้าใส่ มันก็ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

“บัดซบ บัดซบ! ได้เลย! ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะทำแบบนั้นไปได้อีกนานแค่ไหน!”

ลู่เหิงหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขาเริ่มระดมยิงกระสุนปืนใหญ่อย่างดุเดือด แต่ก็ถูกราชันย์อัศวินขวางเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้กระสุนทะลุแนวป้องกันเข้าไปได้

กล่าวว่าหากในเวลานี้มีลู่เหิงที่ต้องสู้เพียงลำพัง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายช่องว่างมิติได้สำเร็จ!

ตรงตีนภูเขาแม่ ฉินเฟิงกำลังจะถอยกลับไปยังใจกลางของภูเขาพ่อ

ทว่าในขณะนั้นเอง โครม!! เขาดันไปได้ยินเสียงร่วงกระแทกดังขึ้น และในเวลาถัดมา เสียงอื้ออึงก็ดังมาจากข้างหลังเขา ห่างออกไป 100 เมตร

ฉินเฟิงหยุดฝีเท้าชั่วคราว และหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว!

แล้วเขาก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่เพิ่งร่วงลงมาบนพื้นดิน!

เป็นหอกของราชันย์อัศวิน!

หอกอัศวินเป็นสีดำ แต่ปลายหอกเป็นสีน้ำเงินเข้ม มันกำลังเปล่งแสงคล้ายกับดวงดาราบนท้องฟ้า เพียงมองก็ทราบได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ใช่สิ่งของธรรมดาๆ

“นี่มันทำมาจากเหล็กดารา!”

ก่อนที่ฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขามีความรู้เกี่ยวกับพวกบรรดาไอเท็มที่ทรงอานุภาพค่อนข้างมาก และหนึ่งในจำนวนนั้น มีบางสิ่งที่เขารู้จักมันดี แต่ไม่สามารถครอบครองได้

หนึ่งในนั้นคือเหล็กดาราเบื้องหน้านี้!

“เสี่ยวไป๋ เก็บมันมาให้ฉัน!” ฉินเฟิงสั่งโดยตรง

ไป๋หลีกระพริบตาและกล่าวว่า “นายท่- … ที่รัก หอกนี้คุณไม่สามารถใช้งานมันได้ ต่อให้คุณนำมันไป แต่สัญญาระหว่างมันกับราชันย์อัศวินก็ยังคงอยู่!”

หากมีสัญญา ตราบใดที่มันถูกเรียกขาน อย่างไรหอกก็จะถูกส่งกลับคืนสู่มือของราชันย์อัศวิน

แต่ในเวลานี้ อัศวินกำลังต่อสู้อยู่กับมือปืนลู่เหิง เลยไม่มีเวลาได้เรียกหอกนี้กลับไป และมันคงไม่คาดคิดเช่นกัน ว่าหอกกำลังจะถูกขโมยอย่างกระทันหัน!

“มันมีสัญญาทางจิตอยู่ในอาวุธอย่างงั้นหรอ?” ฉินเฟิงทราบดีเกี่ยวกับเรื่องสัญญา แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าราชันย์ในเลเวล F จะครอบครองสมบัติเช่นนี้ “ถ้าอย่างงั้นสัญญาสามารถข้ามผ่านมิติได้ไหม?”

สัญญาทางจิต แม้จะมีจุดแข็ง แต่มันก็ย่อมมีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน

“ถ้าเป็นพื้นที่มิติของหนูล่ะก็ มันผ่านไม่ได้แน่ๆ!” ไป๋หลียกสองมือขึ้นกอดอกอย่างมั่นใจ

“ยอดไปเลย! งั้นก็เก็บมันมาให้ฉัน ต่อให้ฉันจะใช้มันไม่ได้ในตอนนี้ แต่ถ้าโด้มันมา ก็เหมือนกับสามารถหักแขนราชันย์อัศวินไปได้ข้างหนึ่ง หรือในกรณีที่โชคดีที่สุด ถ้าราชันย์อัศวินถูกฆ่าตายในภายหลัง ฉันก็จะสามารถใช้มันได้” ฉินเฟิงกล่าว

ไป๋หลีไม่ปฏิเสธในครั้งนี้ เธอพยักหน้า และรู้สึกว่าแผนการในครั้งนี้ของนายท่านฟังดูฉลาดไม่เลวเลย

ทันทีที่ยกมือขึ้น หอกอัศวินก็ตกลงไปในอีกมิติหนึ่ง ทางด้านราชันย์อัศวินที่อยู่ระหว่างการต่อสู้ สามารถตระหนักถึงมันได้ทันที

ก๊าซซซซซซ!!

ราชันย์อัศวินระเบิดเสียงคำรามออกมา มันยอมละทิ้งการป้องกันเสาแสงของชุดคลุมดำกระหายเลือดอย่างไม่คาดฝัน และพุ่งตรงมายังตำแหน่งของฉินเฟิงโดยตรง

“เสี่ยวไป๋ เผ่นกันเร็ว!”

เสี่ยวไป๋กับฉินเฟิงหายวับไปในทันที โดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ

ในขณะนั้นเอง ลู่เหิงที่อยู่ในระยะไกลดูจะมีความสุขมาก

แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆราชันย์อัศวินถึงหนีไป แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือโอกาสทองที่อาจพบเจอได้เพียงครั้งเดียว

“ตายซะเถอะ!”

ลู่เหิงคำรามเกรี้ยวกราด ขณะเดียวกันก็สาดกระสุนปืนใหญ่ออกไป เนื่องจากในเวลานี้ ไม่มีหลิวบาคอยเกะกะเหมือนดั่งในคราวก่อน เจ้าตัวจึงระดมยิงห่ากระสุนได้อย่างไม่จำกัด อานุภาพทำลายล้างของมันรุนแรงกว่าในช่วงบ่ายถึงสามเท่า!

ตูม ตูม ตูมมมมมมมม!

บังเกิดเสียงระเบิดกึกก้องต่อเนื่องครั้งใหญ่ ยอดเขาที่แต่เดิมสูงแหลม บัดนี้ถล่มราบเป็นหน้ากลอง

ช่องว่างมิติถูกขัดขวางอีกครั้ง เนื่องจากการขัดจังหวะในครั้งนี้ ส่งผลช่องว่างหุบลงอย่างรวดเร็ว ตัดสะบั้นกองทัพซากศพจำนวนมากที่กำลังมุดออกมาโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ช่องว่างมิติปรากฏขึ้นในครั้งนี้ มันยาวนานพอสมควร ผลลัพธ์เลยกลายเป็นว่ากองทัพซากศพระลอกใหม่บางส่วนสามารถมุดออกมาได้สำเร็จ และกระจายกันไปในพื้นที่อื่นๆแล้ว

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท