Ch.90 – ชุดคลุมดำ
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.90 – ชุดคลุมดำ
“ใช่จริงๆ จำนวนของพวกมันมีมากยิ่งกว่าเมื่อวาน!”
ฉินเฟิงพยายามรับรู้ถึงจำนวนซากศพเลเวล F รอบตัวเขา ขณะเดียวกันในหัวใจก็รู้สึกรำคาญ
“งั้นก็แค่ฆ่ามันได้มากกว่าเดิม!” ฉินเฟิงตัดสินใจเฉียบขาด พุ่งเข้าสังหารโดยไม่ลังเล
เพียงฉับเดียว หัวของซากศพที่กระจายตัวอยู่บริเวณโดยรอบก็ถูกตัดกระเด็น
ไป๋หลีเองก็ถือมีดสั้นในมือ เธอเว้นระยะห่างจากฉินเฟิงเล็กน้อย คล้ายรังเกียจที่จะต่อสู้กับซากศพเน่าเปื่อย เลยคอยรับหน้าที่เก็บรวบรวมแก่นพลังงานของพวกมัน หลังจากที่ฉินเฟิงทำการสังหารแล้ว
ฉินเฟิงตัดหัวศัตรูไปตลอดทาง ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ซากศพเน่าเปื่อยเลเวล F บริเวณรอบๆก็ถูกสังหารจนสิ้น
“เข้าไปลึกกว่านี้กัน!”
ฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขามีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าใครๆไหนจะพลังพิเศษดูดกลืนอีก แม้ว่าพลังงานที่ซากศพให้มานั้นจะน้อยมาก แต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยฟื้นฟูพละกำลัง!
อย่างไรก็ตาม เมื่อฉินเฟิงเข้าใกล้ภูเขาแม่มากขึ้นเรื่อยๆ กองทัพซากศพรอบๆก็ยิ่งทวีระดับความอันตรายมากขึ้น
ทันใดนั้นชุดคลุมดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของฉินเฟิง
หัวใจของฉินเฟิงกระตุกวูบ เขารีบโฉบไปหลบหลังต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา
“ไอ้ตัวนี้ ใช่ชุดคลุมดำกระหายเลือดรึเปล่านะ?” ความคิดนี้วาบผ่านเข้ามาในใจของฉินเฟิง
ยังไงก็ตาม เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายระดับราชันย์สัตว์ร้าย หรือความอันตรายจากตัวมันได้เลย
ฉินเฟิงลองเพ่งมองอย่างรอบคอบอีกครั้ง และพบว่าแม้ตัวตนเบื้องหน้าจะสวมใส่ชุดคลุมดำเหมือนกัน แต่ระดับของมันอยู่แค่นายพลสัตว์ร้ายเท่านั้น
“เดี๋ยวก่อนสิ หรือว่านี่จะเป็นผู้ช่วยของไอ้ชุดคลุมดำกระหายเลือด?”
ย้อนกลับไปสักเล็กน้อย ในช่วงแรกๆที่ฉินเฟิงมาถึงค่ายพันธมิตรมนุษย์ เขาได้พบกับชุดคลุมดำกระหายเลือดที่ปลดปล่อยเสาพลังงานมืดออกมา ในขณะเดียวกัน ก็ยังปรากฏเสาพลังงานมืดขนาดเล็กอีกแปดต้นก็ผุดตามขึ้นไป เพื่อช่วยเสริมพลังให้แก่ช่องว่างมิติ จนมันขยายขนาดเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า!
ในขณะที่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มันมีเสาแสงขนาดเล็กผุดขึ้นไปเพียงห้าเสาเท่านั้น นี่น่าจะเป็นตัวช่วยในการคาดเดาได้ว่า ไม่ตัวตนที่ปลดปล่อยเสาเล็กต้องการจะพักผ่อน พวกมันก็น่าจะถูกสังหารลงไปแล้วโดยมือปืนเลเวล E
แต่เห็นได้ชัดว่ากองทัพซากศพไม่มีความจำเป็นต้องพักผ่อน ฉะนั้นความเป็นไปได้คงจะมีแค่กรณีที่สองเท่านั้น
“หรืออีกความหมายนึงก็คือ พวกชุดคลุมดำธรรมดา ผู้ช่วยของชุดคลุมดำกระหายเลือดไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดสู้ไม่ไหว!”
ไม่ว่าข้อสันนิษฐานนี้จะถูกต้องหรือไม่ แต่ฉินเฟิงก็ตัดสินใจแล้วที่จะทดสอบมัน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ฉินเฟิงค่อยๆย่องเข้าไปใกล้มันอย่างเงียบๆ
“ซ่อนเงา!”
ฉินเฟิงผสมผสานเข้าไปในความมืดมิด และในไม่ช้า เขาก็คืบคลานมาถึงเบื้องหลังของชุดคลุมดำ
ระยะห่างระหว่างเขากับชุดคลุมดำอยู่ที่ประมาณ 10 เมตร
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆชุดคลุมดำก็หันขวับกลับมาอย่างกระทันหัน!
และตำแหน่งที่ชุดคลุมดำหันมา มันคือทิศทางเดียวกันกับของฉินเฟิง ในเวลาเดียวกัน ฉินเฟิงก็พบกับภาพสยองขวัญในสายตา
เขาค้นพบว่าภายใต้ชุดคลุมดำ แท้จริงแล้วมันคือโครงกระดูกสีดำสนิท ไม่เพียงแค่นั้น แต่ในส่วนของหัวกะโหลก ตรงเบ้าตายังมีเปลวไฟคู่หนึ่งกำลังลุกไหม้อยู่
โชคยังดีที่ฉินเฟิงไม่ใช่คนกลัวผี เมื่อเห็นว่าโครงกระดูกชุดคลุมดำค้นพบตนเอง เขาก็พุ่งเข้าไปเบื้องหน้าอย่างไม่ลังเล
“จงตายซะ!”
มีดกษัตริย์ครามในมือเขาวาดออกเป็นเส้นโค้งที่สมบูรณ์แบบ
ในจังหวะเดียวกัน โครงกระดูกชุดคลุมดำก็ยกนิ้วขึ้น ชี้ออกไป ส่งลำแสงทมิฬเข้าใส่ฉินเฟิง
ปุ!
ลำแสงรวดเร็วยิ่งกว่า มันกระทบเข้าใส่ร่างของฉินเฟิง
ฉินเฟิงรับรู้ถึงลำแสงนี้ได้อย่างชัดเจน ว่ามันคืออบิลิตี้จากรูนมืด ซึ่งมีอำนาจช่วยลดทอนพลังชีวิตของร่างกายมนุษย์ ทำให้ผู้คนรู้สึกอ่อนแอ ถูกรุกรานโดยไวรัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงน่ะครอบครองศิลานรก เขามีภูมิคุ้มกันที่สามารถช่วยต่อต้านอบิลิตี้ใดๆที่เป็นธาตุมืด ดังนั้น การโจมตีของอีกฝ่ายจึงไม่ส่งผลต่อเขา
เคร้ง!
มีดกษัตริย์ครามตัดเข้าที่ลำคอของโครงกระดูกชุดคลุมดำ เกิดเสียงกังวานคล้ายการปะทะกันของโลหะ
ทางฝั่งโครงกระดูกชุดคลุมดำ เมื่อพบว่าอบิลิตี้มืดที่ปลดปล่อยออกไปไร้ประโยชน์ มันก็ยกแขนขึ้น ฉกมือกระดูกเข้าใส่ฉินเฟิงราวกับสายฟ้าฟาด
ฉินเฟิงเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้าง เบิ่งตามองนิ้วสีดำที่กรีดผ่าน รู้สึกขนลุกในจิตใจ
เพราะเมื่อครู่นี้ มันคือนิ้วที่เต็มไปด้วยไวรัส หากเป็นคนทั่วไปที่สัมผัสถูกนิ้วดังกล่าว พวกเขาคงมิแคล้วต้องกลายสภาพเป็นซากศพเน่าเปื่อย
“ครั้งแรกไม่เข้า งั้นก็ต้องลองฟันอีกครั้ง!”
ฉินเฟิงง้างมีดกษัตริย์ครามอีกคราว ฟันฉับลงไป เสียงโลหะกระทบดังก็อง! อีกครั้ง
“มีดกษัตริย์ครามไม่สามารถตัดกระดูกของมันได้หรือนี่!”
ฉินเฟิงหงุดหงิดในหัวใจ ต้องทราบนะว่าแม้มีดกษัตริย์ครามจะเป็นมีดที่ดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ทำมาจากวัสดุเลเวล G และตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถสำแดงอำนาจให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงได้
ปุ!
ลำแสงทมิฬอีกเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากนิ้วของโครงกระดูกชุดคลุมดำ ฉินเฟิงเอี้ยวหลบมัน ลำแสงทมิฬพุ่งเข้าชนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาที่อยู่ถัดออกไป
ตูมมมม!
ต้นไม้พลันกลายเป็นขี้เถ้าทันที
หัวใจของฉินเฟิงกระตุกวูบ แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงถึงความหวาดหวั่นออกมา ฝั่งตนก็ยกมือขึ้นเช่นกัน
“คิดว่ามีแค่แกคนเดียวรึไงที่ใช้อบิลิตี้ได้?”
ด้วยการกระตุ้นพลังสมาธิ รูนเปลวไฟหลายร้อยตัวพลันปรากฏขึ้นบนดาวเคราะห์เพลิงที่อยู่ถัดไปจากดาวเคราะห์เพชร
“เพลิงโลกันต์!”
บอลไฟระเบิดออกจากมือของฉินเฟิง พุ่งเข้าชนโครงกระดูกชุดคลุมดำ
และฉากต่อมา ก็คล้ายดั่งสถานการณ์ที่ถังน้ำมันถูกจุดไฟเผา -เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ทั้งตนทั้งร่างของโครงกระดูกชุดคลุมดำถูกเพลิงผลาญ สาดแสงไฟสว่างไสว
“อ๊าาาา!” โครงกระดูกชุดคลุมดำกรีดร้อง คู่ดวงไฟในหัวกะโหลกของมันปะทุเร่าอย่างบ้าคลั่ง แสดงออกถึงความเจ็บปวด
สำหรับซากศพแล้ว นอกจากจะกลัวแสง ก็มีไฟนี่แหละที่พวกมันหวาดกลัวไม่แพ้กัน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปลวไฟของฉินเฟิง ที่มีรูนมืดผสานรวมอยู่ด้วย รูนมืดนี้มีพลังช่วยแผดเผาจิตวิญญาณได้ แม้แต่โครงกระดูกชุดคลุมดำก็ไม่มีละเว้น!
ฉินเฟิงไม่พลาดโอกาสนี้ เขาพุ่งไปสับการโจมตีซ้ำๆไม่หยุดยั้ง
เคร้ง! เคร้ง!! เคร้ง!!! เคร้ง!!! ฟุบบบ!!!!
ในที่สุด คอของโครงกระดูกชุดคลุมดำก็หักลง กระดูกทั้งร่างของมันร่วงกระจัดกระจายลงกับพื้น
ขณะนี้ ฉินเฟิงรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าพลังพิเศษดูดกลืนของตัวเองกำลังเริ่มขับเคลื่อน ช่วงเวลาต่อมา ก็หลงเหลือเพียงคู่เปลวไฟในเบ้าตาของโครงกระดูกชุดคลุมดำที่ยังไม่สลายหายไปโดยสิ้นเชิง แต่มันกลับถูกดึงออกมา เป็นพลังงานเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิง
ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังสมาธิของเขาที่พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“การสังหารโครงกระดูกชุดคลุมดำ ช่วยให้ดูดซับพลังสมาธิได้อย่างงั้นหรือนี่?”
ไม่เพียงแค่นั้น แต่การเพิ่มขึ้นของพลังสมาธิในครั้งนี้ไม่เลวเลย มันมากยิ่งกว่าช่วงก่อนที่เขาสังหารเหอหลีซะอีก
ต้องทราบนะว่าการเพิ่มพูนของพลังสมาธิเองก็ส่งผลสะท้อนกลับเช่นกัน หลังจากฉินเฟิงดูดซับพลังสมาธิของเหอหลี อบิลิตี้ของเขาสามารถยกระดับไปได้เพียง G5 เท่านั้น แต่ในเวลานี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงพุ่งสูงขึ้น จนเกือบจะไปถึงเลเวล G7 แล้ว
“นี่สินะ ที่เขาพูดกันว่า ต้องการอะไร สิ่งนั้นก็จะมาหาจริงๆ!” ฉินเฟิงเม้นริมฝีปากของเขา หลังจากจัดการสินสงครามแล้ว ฉินเฟิงก็เริ่มมองหาโครงกระดูกชุดคลุมดำตัวต่อไป
ฉินเฟิงกำลังอิ่มเอม สนุกสนานไปกับการฆ่าทางฝั่งนี้ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ตรงจุดรวมพลของผู้ใช้พลังเมืองเฉิงหยางและอีกห้าเขต ภายในรถศึกทหาร ตัวตนทรงพลังจากทางตอนเหนือหลายคนกำลังรวมตัวกันอยู่
ภายในรถศึกทั้งคันนี้ สภาพของมันแทบจะเหมือนกับในหนัง เป็นรถทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ พอก้าวเข้าไปข้างใน จะพบกับมอนิเตอร์มากมายติดตั้งไว้อยู่บนผนัง และภาพภายในก็จะถูกสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทั้งหมดนี้คือภาพที่ถูกถ่ายมาได้โดยโดรน
นอกจากเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงแล้ว ก็ยังมีอีก 4 คนอยู่ที่นี่ และทุกคนคือผู้ใช้พลังเลเวล E อันได้แก่
ผู้ใช้อบิลิตี้แสงเลเวล E ผู้อำนวยการสถาบันระดับสูงประจำชุมชนทางตอนเหนือ – เติ้งเหนียน
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E รองผู้ว่าการประจำชุมชนทางตอนเหนือ – หลินเซิง
มือปืนเลเวล E ผู้บัญชาการกองทัพรักษาการณ์ประจำชุมชนทางตอนเหนือ – ฮั่นเจียน
สุดท้ายเป็นผู้ฝึกสัตว์เลเวล E ผู้บัญชาการกองทัพทุ่งล่าประจำชุมชนทางตอนเหนือ – หยางซานหู
กล่าวได้ว่าหากทั้งสี่คนย่ำเท้าลงพร้อมกัน มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเขตเฉิงเป่ย!
แต่น่าเสียดาย ที่ปัจจุบัน ทั้งสี่คนต่างก็กำลังขมวดคิ้วมุ่น
“สถานการณ์เลวร้ายจริงๆ!” หยางซานหูมองไปบนจอมอนิเตอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ เขาคือคนที่สำรวจทุ่งล่ามานานหลายสิบปี เป็นกองทัพที่ต้องเผชิญกับอันตรายระดับสูงอยู่เสมอมา แต่ในครั้งนี้ เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ดวงตาของเขาก็ลุกพรึบเป็นฟืนเป็นไฟ
มองเพียงแวบเดียว ก็ทราบได้ทันทีว่าสถานการณ์ย่ำแย่ขนาดไหน
แน่นอนว่ามันต้องย่ำแย่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นมีหรือที่เขาจะถูกส่งมาที่นี่!