โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 91

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.91 – ดึงดูดความสนใจจากพวกระดับสูง

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.91 – ดึงดูดความสนใจจากพวกระดับสูง

เนื่องจากตั้งแต่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในกลางดึก ช่องว่างมิติถูกเปิดทิ้งไว้เป็นเวลานาน ส่งผลให้ปริมาณของกองทัพซากศพเพิ่มขึ้นมหาศาล เมืองเฉิงหยางจึงทำการร้องขอกำลังเสริมจากเขตต่างๆอีกครั้ง ทำการระดมคนเข้ามาเพิ่มเติม

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์และกองทหารทุ่งล่า จึงมาสมทบในแนวหน้าด้วย

วันนี้ จำนวนผู้ใช้พลังเลเวล E ในแนวหน้า มีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 16 คน

“ฉันคงแก่เกินไปแล้ว!” เติ้งเหนียนถอนหายใจ

การต่อสู้เมื่อวานเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง แต่ราชันย์อัศวินกลับสามารถหลบหนีไปได้!

เหตุการณ์นี้ทำให้เติ้งเหนียนรู้สึกเสียใจจริงๆ

“เฮอะ! เป็นเพราะทุกคนไม่ทุ่มร่วมมือกันเต็มที่นั่นแหละ!” หลินเซิงกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง ประเด็นสำคัญก็คือคนจากแต่ละเขตไม่ได้สามัคคีกัน ต่างฝ่ายต่างหวาดกลัวว่าตนจะได้รับบาดเจ็บ เลยไม่ได้ให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่

เหตุผลนี้เอง ที่นำไปสู่ความล้มเหลวของการปิดล้อมราชันย์อัศวิน

ไม่เพียงแค่นั้น แต่มันยังเป็นเหตุให้หลินเซิงได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

ช่างเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดเสียจริงๆ!

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!

เสียงจากอุปกรณ์ภายในรถดังขึ้น แผนที่ได้รับการอัปเดตอีกครั้ง

“เอ๊ะ?”

หยางซานหูอุทาน เอนตัวก้มลงมาข้างหน้า ขมวดคิ้วมองแผนที่

“ช่วยดึงแผนที่เมื่อสามชั่วโมงก่อนออกมาให้ฉันดูหน่อยสิ” จู่ๆหยางซานหูก็สั่งการออกไป

ช่างเทคนิคดึงแผนที่ของเมื่อสามชั่วโมงที่แล้วขึ้นมาทันที และพบว่าเครื่องหมายสีแดงและส้มที่อยู่บนมัน หากเทียบกับแผนที่ในปัจจุบัน อดีตมีจำนวนมากกว่า

และบริเวณที่ลดลง ยังเป็นตำแหน่งแบบเฉพาะเจาะจงอีกด้วย

“ซากศพเลเวล F กว่า 200 ตัวที่หายไป? มีทีมไหนเพิ่งออกสำรวจพื้นที่รอบนอกแล้วทำการล่าสังหารพวกมันไปรึเปล่า?” หยางซานหูกล่าวด้วยความสงสัย จริงๆแล้วซากศพ 200 ตัว ไม่ใช่ปริมาณที่มากมายอะไร แต่ก็มันแปลกไง ที่จู่ๆก็มีศพหายไปทีเดียวกว่า 200 ตัว แถมยังเป็นซากศพเลเวล F อีก

ต้องไม่ลืมนะว่าซากศพเลเวล G น่ะมีจำนวนมหาศาล และมันกระจายกันอยู่รอบนอก ดังนั้น หากต้องการจะบุกทะลวงเข้าไปยังภูเขาแม่ อย่างไรก็เป็นเรื่องยาก

“ควบคุมโดรนให้ไปเก็บภาพตามทิศทางที่เกิดเรื่องขึ้นเดี๋ยวนี้!” หยางซานหูออกคำสั่งอีกครั้ง

จากนั้น โดรนที่อยู่ใกล้ๆก็เริ่มตีวงอ้อมออกไป แล้วพบกับฉินเฟิงที่กำลังต่อสู้อยู่อย่างรวดเร็ว

บนตีนเขาด้านหลังของภูเขาพ่อ มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงราวกับเคียวแห่งความตาย มันเก็บเกี่ยวชีวิตของศัตรูอย่างต่อเนื่อง

“ตัวที่สาม!”

“จงตายซะ!”

มีดกษัตริย์ครามวูบไหว ตัดผ่านลำคอของโครงกระดูกชุดคลุมดำตัวที่สาม ส่งมันสู่ความตายภายใต้น้ำมือของฉินเฟิง

พลังสมาธิถูกสูบเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว พละกำลังของเขาเองก็เพิ่มสูงขึ้น

ขณะนี้ ฉินเฟิงรู้สึกว่าทุกสิ่งรอบตัวเขาชัดเจนมากขึ้น พลังสมาธิของเขากวาดระยะออกไปได้ไกลกว่าหลายร้อยเมตร และสามารถ ‘มองเห็น’ ทุกสิ่งรอบตัวได้อย่างชัดเจน

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ในใจกลางของดาวเคราะห์เพชร ยังเกิดการหมุนวนอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับรูนธาตุภายในเกิดความปั่นป่วน แต่ไม่นาน มันก็เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นรูปแบบหนึ่ง

รูปแบบที่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงไม่อาจเข้าใจได้ปรากฏขึ้นมา กลายเป็นพลังพิเศษท่าใหม่

‘ลำแสงแห่งความมืด!’

ฉินเฟิงเกิดการตระหนักรู้เกี่ยวกับพลังพิเศษใหม่นี้ได้ทันใด เพราะนี่คือพลังเดียวกันกับที่โครงกระดูกชุดคลุมดำเคยปลดปล่อยใส่เขา

อาจเป็นเพราะท่านี้ถูกยิงใส่เขาซ้ำๆ ส่งผลให้ร่างกายและจิตสำนึกของฉินเฟิงเรียนรู้ และจดจำมันได้

อย่างไรก็ตาม พลังพิเศษนี้ ต่อให้ได้มา ก็ไม่ค่อยมีผลอะไรต่อสถานการณ์ในปัจจุบันมากนัก

เพราะถ้าฉินเฟิงมีภูมิคุ้มกันต่อลำแสงแห่งความมืด ในทำนองเดียวกัน กองทัพซากศพซึ่งเป็นธาตุมืดก็ย่อมมีภูมิคุ้มกันเช่นเดียวกัน

“ยังไงก็ตาม รูปแบบการโจมตีนี้ ฉันสามารถดัดแปลงมันเป็นท่ายิงธาตุไฟได้!”

เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉินเฟิงก็เริ่มระดมพลังสมาธิ จำลองท่าพลังพิเศษนี้จากแก่นธาตุไฟ

ด้วยวิธีนี้ จะเทียบเท่ากับว่าฉินเฟิงได้รับท่าพลังพิเศษธาตุไฟ ‘ลำแสงเปลวเพลิง’ เพิ่มขึ้นมาอีกท่า!

ระหว่างที่ฉินเฟิงกำลังตื่นเต้น พลังสมาธิของเขายังถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ และค้นพบว่ามีโดรนกำลังลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา

ฉินเฟิงขมวดคิ้วมุ่น

เนื่องจากพลังสมาธิแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก เขาเลยแทบจะสามารถระบุได้ในทันทีว่า โดรนดังกล่าว กำลังชี้กล้องมาทางเขา ไม่เพียงแค่นั้น แต่มันยังลอยวนไปมารอบตัวเขา คล้ายต้องการเก็บภาพจากทุกมุม

‘เป็นไปได้ไหมว่าฉันฆ่ามากเกินไป เลยดึงดูดความสนใจจากคนอื่นๆ?’

อย่างไรก็ตาม ทางฉินเฟิงก็ไม่ต้องการที่จะซ่อนผลงานของเขาอยู่แล้ว ทางฝั่งเขาเองก็ทำการบันทึกวิดีโอจำนวนซากศพที่ตนฆ่าไว้เหมือนกัน เพราะผลงานเหล่านี้สามารถนำไปแลกรางวัลกับทางฐานได้

ยังไงก็ตาม พลังพิเศษของเขาน่ะพิเศษออกไป ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าบางสิ่งไม่ถูกเปิดเผย!

เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินเฟิงก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงหึ่งๆของโดรน เขามุ่งต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง เพื่อมองหาโครงกระดูกชุดคลุมดำท่ามกลางกองทัพซากศพ

ในรถศึกบัญชาการ ความสนใจของหยางซานหูและคนอื่นๆ ต่างประทับลงบนร่างของฉินเฟิง

“เป็นเขา!” ฮั่นเจียนอุทานออกมาอย่างไม่คาดฝัน

“นายรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยหรอ? เขาเป็นใครกัน? มาจากสถานที่ชุมชนเขตไหน?” หยางซานหูเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

ความแข็งแกร่งที่ฉินเฟิงแสดงออกมา เป็นอะไรที่น่าตกใจจริงๆ

ต้องทราบนะว่า ทุกวันนี้หากจะล่าเลเวล F ทีมทหารรับจ้างต้องร่วมมือกัน และทุกขั้นตอนต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นจะเป็นพวกเขาซะเองที่ถูกกองทัพซากศพฆ่าเอา

แต่ฉินเฟิงดันตรงกันข้าม เขาเล่นใหญ่ ไปลำพัง ล่าคนเดียว ไม่สน ไม่ระวังใดๆทั้งสิ้น อันที่จริงเหมือนจะจงใจยั่วยุซากศพให้เข้ามาหาด้วยซ้ำ!

“เขามาจากสถานที่ชุมชนเขตเฉิงเป่ยของพวกเรา แต่เขาไม่น่าจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ด้วยความแข็งแกร่งที่เผยออกมา ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในระดับ F แต่ว่า … ” ฮั่นเจียนไม่มั่นใจว่าเขาควรจะพูดประโยคต่อไปดีหรือไม่

แต่สายตาของคนอื่นๆ ต่างก็ตกลงบนร่างของฮั่นเจียน

“แต่ว่าอะไร?” หยางซานหูถาม

ฮั่นเจียนส่ายหัว บังเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองเล็กน้อย

“เด็กคนนี้มีชื่อว่าฉินเฟิง เขาอายุ 16 ปี และเพิ่งได้รับการฉีดยากระตุ้นในปีนี้ และอีกอย่าง เมื่อครึ่งเดือนก่อนในพื้นที่เพาะปลูก เขาคือคนที่ทำผลงานการต่อสู้ได้เป็นอันดับต้นๆอีกด้วย!” ฮั่นเจียนกล่าว

“อายุแค่ 16 ปี?” หยางซานหูตกใจอย่างช่วยไม่ได้

กระทั่งหัวใจของเติ้งเหนียนกับหลินเซิงเองก็ยังเต้นครึกโครม

ยังวัยเยาว์ แต่กลับสำแดงศักยภาพได้ถึงขนาดนี้!

หากดึงเอาตัวบุคคลดังกล่าวมาอยู่ภายใต้บารมีของตน มันคงเป็นอะไรที่ดีที่สุด

แน่นอน ว่าการที่บุคคลเช่นนี้ปรากฏขึ้นก็ย่อมมีข้อเสียเช่นกัน เพราะหากไม่ใช่พวกเดียวกัน ศักยภาพของฉินเฟิงอาจกล่าวได้ว่าเป็นภัยคุกคาม

“คุณบอกว่าคนๆนี้เรียกว่าฉินเฟิงอย่างงั้นหรอ?” หลินเซิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขาคล้ายกับว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจากที่ไหนสักแห่ง

และทางฝั่งเติ้งเหนียนเองก็มีท่าทีไม่แตกต่างกัน

เพราะเติ้งเหนียนได้อ่านรายชื่อของนักเรียนใหม่ในชั้นปีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะให้ความสนใจกับคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ที่มีเพียง 21 คน ไหนจะเรื่องที่ตัวเขาเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E มันเลยช่วยให้ตนมีสติปัญญาและความจำที่น่าอัศจรรย์ใจ -เติ้งเหนียนเลยนึกออกได้ทันทีว่าในบรรดาคลาสผู้ใช้พลังพิเศษปีนี้ ดูเหมือนจะมีเด็กที่ชื่อว่าฉินเฟิงอยู่จริงๆ

มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะใช่ไหม?

ณ จุดนี้ ฮั่นเจียนหันไปเพ่งมองวิดีโออีกครั้ง แล้วถอนหายใจ

“นั่นน่าจะใช่เขาจริงๆ ฉันไม่คาดคิดเลย ว่าในช่วงเวลาสั้นๆเขาจะเติบโตขึ้นมากถึงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ฉันกับหวังเฉิงเคยเชื้อเชิญเขาให้เข้าร่วมกองทหารรักษาการณ์และกองทหารเสือไฟ แต่เขาปฏิเสธ เพราะบอกว่าต้องการจะเข้าร่วมกับสถาบันระดับสูงทางตอนเหนือ -ตาแก่เติ้ง เรื่องนั้นจริงรึเปล่า ไม่อย่างนั้นฉันจะขอตัวเด็กคนนี้ไปแล้วนะ!”

เติ้งเหนียนหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

“น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะตอนนี้เขาคือนักเรียนในคลาสผู้ใช้อบิลิตี้”

สำหรับช่วงเวลานี้ เติ้งเหนียนดูเหมือนจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองสุดๆ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว นักเรียนที่มากไปด้วยศักยภาพกลับปรากฏตัวขึ้นภายใต้ขอบเขตการดูแลของเขา มันยากมากเลยนะที่จู่ๆก็มีเพชรชั้นเลิศหล่นใส่หัวแบบนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่อีกฝ่ายปฏิเสธสองนายพล เพื่อมาเข้าร่วมกับทางสถาบันโดยเฉพาะ แล้วนี่จะไม่ให้เขารู้สึกสุขใจได้อย่างไร?

“ต้นกล้าที่ดี!” เติ้งเหนียนถอนหายใจ ท่าทีเขายิ่งนานก็ยิ่งมีความสุข

อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหลินเซิงกลับดูหม่นลงไปถนัดตา คู่แววตาของเขาเปล่งประกายโหดเหี้ยม

นั่นเพราะตนจดจำได้แล้ว ว่าฉินเฟิงคนนี้เป็นใคร!

ไม่กี่วันก่อน มีรายงานมาว่าเจียงเส้าหยางได้หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากการตามล่าผู้เข้าประลองเวทีใต้ดิน นอกจากนี้ ทางคลับอินทรีภายใต้การครอบครองของหลินเซิง จู่ๆก็ถูกเข้าตรวจสอบอย่างกระทันหัน เขาสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ชนิดที่ว่าต้องเฉือนเนื้อตัวเองจ่ายมันออกไป

และผู้เข้าประลองคนที่กล่าวมาก็ไม่ใช่ใครอื่น มันเรียกว่าฉินเฟิง นอกจากนี้ข้อมูลที่ถูกส่งมากับภาพตรงหน้าก็เหมือนกันแทบทุกประการ

‘เดิมที ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะใช่เด็กคนนี้ที่ฆ่าเจียงเส้าหยาง แถมยังมีข่าวลือต่างๆถูกปล่อยออกมาอีกมากมาย แต่พอมาลองดูตอนนี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว เพราะอีกฝ่ายก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล F เหมือนกัน!’

เมื่อคิดได้ดังนั้น ความเกลียดชังก็ฟุ้งออกมาจากในแววตา หลินเซิงบังเกิดความคิดที่ว่าจะต้องสังหารฉินเฟิงให้เร็วที่สุด!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท