Ch.122 – ความโสมมในยามหายนะ
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.122 – ความโสมมในยามหายนะ
เห็นแค่เพียงกระสุนถูกสาดออกมา แต่สำหรับผู้ใช้วรยุทธโบราณแล้ว มันไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
นับประสาอะไร กับฉินเฟิงที่เป็นผู้ใช้อบิลิตี้
พลังสมาธิพลันล็อคลงในห่ากระสุน และเมื่อพบว่าพวกมันไม่มีพลังสมาธิของมือปืนคอยชี้นำ ก็เป็นเรื่องง่ายดายเข้าควบคุม
เมื่อไร้พลังสมาธิ กระสุนพวกนี้ก็กลายเป็นเพียงแค่ขยะ ไม่อาจยิงเข้าใส่เป้าหมายได้
อย่างไรก็ตาม อย่างฉินเฟิง มีหรือที่จะเบี่ยงวิถีกระสุนออกไปเปล่าๆ เมื่อถูกยิงมา เขาย่อมส่งพวกมันกลับคืน!
“จงสะท้อน!”
พลังสมาธิแทรกซึมเข้าไปในกระสุน ควบคุมมันกลางอากาศ กระสุนเด้งกลับหลังทันทีและ—
–ปุด ปุด ปุด ปุด!
วกกลับเข้าหาคนที่ยิงมันออกมาในตอนแรก บังเกิดเสียงกรีดร้องเวทนาดังขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังได้ยินถึงเสียงคมมีดปะทะเข้าต้านทานกระสุน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
กระสุนที่สวนกลับไปไม่ได้รวดเร็วนัก บางคนจึงสามารถตอบสนองได้ทัน
เหตุการณ์นี้คล้ายคลึงกับในตอนของเหอหลีที่โจมตีฉินเฟิง และสุนท้ายก็ถูกปัดออกด้วยมีดกษัตริย์ครามโดยตรง
และเวลานี้ ประตูเหล็กได้เปิดอ้าออกโดยสมบูรณ์ ในแนวสายตา นอกเหนือไปจากศพกว่า 7 – 8 ศพที่อยู่กับพื้นแล้ว ยังมีผู้ใช้วรยุทธโบราณอีกสามคนในสภาพกุมอาวุธพร้อมรบ
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเหล่านี้ มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล F
“หาที่ตาย!”
“พวกเราร่วมมือกัน”
“รุมฆ่ามัน!”
ในแววตาของทั้งสามสาดประกายดุร้าย ทว่าหากเทียบกับฉินเฟิงแล้ว พวกเขาอ่อนแอเกินไป!
“ใบมีดเพลิง!”
ฉินเฟิงกวัดแกว่งมีดกษัตริย์ครามภายใต้ใบมีดเรืองแสงสีเพลิง ฟาดใส่ทั้งสามจนปลิวออกไป
“อ๊ากกกก!”
ฉินเฟิงเดินตามร่างทั้งสาม และเข้าไปถึงส่วนลึกของห้องใต้ดิน
ภายใต้แสงสลัวจากไฟฉุกเฉิน ฉินเฟิงสามารถมองเห็นถึงฉากภายใน ทันนั้นนั้นรูม่านตาของเขาพลันหดลีบ เบือนหน้าหนีไปอีกทิศทางหนึ่ง
ฉินเฟิงก้าวถอยออกมา และเอ่ยขอ “หลิวซู ช่วยไปปลอบพวกเธอแทนฉันที”
หลิวซูงงในตอนแรก แต่เมื่อเข้าไป และเห็นถึงฉากภายใน ดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้าง
“เดรัจฉาน!”
ภายในห้องใต้ดินกว้างขวางมา แต่ที่นี่กลับมีคนอยู่แค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น และทั้งร้อยคนกำลังขดตัวอยู่ในมุมเดียวกัน อีกมุมหนึ่งมีหญิงสาวกว่า 20 คน ที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้า นอนแข็งอยู่บนพื้นเย็นๆ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าพวกเธอผ่านพ้นประสบการณ์ใดมา
นอกจากนี้ ยังมีศพอีกกองหนึ่งโยนทิ้งไว้อยู่ในมุมห้อง แม้จะผ่านพ้นไปแค่วันเดียว แต่กองศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว
หลิวซูพุ่งเข้าไปอย่างรีบร้อน ควานหาเสื้อผ้าของวัยรุ่นสาวเหล่านั้น ช่วยพวกเธอแต่งตัว
“พวกคุณมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเราใช่ไหม?”
ในดวงตาของวัยรุ่นสาวคนหนึ่งฟุ้งไปด้วยความเกลียดชัง เธอเอ่ยถามเสียงสั่น
หลิวซูไม่ทราบว่าจะตอบไปอย่างไรดี สุดท้ายยอมเออออไปตามน้ำ
“ใช่ ขอโทษนะที่พวกเรามาสาย!” หลิวซูกล่าวอย่างรู้สึกผิด
จริงๆแล้วถ้าไม่เข้ามา เธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ฉินเฟิงมองดูพวกวัยรุ่นสวมเสื้อผ้ากัน ก่อนจะกวาดสายตาไปทางอีกร้อยคน ในนั้นมีทั้งคนแก่และผู้หญิงขดอยู่รวมกัน หนึ่งในนั้นบังเกิดความรู้สึกผิด เบนหน้าหนีไม่กล้าสบตาเขา
แม้ว่าฉินเฟิงจะเข้ามาแล้ว แต่คนพวกนี้ก็ยังไม่ส่งเสียงใดๆ
ทั้งๆที่ผ่านไปแค่วันเดียว แต่พวกเขาทำราวกับว่าโลกได้ล่มสลายลงไปแล้ว
“เรื่องราวมันเป็นยังไง เล่าให้ฉันฟังได้นะ” ฉินเฟิงถามเสียงหม่น
วัยรุ่นสาวเงยหน้าขึ้นมองฉินเฟิง เธอเห็นว่าฉินเฟิงคือคนแรกที่เข้ามาที่นี่ แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้สังหารผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F ทั้งสามคน แต่ก็สามารถสร้างอาการบาดเจ็บสาหัส
“ทั้งหมดเป็นฝีมือของพวกมัน! เป็นพวกมัน!” วัยรุ่นสาวกัดฟันแน่นและเริ่มเล่า “เมื่อวานพวกเราซ่อนตัวกันอยู่ในที่หลบภัยใต้ดินด้วยกัน แต่พวกมันกลับเข้ามาลวนลามพวกเรา เพื่อนร่วมชั้นของฉันเลยเข้ามาหยุด แต่ก็ถูกพวกมันฆ่าทิ้ง ไอ้พวกสารเลว! สัตว์นรก!”
ขณะเล่า วัยรุ่นสาวก็เริ่มร้องไห้ออกมา ขณะที่คนอื่นๆเริ่มสะอื้นไห้
ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก มันไม่เพียงเป็นที่รวมร้านค้าขายของในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเสื้อผ้า และโรงภาพยนต์ในชั้นบนสุด กล่าวได้ว่าเป็นห้างสรรพสินค้าครบวงจร
วัยรุ่นหญิงคนนี้ เป็นนักเรียนที่เพิ่งจบการศึกษาจากสถาบันระดับกลาง และได้รับการฉีดยากระตุ้นในปีนี้
เช่นเดียวกับฉินเฟิง บรรดาเพื่อนร่วมชั้นต้องการที่จะมาปาร์ตี้กันหลังจากจบการศึกษา และวันหยุดก็ตรงกับวันที่เกิดเรื่องพอดี ทุกคนมาร้องเพลงกัน และเกิดรอยแยกมิติขึ้น ดังนั้น ทั้งหมดจึงอพยพลงมายังชั้นใต้ดินอย่างเป็นระเบียบเพื่อหลบภัย แต่ไม่มีใครคาดคิด ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของฝันร้าย …
—-
กลับมาที่อีกฝั่งหนึ่ง ในฐานะผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F ผู้มากประสบการณ์ ทั้งสามคนช่วยเหลือผู้คนระหว่างทางมาที่นี่ ดังนั้นเลยกลายเป็นผู้นำไปโดยปริยาย
และเมื่อพวกมันเห็นว่ามีนักเรียนคนหนึ่งหน้าตาดี เลยคิดเจ้าชู้เล็กน้อย ขณะเดียวกัน นักเรียนบางคนที่ฉีดยากระตุ้นและสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณขึ้นมาได้ ก็เข้ามาขัดขวาง
ทว่าลูกวัวแรกเกิดจะมาสู้กับเสือได้อย่างไร?
การต่อสู้นี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการเชือดอยู่ฝ่ายเดียว
ทั้งสามฆ่าพวกเด็กๆที่กล้าหือ และเริ่มกระทำการไร้ยางอาย
“พวกสารเลวนั่นสมควรตายสินะ?” ฉินเฟิงทวนซ้ำคำกล่าวของวัยรุ่นสาว
เวลานี้ คนอื่นๆต่างมองมาทางฉินเฟิง ในแววตาทั้งหมดฟุ้งไปด้วยความซับซ้อน
ทุกคนก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าฉินเฟิงจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
เพราะยังไงซะ ผู้ใช้พลังก็เปรียบดั่งอัญมณีล้ำค่าที่ไม่ควรสูญเสียไป!
ยิ่งในสถานการแบบนี้ ต่อให้พวกมันจะไม่ใช่อัญมณี หากแต่เป็นเพียงเศษเงินไร้ค่า แต่ก็ยังมีประโยชน์ ไม่สมควรที่จะสูญเสียไป
เมื่อนึกถึงจุดนี้ วัยรุ่นสาวก็เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง พวกเธอคิดว่าฉินเฟิงคงไม่ตัดใจสังหารพวกมัน แต่คงมอบชีวิตให้ทำหน้าที่รับใช้แทน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง พวกเธอก็ได้ยินถึงเสียงของฉินเฟิง
“งั้นฉันจัดให้ตามที่ขอ!”
ก่อนหน้านี้ แม้ฉินเฟิงจะซัดทั้งสามปลิวด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสังหาร เพียงทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
และปัจจุบัน เขาก้าวสามขุมเข้าหาผู้บาดเจ็บทั้งสามอย่างไม่ลังเล
“นั่นแกคิดจะทำอะไร?” ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F ตะคอกดุดัน หากแต่ภายในกลับใจเสาะ ร่ำร้องตะโกน ‘มิสเตอร์ฉิน ได้โปรด พวกเราผิดไปแล้ว!’
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ดูวิดีโอของฉินเฟิงแล้ว และทราบว่าคนเบื้องหน้าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ทั้งหมดก็ยังคิดว่าตนอาจจะโชคดี สังหารฉินเฟิงในทีเผลอได้
ทว่าพวกเขากลับถูกโค่นลงภายในการโจมตีเดียว ความมั่นใจมลายหายไปสิ้น
‘ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคนๆหนึ่งจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้!’
เขามีอาชีพอะไรกัน? มือปืน? , ผู้ใช้วรยุทธโบราณ? หรือผู้ใช้อบิลิตี้?
แต่ไม่ว่าจะมีอาชีพอะไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว
“ท่าทีของพวกแกดูผิดจากคำที่พ่นออกมาลิบลับเลยนะ และบังเอิญว่าฉันเป็นคนมีความอดทนต่ำซะด้วยสิ เวลามีทรายน่ารำคาญเข้าตา ก็ต้องกำจัดไปให้พ้นทาง!”
สิ้นเสียง ฉินเฟิงก็สะบัดมีดกษัตริย์ครามในมือออกไป
ใบมีดเพลิง!
ใบมีดเพลิงวาดเป็นวง ตัดคอของอีกฝ่ายทันที ศีรษะทั้งสามกลิ้งตกลง ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆของเลือดออกมาจากบาดแผล —รอยตัดของมันถูกเผาไหม้จนทั้งหมดกลายเป็นสีโค้ก แห้งกรังปิดปากแผลสนิท
ทักษะลับกลืนดาราของฉินเฟิงเริ่มทำงาน กำลังภายในของสามผู้ใช้วรยุทธโบราณถูกถ่ายเทเข้ามาทันที
พวกวัยรุ่นสาวที่เห็นถึงฉากนี้ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกกลัว ตรงกันข้าม พวกเธอกลับสดชื่น คล้ายถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ!
‘ตายแล้ว เจ้าพวกโสมมที่ทำร้ายพวกเรา ในที่สุดก็ตายกันหมดแล้ว!’
“พวกเธอต้องการจะฝ่าวงล้อมไปกับฉัน หรือจะอยู่ที่นี่ต่อ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
เหล่าวัยรุ่นสาวเงียบ มีเพียงคนที่สนทนากับเขาตอนแรก เอ่ยกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ถ้าไป … แล้วคุณจะปกป้องพวกเรารึเปล่า?”
“ปกป้องพวกเธอ? ไม่หรอก พวกเธอต้องปกป้องตัวเอง!”
ฉินเฟิงยกมือขึ้น และโยนปืนพกลงให้แก่วัยรุ่นสาว
วัยรุ่นสาวจ้องมองปืนพก ก่อนจะตัดสินใจคว้ามัน และกำจนแน่น
“ตกลง ฉันจะไปกับคุณ!”
เวลานี้พวกเธอตัดสินใจละทิ้งตัวตนเดิม ที่ไม่สนใจการต่อสู้หรือล่าสังหาร ในแววตาวาวโรจน์ลุกโชนดั่งเปลวเพลิง คล้ายเพิ่งเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง–
–ว่าโลกใบนี้มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น! ต้องครอบครองมัน! ถึงจะสามารถปกป้องตัวเองได้ และคนที่พึ่งพาได้ … ก็มีแค่ตัวของเธอเองเท่านั้น!