โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 144

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.144 – เฉินหมิงกลายร่าง

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.144 – เฉินหมิงกลายร่าง

ได้ยินหลินไคพูดแบบนั้น โจวฮ่าวก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที

“ฮ่าฮ่า เฉินหมิง แกรู้สึกภูมิใจไหม ที่ต่อให้ครอบครองพลังแข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นได้แค่หมารับใช้ของคนอื่น ไอ้หลินไคมันไม่คิดว่าแกเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ!”

เฉินหมิงถูกโจวฮ่าวจี้ใจดำ อารมณ์ทั้งอับอายและโกรธขึงผสมปนเปกันไป

“ถ้าฉันเป็นหมารับใช้ แล้วแกล่ะเป็นตัวอะไร? ใช่เห็บหมารึเปล่า? ทำเป็นพูดดี ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเฟิง คิดหรือว่าตัวแกจะครอบครองความแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้!!” เฉินหมิงตวาดพลางเตะสวน คราวนี้เหมือนกับว่าเขาไม่คิดยั้งมือใดๆ

โจวฮ่าวทานรับไม่ไหว กระเด็นถอยหลัง

“อ๊อก ..!” โจวฮ่าวกระอักเลือดเต็มปาก หากไม่ใช่เพราะเกราะชั้นในของราชันย์หนูที่ฉินเฟิงมอบให้ เกรงว่าอวัยวะภายในของเขาคงแหลกไปแล้ว

เฉินหมิงย่างสามขุมไปทีละก้าว ทีละก้าว แม้ปากตนจะด่าออกไปแบบนั้น แต่คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้สึกเสียใจ?

หากย้อนเวลากลับไป และเขายังแสดงละครอยู่ เกรงว่าฉินเฟิงคงไม่ตีตัวออกห่าง และบางทีตนอาจจะได้กลายเป็นเหมือนกับโจวฮ่าวก็ได้มิใช่หรือ? ได้รับทั้งวิชาฝึกวรยุทธโบราณโดยฉินเฟิง

ออกไปทุ่งล่าด้วยกัน ไหนจะได้สวมใส่อุปกรณ์รูนระดับราชันย์สัตว์ร้ายฟรีๆ

แต่ใครมันจะไปคิดกัน ว่าในเวลาสั้นๆฉินเฟิงจะสามารถแกร่งได้ถึงขนาดนี้?

ไม่ว่าจะเฉินหมิงหรือฉินเฟิง ทั้งสองต่างเป็นเด็กกำพร้าด้วยกันทั้งคู่ แต่ปัจจุบันกลับปรากฏช่องว่างช่วงใหญ่ ชนิดหากใช้วิธีการปกติคงยากจะไล่ตามได้ทัน

‘ในเมื่อฉันไม่ได้รับอะไรเลยจากฉินเฟิง งั้นแกก็ต้องไม่ได้รับมันเหมือนกัน!’ เฉินหมิงคิด ง้างขาขึ้นอีกครั้ง และย่ำลงอย่างแรง!

โดยคราวนี้ เขาเล็งลงตรงหัวของโจวฮ่าว ด้วยพละกำลังของเฉินหมิง โจวฮ่าวจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

โจวฮ่าวแน่นอนไม่ยอมอยู่เฉย เขายกแขนขึ้นตั้งการ์ดตามสัญชาตญาณ พยายามต้านขาของเฉินหมิง สองตาหุบแน่น ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับการป้องกัน

อย่างไรก็ตาม ผ่านไปกว่าหนึ่งลมหายใจ โจวฮ่าวก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ตรงกันข้าม กลับปรากฏเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นแทน

โจวฮ่าวลืมตาขึ้นอีกครั้ง และพบกับร่างที่แสนจะคุ้นเคย

เป็นร่างของนักเรียนที่ไม่ได้สวมใส่เกราะรูนใดๆ เห็นเพียงชุดนักเรียนสีแดงเข้ม ที่แม้จะผ่านไปสามวันแล้ว แต่มันก็ยังสะอาดสะอ้าน พร้อมกับมีดยาวที่แขวนอยู่ตรงเอวของเขา—

—เป็นฉินเฟิง!!!

เขามาถึงแล้ว!

“โจวฮ่าวกับแกน่ะไม่เหมือนกัน” ฉินเฟิงกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เขาคือพี่น้องของฉัน ส่วนแกเฉินหมิง แกมันแค่หมารับใช้ของคนอื่น กล้าเอามาเทียบกันได้ยังไง!! ”

เฉินหมิงที่ถูกยันเข้าเต็มรัก ตอนนี้กำลังยกสองมือขึ้นกุมหน้าท้อง เขารู้สึกราวกับอวัยวะภายในแหลกเป็นเสี่ยงๆ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธ น่าจะเป็นคำพูดของฉินเฟิงมากกว่า

“ฉันไม่ใช่หมารับใช้!! หลินไคนับเป็นตัวอะไร? มันก็แค่เศษขยะ!” เฉินหมิงคำรามเดือดดาล

หลินไคที่อยู่ไม่ไกล เบิกตากว้างอย่างไม่คาดฝัน เขาไม่นึกเลยว่าเฉินหมิงจะกล้าพ่นคำดูหมิ่นออกมาตรงๆต่อหน้าเขา

“เฉินหมิง! ไอ้หมาบ้า เชื่อไหมขอแค่เอ่ยปากฉันสามารถฆ่าแกได้!”

มุมปากของเฉินหมิงผุดรอยยิ้มน่ากลัวขึ้นทันใด โฉบวูบ! กระทำการอุกอาจอย่างไม่มีใครคาดคิด

“พอกันที! ฉันทนกับแกมานานแล้ว จงมอบชีวิตมาให้แก่บิดา!”

ฟางเส้นสุดท้ายของเฉินหมิงขาดผึง เขาพรวดเข้าหาหลินไค ฉกมือข้างหนึ่งจิกลงบนลำคออีกฝ่าย

ยิ่งไปกว่านั้น ตรงนิ้วของเขา จู่ๆก็เริ่มแปรสภาพเป็นกรงเล็บหมาป่าขึ้นอย่างกระทันหัน

นี่แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่กระบวนท่าเปลี่ยนร่างในรูปแบบของกำลังภายใน แต่เป็นการเปลี่ยนร่างทางกายภาพจริงๆ!

เห็นถึงฉากนี้ ทั้งโจวฮ่าวและฉินเฟิงกลายเป็นตะลึงงัน!

จำได้หรือไม่ ว่าทั้งสองเคยผ่านประสบการณ์ไล่ล่าไวเปอร์มาก่อน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ทั้งสองจะทราบว่ามันคืออะไร

“นั่นร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์!”

ทว่าเสียงอุทานนี้ กลับถูกกลบด้วยเสียงโหยหวยน่าเวทนาที่ดังยิ่งกว่า

ภายใต้กรงเล็บของเฉินหมิง เลือดกระฉูดจากคอของหลินไค

หลอดเลือดแดงถูกกรงเล็บแหลมตัดจนขาดจากกัน

“อ๊ากกกกกก!” หลินไคร้องลั่น แต่พอพบว่าเลือดยิ่งทะลัก เขาก็หุบปากไม่กล้ากรีดร้องอีกต่อไป หนึ่งมือยกกุมคอปิดรูเลือดอย่างสิ้นหวัง อีกหนึ่งพยายามเอื้อมไปคว้ายาจากกระเป๋าสะพายเพื่อรักษาตนเอง

ทว่าในเวลานั้นเอง เฉินหมิงพลันสะบัดมือออก เหวี่ยงหลินไคลงกับพื้น ย่ำเท้าลงเหยียบอีกฝ่าย

“ไหนแกลองพูดใหม่ซิ ว่าใครกันที่เป็นหมารับใช้? จำใส่หัวเอาไว้ให้ดี ว่าขยะอย่างแก อย่าบังอาจมาชี้นิ้วสั่งฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนต้องการข้อมูลบางอย่างจากแกล่ะก็ … มีหรือฉันจะยอมก้มหัว? ยอมเป็นบอร์ดี้การ์ดของแก? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!!”

ฉากเบื้องหน้านี้ เป็นเรื่องที่คนทั้งหมดคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง

แต่ฉินเฟิงกลับตระหนักได้ถึงบางสิ่งอย่างกระทันหัน

‘เจ้าเฉินหมิงมันหมายความวว่ายังไง? มีใครอยากได้ข้อมูลจากหลินไคงั้นหรอ? แต่หลินไคมันเป็นแค่เพลย์บอย …’

แต่แล้วในพริบตา ฉินเฟิงคล้ายนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่ข้อมูลมีน้อยเกินไป เขายังไม่สามารถสรุปได้

ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องคาดเดาเลย เพราะตราบใดที่เขาจับตัวเฉินหมิงได้ ทุกอย่างก็จะถูกเฉลยออกมาเอง

ขณะเดียวกัน นักเรียนคนอื่นๆที่พบเจอฉากนี้เริ่มตื่นตระหนก

“เฉิน .. เฉินหมิง เฮ้เพื่อน นายช่วยปล่อยนายน้อยหลินก่อนเถอะ เขาจะตายอยู่แล้วนะ”

“นั่นสิ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน อย่าทำแบบนี้เลย!”

นักเรียนในกลุ่มมองมาทางหลินไค แม้พวกเขาจะไม่พอใจกับทัศนคติของหลินไค แต่ทั้งหมดต่างรู้ดี ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับหลินไค สุดท้ายคนที่รับเคราะห์คงไม่พ้นพวกเขา

เพราะท้ายที่สุดแล้ว พ่อของหลินไคน่ะเป็นถึงรองผู้ว่าการ!

เวลานี้ดวงตาของเฉินหมิงแดงก่ำจนเป็นสีเลือด เขาไม่สนไม่ฟังสิ่งที่คนรอบข้างเกลี้ยกล่อม

“ฮี่ฮี่ ตายก็ตายไปสิ เพราะยังไงมันก็เป็นแค่เศษขยะอยู่แล้ว!”

เฉินหมิงเบนสายตาจากหลินไค หันกลับมามองฉินเฟิง

“ฉินเฟิง เหตุการณ์ในตรอกเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เป็นฝีมือแกสินะ!” สายตาของเฉินหมิงตกลงบนมีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิง

เมื่อเฉินหมิงเอ่ยคำถามนี้ออกไป คนอื่นๆก็เริ่มสับสน

มีเพียงฉินเฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เพราะเป็นเขาเองที่ตัดขาของอีกฝ่าย!

“งั้นฉันขอถามบ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง ก็เป็นฝีมือนายใช่ไหม?” ฉินเฟิงเอ่ยเชิงคำถามในทำนองเดียวกัน

เฉินหมิงหัวเราะขึ้นทันใด “แกรู้จริงๆ แกรู้ว่าฉันทำมัน เพราะงั้นแกเลยตัดขาของฉันทิ้ง ตัดขาของคนที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์อย่างฉัน เพื่อแก้แค้นให้กับพวกมดไร้ค่า!! แกมัน–”

“เธอคือเพื่อนร่วมชั้นของพวกเรา ที่เคยใช้เวลาอยู่ร่วมกันมานาน นับตั้งแต่อายุ 6 ขวบ … เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมากว่า 10 ปี! ” ฉินเฟิงขัดจังหวะเฉินหมิง กล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องพูดถึงถ้าในวันนั้น ไม่มีฉันอยู่ เพื่อนร่วมชั้นของเราคงตายกันหมดแล้ว นายกล้าทำถึงขนาดนั้น ยังมาตราหน้าฉันว่าผิดอีกหรอ!”

“ผายลม! เพื่อนร่วมชั้นอะไร มนุษย์ทุกคนมันก็มีปีศาจอยู่ในตัวเองกันทั้งนั้น ฉินเฟิง แกเองก็ตื่นขึ้นในฐานะผู้ใช้อบิลิตี้ ทำไมถึงยังมีความคิดไร้เดียงสาแบบนี้อยู่อีก? แกน่าจะรู้ดีว่าพวกมันเป็นแค่ขยะ! เป็นความล้มเหลวในฐานะมนุษย์ที่ต้องถูกกำจัด! และมีแค่พวกเรา เหล่าผู้ใช้พลังเท่านั้นที่แข็งแกร่งและสมควรมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้!”

“เฉินหมิง! นายถูกพวกองค์กรมืดล้างสมองไปแล้ว!!” ฉินเฟิงกล่าวเหยียดหยัน

ช่วงเวลานี้ คนอื่นๆก็ได้ยินเช่นกัน แต่มีเฉพาะโจวฮ่าวเท่านั้น ที่เริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง

“เฉินหมิง การโจมตีจากพวกองค์กรมืดเมื่อเดือนก่อน เป็นฝีมือแกงั้นหรอ ทำไมกัน?” โจวฮ่าวคำรามด้วยความโกรธ

ในเวลานั้น มีคนได้รับบาดเจ็บมากมาย และหยางเคียนถึงขั้นต้องตัดขาตัวเอง

“ทำไมงั้นหรอ?” เฉินหมิงยิ้มชั่วร้าย “ก็เพื่อที่จะถีบตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไง! เพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นแค่เด็กกำพร้า!! ฉันอยากจะแข็งแกร่งขึ้น … แข็งแกร่งจนเหยียบย่ำพวกแกให้จมดิน!!!”

ดวงตาของเฉินหมิงสาดประกายคลั่งไปทางฉินเฟิง

“ฉินเฟิง! และฉันอยากจะขอบคุณแกนะ เพราะถ้าแกไม่ตัดขาฉันในวันนั้น ปัจจุบันฉันคงไม่ได้รับโอกาสนี้ ”

“เรามาดูกัน ว่าความแข็งแกร่งของฉันจะทำให้แกประหลาดใจแค่ไหน!”

สิ้นเสียง ทั้งคนทั้งร่างของเฉินหมิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตรงช่วงขาทั้งสองข้างของเขา

กางเกงเริ่มตึงเปรี๊ยะและฉีกขาด เผยให้เห็ยถึงคู่ขาอันแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายปรากฏสู่สายตา!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท