Ch.155 – ชนะติดต่อกันอีกครั้ง
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.155 – ชนะติดต่อกันอีกครั้ง
เต๋าชิชางน่ะเป็นคนที่มักจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเสมอ เขาฉกาจในการลอบสังหาร ดังนั้นการต่อสู้บนสังเวียน จึงนับว่าเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับเขา
“เดิมทีฉันไม่ต้องการใช้เจ้าสิ่งนี้ แต่ว่านะเจ้าหนู …. แกไม่ตายไม่ได้จริงๆ!”
เต๋าชิชางปลุกเร้ากำลังภายใน ถ่ายเทลงไปในจักรกลอย่างดุเดือด สะบัดฝ่ามือเล็งไปทางฉินเฟิงและ –ลั่นไกออกไป!
พริบตาที่ฉินเฟิงเห็นสิ่งที่พุ่งออกมา ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็เริ่มตื่นตัวขึ้นทันที
“นั่นมันเข็มบิน!”
อีกฝ่ายงัดเอาอาวุธลับขึ้นมาใช้!
–ในบรรดาผู้ใช้วรยุทธโบราณ แม้เท่าที่เห็นมักจะใช้หมัดลุ่นๆ แต่พวกเขาเองก็ไม่มีปัญหาขาดแคลนในด้านอุปกรณ์ต่อสู้ เช่นเดียวกับผู้ใช้อบิลิตี้ อาวุธที่พวกเขาสามารถใช้งานได้ก็ร้ายกาจเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาวุธที่ถ่ายเทกำลังภายในลงไป ผลลัพธ์ที่เกิดจากมันจะน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เพราะทั้งนี้ทั้งนั้น ที่กล่าวมาน่ะมันคืออาวุธรูน ซึ่งมิใช่สิ่งที่อาวุธปืนธรรมดาจะสามารถเทียบเปรียบได้
ก่อนจะเกิดใหม่ ฉินเฟิงใช้เวลาตระเวนเรียนรู้อยู่นาน แต่เขาก็ยังไม่ค่อยกระจ่างชัดเกี่ยวกับอำนาจของวัตถุเหล่านี้
ทันทีที่ไกถูกลั่น พลังสมาธิของฉินเฟิงก็ถูกปลุกเร้าจนถึงขีดสุด
วินาทีต่อมา เกือบจะในทันที ละอองสีดำนับสิบนับร้อย ที่แต่ละเข็มบางเบาเพียงขนวัวก็พุ่งเข้าใส่ฉินเฟิง
“ทักษะลับกลืนดารา!”
ไม่เพียงปลุกเร้าพลังสมาธิ ฉินเฟิงยังกระตุ้นกำลังภายในทั้งหมดของเขา ผสานไปกับกำลังภายในที่ขโมยมาก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ในตันเถียน มีอย่างน้อยมากกว่าร้อยกลุ่มหมอก สูงกว่ากำลังภายในของอีกฝ่ายถึง 9 เท่า!!
“ปลดปล่อยแรงผลัก!”
อำนาจผลักดันมหาศาลพลันระเบิดออก ม้วนเข้าใส่เข็มบินอย่างโกรธเกรี้ยว
เดิมเข็มบิน แม้มีขนาดเล็ก แต่ทั้งหมดก็ปกคลุมไปด้วยอำนาจป้องกันที่ใช้ยับยั้งกำลังภายใน ทว่าเมื่อเจอกับการดำรงอยู่อย่างทักษะลับกลืนดาราที่สามารถดูดกลืนกำลังภายในของฉินเฟิง กำลังภายในบนเข็มบินพลันถูกสลาย หมดสิ้นซึ่งอำนาจทำลาย แรงยิงแผ่วตกลง และถูกเข้าควบคุมโดยพลังสมาธิต่อทันที พริบตานั้นเข็มบินม้วนตลบ และพุ่งสวนคืนกลับไป!
ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ!
ทั่วทั้งใบหน้าของเต๋าชิชางพลันปรากฏรอยจ้ำสีแดงเล็กๆ หากเพ่งมองอย่างใกล้ชิด จะพบว่า มันเป็นรูขนาดเท่าขนวัว!
กลิ่นอายของเขาเริ่มสูญสิ้น พลังพิเศษดูดกลืนของฉินเฟิงเริ่มทำงาน กลืนกินพลังงานและกำลังภายในของฝ่ายตรงข้ามทันที
บัดนี้ … เต๋าชิชาง — ได้จบชีวิตลงอย่างไม่ยุติธรรม!
จนกระทั่งเต๋าชิชางเสียชีวิต ฝูงชนโดยรอบถึงกล้าหายใจ รู้สึกราวกับในที่สุด มือของใครบางคนที่คอยบีบคอของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ยอมคลายมันลง
ฉินเฟิงทิ้งตัว นั่งขวาทับซ้ายอย่างไม่ลังเล ควบคุมลมหายใจต่อหน้าผู้คนมากมาย
กำลังภายในมหาศาลถูกกระตุ้นใช้งานกระทันหัน ส่งผลให้สีหน้าของเขากลายเป็นซีดเซียว คล้ายตรากตรำทำงานมาอย่างหนัก บนหน้าผากหลั่งไหลไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ฉากตรงหน้าทำให้ผู้คนคิดว่าฉินเฟิงคงฝืนกำลังตนเองมากเกินไป
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉินเฟิงก็ฝืนกำลังไปมากนั่นแหละ ทว่าการเก็บเกี่ยวที่เพิ่งได้รับมามันกำไรยิ่งกว่า
ในตอนแรก เส้นลมปราณของฉินเฟิงถูกบังคับให้ขยายออกจากการปลดปล่อยกำลังภายในแปลกปลอมของผู้อื่นที่เพิ่งถูกฉกชิงมา นี่ถือว่าเป็นการทำร้ายตัวเองทางอ้อม แต่ร่างกายของเขาก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจากพลังงานของเต๋าชิชาง
กำลังภายในของเต๋าชิชางก็ถูกสูบเข้ามาเช่นกัน ฉะนั้นมันจึงมีส่วนช่วยเติมเต็มกำลังภายในเก่าที่หายไปในตันเถียน
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงมีรากฐานที่ดีมาก่อนแล้วในตอนอยู่เลเวล G ผสานไปกับกลุ่มหมอกกำลังภายในเดิมกว่า 40 กลุ่ม ทำให้แม้จะฝืนไปบ้าง แต่ตันเถียนของฉินเฟิงยังมั่นคง มีเสถียรภาพ!
เดิมทีในตันเถียนท่วมไปด้วยกลุ่มหมอก ทว่าถูกกวาดออกไปอย่างรีบร้อนในการปะทะก่อนหน้านี้ พอลองเพ่งมองดูใหม่อีกที ฉินเฟิงพบว่าปัจจุบันเหลืออยู่ทั้งสิ้น 74 กลุ่มหมอก
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
อบิลิตี้ติดตัวของฉินเฟิงถูกเปิดใช้งาน มันเริ่มกลืนกินกำลังภายในอย่างบ้าคลั่ง
แทบจะไม่ต้องรอ กำลังภายในส่วนหนึ่งก็ถ่ายเทกลับมาผ่านเส้นลมปราณที่ขยายใหญ่อีกครั้ง หวนคืนสู่ตันเถียน
หลังจากที่ทำเช่นนี้ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง ในที่สุดฉินเฟิงเลยรู้ว่าหลังจากการกลืนกินกำลังภายในแล้วส่งคืนกลับมาในแต่ละครั้งปริมาณที่จะถูกส่งกลับมาจะอยู่ในรูปแบบ1/4 ไม่ก็ 1/3
แต่เพราะในครั้งนี้ เนื่องจากกระทั่งคนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นนักสู้เลเวล F ระดับชั้นยอด ดังนั้นกำลังภายในที่ชิงมาจึงมีสภาพดีตั้งแต่ต้น หลังจากหลอมโดยพลังกลืนกิน ฉินเฟิงเลยได้รับกลับมามากถึง 30 กลุ่มหมอก
ปัจจุบัน หากเทียบตัวฉินเฟิงกับเลเวล F ธรรมดาๆที่มีกลุ่มหมอกกำลังภายในเพียง 10 ฉินเฟิงจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาถึง 7 เท่า!
ยังไม่พอ เขาสังหารผู้คนไปมากมายในการประลองวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสุดท้ายเต๋าชิชาง ผลลัพธ์ของมันส่งผลให้ร่างกายของฉินเฟิงเริ่มเกิดการพัฒนาไปอีกขั้น
“เขาก้าวขึ้นสู่เลเวล F7 แล้ว!”
เสียงรอบข้างยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง
สามารถตัดผ่านอุปสรรคได้ในสถานที่แบบนี้
ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา!
แม้จะดูเหมือนง่ายที่ฉินเฟิงสามารถอัพเลเวลได้ที่นี่ แต่ในมุมมองของคนอื่นๆ การจะทำเช่นนี้ได้เป็นเรื่องยากเย็นนัก
เพราะการคืบคลานไปในแต่ละขั้น อย่างไรก็ต้องการเวลา ไม่เหมือนกับฉินเฟิง ที่หลังต่อสู้ไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาก็สามารถตัดผ่านอุปสรรคได้แล้ว!
นอกจากนี้การไต่ลำดับการต่อสู้ก็เป็นสิ่งที่ยากเย็นเช่นกัน แต่ฉินเฟิงกลับชนะการต่อสู้ติดๆกันในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ตามกฏของศูนย์ประลอง ฉินเฟิงสามารถท้าทายได้ห้านักสู้ในแต่ละครั้ง จากนั้นก็จำเป็นต้องหยุดพัก 1 วัน แล้วถึงสามารถท้าประลองต่อเนื่องอีกห้ารอบในครั้งต่อไปได้ หรืออีกความหมายนึงก็คือ การท้าประลองที่ตัวเขาทำอยู่ในขณะนี้ แท้จริงแล้วจำต้องใช้เวลามากถึง 1 สัปดาห์ ถึงจะเรียกว่าปกติ — การท้าทายกว่า 15 คนในคราวเดียว มันทั้งเหนื่อยล้าและกินพลังงานมากเกินไป ไม่มีใครเขาทำกันหรอก!!
ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง
เขาค่อยๆลืมตาขึ้น และพบว่าผู้คนรอบข้างกำลังจ้องมองเขาอย่างเหม่อลอย คล้ายกับต้องการให้เขาเอ่ยเลือกท้าประลองคนต่อไป
โดยที่พวกเขาไม่ทราบด้วยซ้ำ ว่าช่วงเวลาเมื่อครู่ที่ผ่านมา มีแสงสีเงินลอยล่อง กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณโดยรอบอย่างลับๆ —มันคือฝีมือของไป๋หลีที่แยกตัวฉินเฟิงออกจากผู้คน ระหว่างนั้น หากมีใครกล้าทำตัวผลีผลาม เกรงว่าร่างกายของเขาคงถูกจับแยกออกส่วนซะก่อนจะถึงตัวฉินเฟิง
แต่โชคยังดี ที่ระหว่างนั้นไม่มีใครกล้าเสนอหน้าเข้ามา
‘เขาจะยังเลือกขอท้าทายต่อไหมนะ?’ นี่คือสิ่งที่ในใจของทุกคนกำลังคิด
เพราะปัจจุบันชนะมาถึง 19 ครั้งติดต่อกันแล้ว ฉะนั้นอย่างน้อยก็ต้องชนะอีกสักครั้งถึงจะถูกต้อง
ฉินเฟิงเองก็คิดเหมือนกัน ดังนั้นเขาต้องการจะท้าทายต่อ
ทว่าในเวลานั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของเขาก็ส่งเสียง ติ๊ดๆ ขึ้น
【หมายเลขนักสู้ XXXX ขอท้าประลองกับคุณ! อีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล F9 ฉะนั้นคุณสามารถนับรวมเป็นชัยชนะในครั้งต่อไปได้】
เวลานี้ ปรากฏร่างๆหนึ่งยืนอยู่ใต้เวที
“สวัสดีฉินเฟิง ฉันเรียกว่า ‘เฉิงโจว’ เป็น ‘ผู้ใช้อบิลิตี้’ ฉันอยากจะถามว่าพวกเราพอจะประลองแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ไหม? แน่นอน ฉันเองก็จะทุ่มสุดฝีมือ และถ้าหากว่ามันเป็นการขัดผลชนะต่อเนื่อง ก็หวังว่านายจะไม่ใส่ใจ!”
เสียงของคนใต้เวที เป็นธรรมดาที่จะผ่านเข้ามาถึงหูของฉินเฟิง เขาชะโงกหน้าออกไปมองฝ่ายตรงข้าม และพบว่าอีกฝ่ายกำลังแผ่กลิ่นอายชืดชาเล็กน้อยออกมา น้ำเสียงเองก็เย็นชา แข็งกร้าวไม่แพ้กัน คู่ดวงตาเป็นสีดำเหล็ก
ไม่รอให้ฉินเฟิงเอ่ยตอบ ฝูงชนโดยรอบก็พากันกรีดร้องขึ้นทันที
“นั่นเฉิงโจว!”
“อัจฉริยะหนุ่มแห่งตระกูลเฉิง!”
“ตอนนี้เขาอยู่ในเลเวล F9 แล้ว ทั้งๆที่ยังมีอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น!”
อีกแค่ก้าวเดียวก็จะทะยานขึ้นสู่ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล E –ต้องรู้นะว่า ในศูนย์ประลองส่วนใหญ่มักจะเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้วรยุทธโบราณด้วยกัน เนื่องจากจำนวนของผู้ใช้อบิลิตี้มีน้อยมาก กล่าวได้ว่าหาได้ยากยิ่ง และพวกเขาไม่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด ดังนั้นจึงแทบไม่ปรากฏตัวขึ้นในศูนย์ประลอง
ทางฝั่งมือปืนก็เช่นกัน ต่อสู้แต่ละครั้งต้องสูญเสียกระสุนไปเป็นจำนวนมาก และการต่อสู้ของพวกเขามันมีอานุภาพทำลายล้างสูงเกินไป ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ นอกจากนี้พวกคนรวยยังชอบยิงกระหน่ำแบบไม่เกรงใจ แต่ทั้งหมดนั่นคือความบันเทิง สำหรับคนจนมันเปรียบดั่งการใช้เงินจุดพลุอย่างสนุกสนาน
ดั่งที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นมือปืนจึงไม่ได้รับสิทธิ์ให้ต่อสู้บนสังเวียน ขณะเดียวกันผู้ใช้อบิลิตี้ก็จะไม่มาเข้าร่วม
แต่ปัจจุบันฉินเฟิงสามารถชนะต่อเนื่องได้ถึง 18 ครั้ง แค่นั้นก็ก่อให้เกิดความฮือฮาไปทั้งเมืองเฉิงหยางแล้ว และแน่นอน หลังจากสังหารเต๋าชิชาง ก็เท่ากับว่าเขาชนะต่อเนื่อง 19 ครั้งติด!
แต่หลังจากที่เห็นฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้ออกมา เฉิงโจวก็เกิดคันไม้คันมือ อยากจะประลองกับฉินเฟิงดู
ฉินเฟิงเองก็เข้าใจถึงประกายเจิดจ้าที่ฉายอยู่ในแววตาของเฉิงโจว ว่ามันหมายถึงอะไร
ชายคนนี้ มองยังไงก็ไม่ใช่คนที่ซินเจี่ยเซิงส่งมาสร้างปัญหาแก่ตน แล้วอีกอย่าง เฉิงโจวก็ขอท้าสู้โดยตรง มิใช่การสุ่มจับคู่
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ฉินเฟิงก็พยักหน้ารับอย่างเรียบง่าย
“ก็เอาสิ ฉันตกลง!”
ฉินเฟิงคลิ๊กปุ่ม OK บนอุปกรณ์สื่อสาร เฉิงโจวที่ยืนอยู่นอกเวที ในที่สุดก็มีสิทธิ์ก้าวขึ้นมา!
“ปรับเปลี่ยนพื้นที่ประลองกันสักหน่อยดีกว่า สำหรับพวกเรา เวทีนี้มันเล็กเกินไป” เฉิงโจวกล่าว
ฉินเฟิงมิได้คัดค้าน
ต้องไม่ลืมนะว่าฉินเฟิงสามารถรับรู้ทุกสิ่งอย่างรอบตัวได้ในระยะ 300 เมตร ซึ่งความสามารถดังกล่าวยังเป็นตัวแทนที่บ่งบอกว่า ฉินเฟิงสามารถระเบิดอบิลิตี้ของเขาได้ในระยะ 300 เมตรเช่นกัน!
เอ่ยได้ว่าหากเขาปลดปล่อยพรมโลกันต์เพียงครั้งเดียว มันจะทอดยาวไกลออกไปถึง 300 เมตร! เทียบเท่าได้กับ 3 เท่าของลู่วิ่งในสถาบัน!
การระเบิดโจมตีของสองผู้ใช้อบิลิตี้ การกินขอบเขตจนเกินเลยมักเป็นเรื่องธรรมดา แม้จะสามารถใช้พลังสมาธิควบคุมได้ก็ตาม แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่พิสัยที่เวทีในปัจจุบันจะสามารถรองรับได้อย่างแน่นอน!