Ch.160 – การทดสอบผู้ใช้พลังเลเวล F
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.160 – การทดสอบผู้ใช้พลังเลเวล F
ฉินเฟิงกระทืบเบรก หยุดรถศึกล่องเวหาของเขา
แม้กลุ่มคนที่กำลังไล่ตามมา จะไม่เข้าใจว่าทำไมฉินเฟิงถึงคิดหาที่ตาย แต่ทั้งสามก็กระโจนออกจากรถ เข้าโอบล้อมรถล่องเวหาอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงเปิดประตูลงจากรถล่องเวหา ไป๋หลีเองก็เดินตามลงมาเช่นกัน
ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม แต่จู่ๆเลเวล E ทั้งสามคล้ายเย็นสันหลังวาบ ราวกับถูกจับจ้องโดยสัตว์ร้ายขนาดยักษ์
“จัดการซะ แต่อย่าทำให้รถศึกสกปรกล่ะ”
ฉินเฟิงเอ่ยปาก เปล่งน้ำเสียงแผ่วเบา
ทั้งสามที่กำลังปิดล้อมเบิกตากว้างทันใด พวกเขาไม่เข้าใจทำไมฉินเฟิงเอ่ยประโยคนี้ออกมา อันที่จริง ที่ต้องเอ่ยสมควรเป็นคำขอความเมตตามิใช่หรือ?
ทว่ายังไม่ทันขบคิด ตีโจทย์ให้แตก รู้สึกตัวอีกที รังสีแสงสีเงินก็สว่างวาบลงบนตัวของพวกเขาแล้ว
วินาทีต่อมา คล้ายจิตมิอาจควบคุมกาย ทั้งหมดจู่ๆก็ล้มครืนอย่างไม่อาจฝืนยืน
“อ๊าาาา!”
ทั้งสามกรีดร้องน่าสังเวชขึ้นพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อยากจะเชื่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
นี่มัน … มัน … มันเป็นไปได้อย่างไร!!?
สองแขน … สองขาของพวกเขา ถูกตัดสะบั้นลงอย่างกระทันหัน!
ตัดแยกจากลำตัวโดยสิ้นเชิง โดยที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นฝีมือของใคร
แต่ในขณะนั้นเอง ฉินเฟิงเยาะหยันเย็นชา “ไม่คิดเลย ทั้งๆที่ฉันกำลังจะกลับไปแล้วแท้ๆ แต่ทางตระกูลซินยังไม่วายมอบของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณในเลเวล E กว่า 3 คน ไม่เลว! ไม่เลวเลย!!”
ฉินเฟิงย่อตัวลง ยื่นมือออกไป วางลงบนตันเถียนของผู้ใช้วรยุทธโบราณคนหนึ่ง
“ทักษะลับกลืนดารา”
กำลังภายในถูกสูบกลืนมาอย่างบ้าคลั่ง!
“อ๊า! กำลังภายในของฉัน!” อาวุโสตระกูลซินกรีดร้อง ดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า
กำลังภายในหลั่งไหลออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง … กำลังภายในที่เขาเฝ้าฝึกฝนมันมาตลอดทั้งช่วงชีวิต 40 ปี!
แน่นอน ว่าต่อให้มีกำลังภายในมากเพียงใด แต่หากถูกตัดทิ้งทั้งแขนขา เก่งแค่ไหนก็ไม่พ้นมีสภาพไม่ต่างไปจากคนพิการ!
ฉินเฟิงไม่ปราณีใดๆ ดูดกลืนเสร็จสิ้นก็ฉกฝ่ามือออกไป ตะปบเข้าใส่ลำคอของศัตรูทันที
ส่งอีกฝ่ายลงสู่ความตาย!
แล้วเขาก็ทำแบบเดียวกันกับอีก 2 คน
“เปลวไฟเอ๋ย จงลุกโหม!”
เพลิงโลกันต์ตกลงบนศพของทั้งสาม แผดเผาจนหลงเหลือแค่อุปกรณ์รูนมิติที่ยังไม่ถูกทำลาย ฉินเฟิงเก็บอุปกรณ์รูนมิติของทั้งสาม นี่ถือว่าเป็นโชคหล่นทับ
“ไปกันเถอะ” ฉินเฟิงก้าวขึ้นไปนั่งในรถ ไป๋หลีเดินตามขึ้นไปนั่งอย่างว่าง่าย อากัปกริยาแช่มช้อย คล้ายสายลมบางเบา เมฆลอยคลอต่ำ ราวกับว่าไม่ใช่ตัวเธอคนเดิม
จังหวะที่สามารถตัดแขนขาของผู้ใช้พลังเลเวล E ได้ในพริบตา นั่นคืออบิลิตี้มิติของไป๋หลี
ในความเป็นจริง อบิลิตี้ดังกล่าว หากเตรียมการรับมือเอาไว้ล่วงหน้า ก็ยังพอที่จะป้องกันได้ แต่ใครมันจะไปทันคิด … ว่าเด็กสาวบอบบางที่ครอบครองใบหน้างามล่มเมือง ที่แท้จะเป็นสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์เลเวล E!
บนรถ ฉินเฟิงเปิดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ส่วนเจ้าตัวนั่งขวาทับซ้าย เริ่มควบรวมกำลังภายใน การต่อสู้ในครั้งนี้ส่งผลให้กลุ่มหมอกกำลังภายในของเขาเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10 กลุ่ม
“ตอนนี้ในตันเถียนมีทั้งหมด 83 กลุ่มหมอกแล้ว ถ้าอ้างอิงตามตอนยกระดับจาก G มา F ที่ตันเถียนรองรับได้สูงสุด 10 เท่า งั้นก็เหลืออีกแค่ 17 หมอกกำลังภายใน ฉันก็จะสามารถก้าวขึ้นสู่เลเวล E”
ฉินเฟิงกำลังขบคิด ว่ากลุ่มหมอกที่เหลืออยู่ เขาจะไปหามันมาจากที่ไหนดี!
กลับไปยังสถานชุมชนเฉิงเป่ย แล้วแลกเปลี่ยนเม็ดยาฟ้าฟื้นจะดีไหมนะ? เพราะยานั่นสามารถช่วยเพิ่มพูนกำลังภายในได้อย่างรวดเร็ว แต่มันคือสินค้าสำหรับต่อสู้ ในยามที่ไม่เกิดสงคราม เกรงว่าคงไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมากได้
“และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ น่ากลัวว่ากระทั่งเจิ้งหยางเองก็จะขัดขวางฉัน!”
เพราะปัจจุบัน ฉินเฟิงได้ทะยานขึ้นมาเป็นผู้ใช้วรยุธโบราณในเลเวล F7 แล้ว
และกำลังจะไปเหยียบขอบเขตเลเวล E ในอีกไม่นาน ซึ่งสำหรับเจิ้งหยาง นั่นถือเป็นภัยคุกคาม
ดังนั้น ตัวเลือกที่จะขอแลกเปลี่ยนเม็ดยาฟ้าฟื้น เกรงว่าคงไม่สามารถทำได้ในสถานชุมชนเฉิงเป่ย
“ถ้าอย่างงั้น ไปอีกที่นึงก็จบเรื่องแล้ว!”
ฉินเฟิงกำหนดเป้าหมายใหม่—
—เมืองฟูเฉิง!
เมืองที่เขาเคยเดินทางในฐานะทหารรับจ้าง นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่เดียวที่ฉินเฟิงได้รับเบาะแสเกี่ยวกับองค์กรมืด
….
รถศึกของฉินเฟิงขับเคลื่อนเข้าสู่สถานชุมชนเฉิงเป่ย บนตึกสูง ป้ายโฆษณาและจอทีวีถูกเปลี่ยนแปลงเนื้อหาใหม่เป็น–
–【ปฏิบัติการร่วมกู้คืนเมืองหาน!】
วิสัยทัศน์ของฉินเฟิงติดตรึงอยู่กับมันทันที เขาชะลอความเร็วรถศึกลง และอ่านข้อความข้างบน
แม้ว่าเมืองหานจะอยู่ภายในอาณาเขตของเมืองฟูเฉิง แต่มันก็อยู่ไม่ไกลจากสถานชุมชนเฉิงเป่ย ฉะนั้นในเมื่อเกิดสงครามขึ้น มันจึงถูกประกาศขอความช่วยเหลือ พร้อมตั้งรางวัลเอาไว้มากมาย
นอกจากนี้ ในสถานที่ดังกล่าวยังเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายจำนวนมาก นี่นับว่าเป็นตัวชูโรงชั้นดี อย่างเช่น หากคนที่กำลังทดสอบการรับรองผู้ใช้พลังต้องการไปที่นั่น พวกเขาจะได้รับข้อยกเว้น ลดจำนวนสังหารสัตว์ร้ายลงเป็นพิเศษ ถึง 20 เปอร์เซ็น!
อย่างเฉพาะเลเวล G จากปกติที่ใช้เวลา 3 วันในการสังหาร 300 สัตว์ร้าย แต่หากร่วมสงครามกับเมืองหาน ขอเพียงฆ่าแมลงสัตว์ร้ายแค่ 240 ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์!
“เห? น่าไปเที่ยวเหมือนกันนี่นา”
ในความทรงจำของฉินเฟิง ช่วงเวลานี้ ไม่ได้มีเหตุการณ์สำคัญใดๆเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่จำได้ น่าจะเป็นการกู้คืนเมืองหาน
ท้ายที่สุดแล้ว หากต้องการทะยานขึ้นสู่เลเวล E ฉินเฟิงจำเป็นต้องยกระดับตนเองโดยผ่านทางพลังพิเศษกลืนกิน เขาต้องไปให้ไกลกว่านี้ ไปยังสถานที่ล่าซึ่งอันตรายยิ่งกว่ามาก
และเมืองฟูเฉิงก็เป็นตัวเลือกที่ดี!
เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว ฉินเฟิงก็ขับรถล่องเวหาไปยังโถงรับรองผู้ใช้พลัง
ฉินเฟิงสวมใส่ชุดรบที่ดูหรูหรา ส่วนไป๋หลีใส่เดรสยาว ผสานไปกับใบหน้าที่งามล่มเมือง การปรากฏตัวของทั้งสองจึงดึงดูดสายตาของทุกคนทันที
แต่ในไม่ช้า ดวงตาของพวกเขาก็แข็งค้าง และเร่งก้มศีรษะลง
“นั่นฉินเฟิง!”
“ผู้ว่าการสถานชุมชนเฟิงหลี”
“เขามาที่นี่ทำไมกัน?”
“เจ้าโง่ ต่อให้เป็นผู้ว่าการ แต่ถ้ามาที่นี่ก็คงไม่พ้นเรื่องขอรับรองการยกระดับนั่นแหละ!”
ฝูงชนที่มองมาทางฉินเฟิง ทั้งหมดต่างแสดงออกถึงความระแวดระวังและเคารพ
เลเวล F สำหรับสถานชุมชนทางตอนเหนือก็เปรียบดั่งแม่ทัพที่กุมอำนาจอันยิ่งใหญ่แล้ว นับประสาอะไรกับฉินเฟิงที่เป็นถึงผู้ว่าการ!
มีกระทั่งบางส่วนที่เริ่มเหงื่อแตกพลั่ก
เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ในตอนที่ฉินเฟิงเข้ามาที่นี่เพื่อขอโลโก้รับรองผู้ใช้พลังเลเวล G บางคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าหรือตัวแทนองค์กร ที่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี ได้เผลอไปล่วงเกินเขา
แต่ใครมันจะไปคิดกัน ว่าในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ฉินเฟิงจะสามารถทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าการได้
“ฉันขอเข้าทดสอบรับรองเป็นผู้ใช้พลังเลเวล F แล้วก็รบกวนช่วยตรวจสอบความสามารถในเลเวล F ของเธอด้วย … ”
ฉินเฟิงกล่าวกับแผนกต้อนรับ เขายื่นเรื่องขอข้ามขั้นจากโลโก้เลเวล G ขึ้นสู่เลเวล F โดยตรง
หลังจากยืนยันสถานะ ฉินเฟิงและไป๋หลีก็เดินมาถึงเบื้องหน้าของเครื่องมือทดสอบ
“หมายเลข 413 กรุณาเข้ารับการทดสอบพลังโจมตีด้วย”
ฉินเฟิงก้าวออกไปข้างหน้า
การทดสอบแรกของเลเวล F จำเป็นต้องได้คะแนนทดสอบมากกว่า 5,000 ถึงจะถือว่าผ่าน และจำนวนดังกล่าว ต้องใช้กำลังภายในอีดฉีดลงไปถึงจะทำได้
ฉินเฟิงระเบิดกำปั้น กระแทกเข้าใส่เครื่องทดสอบโดยตรง
ป้งงง!
“ผลการทดสอบพลังโจมตีของคุณ : 5,001!”
ตัวเลขที่เกิดจากผลทดสอบอย่างแม่นยำของเครื่องทดสอบปรากฏขึ้น และฉินเฟิงผ่านการทดสอบอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอน การทดสอบนี้ เขาไม่ได้ใช้กำลังภายใน มิฉะนั้นเกรงว่าตัวเลขคงจะมหาศาลยิ่งกว่านี้
หลังการทดสอบของฉินเฟิง ก็มาถึงคราวทดสอบของไป๋หลี
“มานี่สิไป๋หลี แต่ขอบอกก่อนนะ ว่าอย่าได้ชกแรงจนเกินไป!” ฉินเฟิงกล่าว
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” ไป๋หลีพยักหน้า เมื่อได้รับคำสั่งจากฉินเฟิงไม่ให้ตีแรงจนเกินไป ดังนั้นเธอจึงยื่นนิ้วออกไปสะกิดมันเบาๆ
วัสดุบนเครื่องมือทดสอบยุบตัวลงไปทันที เป็นหลุมจมลงไปคล้ายกับถูกแทง
ในพริบตา ตัวเลขคะแนนทดสอบก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“ผลการทดสอบพลังโจมตีของคุณ : 10,040!”
ทันใดนั้นตลอดทั้งโถงบังเกิดเสียงอื้ออึง กลายเป็นโกลาหล
10,000 แต้มคะแนน!!
นั่นเกือบจะเป็นพลังโจมตีที่มีเพียงเลเวล F9 เท่านั้นถึงจะครอบครองได้!
หลายคนยกมือขึ้นขยี้ตา คล้ายไม่อยากจะเชื่อ เพราะเมื่อครู่ ไป๋หลีเพียงสะกิดเบาๆเท่านั้น
มุมปากของฉินเฟิงชักกระตุก แต่ยังมีการทดสอบที่เหลือรออยู่ ดังนั้นเขาจึงเร่งพาไป๋หลีไปทำการทดสอบอย่างอื่นต่อให้มันจบๆไปอย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์แตกต่างจากฉินเฟิงที่เก็บงำความแข็งแกร่งเอาไว้ ไป๋หลีไม่ทราบว่าเลขเหล่านั้นเป็นตัวแทนของอะไร เดิมฉินเฟิงกลัวว่าไป๋หลีจะเผยพลังออกมาน้อยเกินไปจนไม่ผ่านการทดสอบ
อย่างไรก็ตาม ไป๋หลีคือราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E ส่งผลให้แม้จะเผยความแข็งแกร่งออกมาเพียงน้อยนิด แต่ผลกลับกลายเป็นว่าเครื่องมือทดสอบเกือบระเบิด!
ด้วยเหตุนี้เอง ในวันเดียวกัน ข่าวเรื่องผู้ว่าการเขตเฟิงหลี ได้นำเด็กสาวที่ทรงพลังมาเข้ารับการทดสอบ จึงแพร่กระจายออกไปราวกับไฟลามทุ่ง