โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 164

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.164 – สำรวจรังมด

Provider : Muntra

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.164 – สำรวจรังมด

ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์สื่อสาร สแกนตำแหน่งของพวกเขา จากนั้นก็ใส่ชื่อตนกับไป๋หลีว่าจัดตั้งทีมร่วมกันชั่วคราว

“กวาดล้างถนนหมายเลข 39 ในตัวเมืองรอบนอก ระยะทาง 30 เมตร ยืนยันรับภารกิจ!”

แม้เงินรางวัลจะไม่มาก แต่เหตุผลที่ฉินเฟิงเลือกภารกิจนี้ ก็เพราะมันเป็นภารกิจทางผ่านที่จะนำไปสู่ภารกิจลึกเข้าไปตำแหน่งที่เขาต้องการ

ไป๋หลีเปิดอุปกรณ์สื่อสาร ปรับมุมกล้องเล็กน้อย เพื่อเตรียมบันทึกภาพบนถนน

ภายในตรอกมืดมิด กว่า 5 – 6 แมลงบินพลันเกิดเสียงซี่ๆ ก่อนจะร่วงลงกับพื้นในสภาพไหม้เกรียม ศากศพของมันสลายไปอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของฉินเฟิงหรี่แคบลง

แมลงหลากหลายสายพันธุ์ เมื่อตระหนักได้ว่าพวกตนถูกคุกคาม ก็ทยอยกันปรากฏตัว ดาหน้าออกมา

ณ เวลานี้ ไม่จำเป็นต้องให้ฉินเฟิงเอ่ยเตือน ไป๋หลีกระโจนไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่มิอาจคาดคะเนได้ สังหารอีก 5 แมลงวันยักษ์ลงในพริบตา

ทั้งสองก้าวเดินอย่างไร้กังวล ยิ่งเดินลึกเข้าไป จำนวนแมลงสัตว์ร้ายก็ยิ่งถูกล่ามากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ไม่นานเกินรอ ถนนในระยะ 30 เมตรก็ผ่านพ้นไป ภารกิจแรกจบลง ไป๋หลีสามารถล่าสังหารแมลงสัตว์ร้ายไปได้กว่า 20 ตัว! แม้จะมีหลากหลายสายพันธ์แตกต่างกันไป แต่ปริมาณนับว่าเยอะพอสมควร!

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตำแหน่งนี้คือด้านรอบนอกสุด สภาพโดยรอบไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือ ผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบนอกไม่หลบหนีได้เองก็ถูกคนอื่นช่วยไปหมดแล้ว

ฉินเฟิงนำไป๋หลีกวาดล้างถนนลึกเข้าไปในเมืองกว่า 10 สาย และแล้ว … เงื่อนไขรับรองโลโก้ผู้ใช้พลังเลเวล G ของไป๋หลีก็เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว (ก่อนหน้านี้ทดสอบพลังแล้วถึงเลเวล F9 แต่ในตอนนั้นยังไม่ผ่านข้อกำหนดล่าสัตว์ร้ายเลเวล G)

ถึงเวลานี้ ท้องฟ้าค่อยๆเริ่มมืดลง

“ปิดกล้องบนอุปกรณ์สื่อสาร”

ฉินเฟิงสั่ง ไป๋หลีปิดกล้องอย่างว่าง่าย

ฉินเฟิงเรียกม้าศึกทมิฬออกมาอีกครั้ง กระโดดขึ้นขี่มันและควบเข้าไปสู่ใจกลางเมืองหานกับไป๋หลี

แม้โดรนจะทำการตรวจสอบสแกนตำแหน่งรังมดใจกลางเมืองไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกต้องแม่นยำเสมอไป ดังนั้นควรมาสำรวจให้เห็นด้วยตนเอง

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นช่วงเวลาฟ้ามืดพอดี หากเกิดการต่อสู้ขึ้น ไม่นับว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีหรอกหรือ? เพราะยังไงซะ อบิลิตี้ของฉินเฟิง ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเปิดเผยให้เห็นกันชัดๆได้

ไม่นานเกินรอ ทั้งสองก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางเดิมที่พวกตนเคยใช้หลบหนีออกจากเมืองหาน ในโซนของตลาดอาหาร

มองไปยังฉากตรงหน้าอีกครั้งในเวลานี้ ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึก เขาตรวจสอบที่นี่เป็นอย่างแรกด้วยพลังสมาธิ ผลปรากฏว่าสภาพแวดล้อมมันคนละเรื่องกันเลย กับที่เคยผ่านในครั้งก่อน

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อยืนบนตึกสูงที่อยู่ห่างออกไป แล้วก้มมองลงมา จะพบว่าพื้นตลาดถูกแทะจนเกลี้ยง ปัจจุบันเต็มไปด้วยจุดเม็ดทรายสีน้ำตาลขยุกขยิก

และทั้งหมดที่เหยียบย่ำอยู่บนมันคือมดเหล็กดำเลเวล F!

“เตรียมเปิดกล้องด้วยล่ะ พวกเราจะเปิดฉากฆ่า แบ่งกันคนละสัก 100 -200 ตัว!”

ฉินเฟิงควบม้าศึก บังคับมันทิ้งดิ่งลงกลางถนน

ม้าศึกถูกเก็บกลับคืน หลงเหลือเพียงฉินเฟิงกับไป๋หลีหยั่งเท้าลงสู่พื้น

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทุกสารทิศเต็มไปด้วยมดเหล็กดำ!

และที่สำคัญในบรรดามดเหล็กดำเหล่านี้ มีอยู่หลายตัวที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ชัดเจนว่ามันคือนายพลสัตว์ร้ายและทหารสัตว์ร้าย!

“ฆ่า!”

ฉินเฟิงตะคอกคำหนึ่ง ทั้งคนทั้งร่างวูบไหวอย่างรวดเร็ว โบกสะบัดมีดกษัตริย์ครามในมือ เฉือนเข้าใส่มดเหล็กดำบนพื้นดิน

เปลือกนอกที่คอยห่อหุ้มมดเหล็กดำน่ะแข็งมาก เปรียบดั่งเกราะกระดองเหล็กกล้า มีดธรรมดาไม่สามารถตัดผ่านได้ ทว่ายามมีดกษัตริย์ครามสับลงไป มันกลับวาดผ่านได้อย่างง่ายดายราวกับตัดเต้าหู้

ทางด้านไป๋หลี เธอคล้ายรู้สึกหวงแหนและกังวลว่ามีดเซรามิกของตนจะเป็นอะไรไป จึงตัดสินใจใช้กำปั้นลุ่นๆเข้าปะทะ ในฐานะราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E เธอครอบครองพละกำลังมหาศาล เพียงหมัดเดียว ก็สามารถทุบระเบิดเปลือกแข็งของมดเหล็กดำได้อย่างง่ายดาย

แต่มดเหล็กดำมีจำนวนไม่น้อยเลย พวกมันเริ่มขยับเข้าปิดล้อมจนตีวงแคบลง แคบลงเรื่อยๆ พื้นที่ออกกระบวนท่าระหว่างทั้งสองเริ่มลดลง

“ก้าวแห่งหมอก!”

กายเขากระพริบไหวอย่างต่อเนื่อง ย้ายไปจุดนู้นที จุดนั้นที ร่ายระบำไปทั่วตามวงที่ตีแคบลง

ขณะเดียวกัน ตามตัวของฉินเฟิงก็ปรากฏแสงสีดำเรืองรองขึ้น

–เป็นรูนมืด!

“ก้าวแห่งหมอก : ท่าร่างภูติพราย!!”

ร่างของฉินเฟิง เริ่มพร่ามัวเป็นเงา มันเร็วขึ้น ว่องไวขึ้นกว่าเดิมจนยากจะจับตัว

มดเหล็กดำวิ่งซ้ายทีขวาที ไล่ล่าฉินเฟิงจนเท้าของพวกมันพันกันเอง งุนงงไม่รู้ว่าจะจับตัวฉินเฟิงยังไงดี

ขณะเดียวกัน ระหว่างท่าร่างถูกใช้ออก ฉินเฟิงก็ฉวยโอกาสสังหารพวกมดเหล็กดำทีละตัว ทีละตัว จำนวนสัตว์ร้ายที่ถูกสังหารลงเพิ่มปริมาณมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

บนอุปกรณ์สื่อสาร วิดีโอที่ถูกบันทึก จับได้แค่เพียงฉากเบลอๆ กลมกลืนไปกับเงามืด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจจับถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากท่าร่างของฉินเฟิง

อย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงก็สามารถสังหารมดเหล็กดำไปได้กว่า 80 ตัว

เนื่องจากในเลเวลเดียวกัน มนุษย์ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สัตว์ร้ายจะแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่า กล่าวสรุปได้ว่า ในกรณีที่มนุษย์เลเวล A กับสัตว์ร้ายในเลเวลเดียวกัน มันนำมาเทียบเปรียบความแข็งแกร่งกันไม่ได้เลย ช่องว่างระหว่างทั้งสองเผ่าพันธ์ห่างชั้นกันเกินไป

และนั่นคือเหตุผล ที่ในส่วนข้อกำหนดการผ่านการรับรองโลโก้เลเวล F ผู้ทดสอบจำเป็นต้องสังหารสัตว์ร้ายในเลเวลF เพียง 100 ศพเท่านั้น แต่เฉพาะคนที่เข้าร่วมภารกิจเมืองหาน จะได้รับสิทธิพิเศษลดจำนวนลงเหมือนกันกับของเลเวล G ขอแค่สังหารให้ได้ตามข้อกำหนด 80 % ก็ถือว่าผ่าน!

อีกด้านหนึ่ง ไป๋หลีเองก็หยุดมือลงเช่นกัน เธอเกือบจะสังหารจนครบตามกำหนดเป้าหมายแล้ว!*

(ครบในที่นี้หมายถึงส่วนของเลเวล F เนื่องจากก่อนหน้านี้ บนถนน 10 สาย ไป๋หลีฆ่าสัตว์ร้ายเลเวล G ครบกำหนดเงื่อนไขโลโก้เลเวล G เป็นที่เรียบร้อย)

“ตอนนี้ล่ะ ปิดกล้องซะ!”

ฉินเฟิงเอ่ยปาก

ไป๋หลีปิดกล้องทันที ฉินเฟิงก็เหมือนกัน

ในปัจจุบัน มดเหล็กดำที่ปิดล้อมทั้งสองเริ่มทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไป๋หลีไม่แสดงออกถึงความตื่นตระหนกเลย ฉินเฟิงก็ไม่ต่างกัน

ไป๋หลีเพียงย่อตัวลงเล็กน้อย และกระโจนขึ้นเบื้องบนอย่างสบายๆ

ทิ้งฉินเฟิงไว้บนท้องถนนเพียงลำพัง

หากใครคนอื่นมาพบเห็น พวกเขาคงคิดว่าไป๋หลีขายเพื่อนร่วมทีมของเธอ ไม่แยแสต่อการตกตายลงของฉินเฟิง แล้ววิ่งหนีไปคนเดียว!

แต่แน่นอน ว่าข้อเท็จจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

มองไปยังไป๋หลีที่แยกตัวจากไป พลังสมาธิของฉินเฟิงปะทุออกอย่างบ้าคลั่ง

“พรมโลกันต์!”

เปลวเพลิงอันทรงอานุภาพกวาดไปรอบสารทิศ รูนไฟพรั่งพรู ร่ายระบำไปทุกพื้นที่ มดเหล็กดำรอบบริเวณตกตายลงภายใต้เงื้อมมือของฉินเฟิง

ในความรู้สึกของฉินเฟิง เขาสัมผัสได้แค่เพียงความแข็งแกร่งของตนกำลังเติบโตขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง!

มดเหล็กดำแม้มีขนาดเล็กมาก ทว่ามันก็ยังครอบครองพละกำลังที่น่าหวาดกลัว เปลือกเหล็กที่อยู่บนหัวของมดเหล็กดำ แข็งแกร่งและทนทานมาก หากมนุษย์ถูกตรงส่วนนี้โจมตีเข้าใส่ เพียงแค่สะกิดโดน กระดูกน่องจะแหลกทันที!

หลังจากที่ถูกสังหารลงโดยฉินเฟิง พลังพิเศษกลืนกินก็เริ่มทำงาน พละกำลังของเขาเริ่มเพิ่มสูงขึ้น

ดูดกลืนสั่งสมไปเรื่อยๆ กล้ามเนื้อบนร่างของฉินเฟิง ยิ่งนานยิ่งสมบูรณ์แบบ

แน่นอนว่ามันไม่ได้เผยออกมาในรูปลักษณ์ของกล้ามเนื้อปูดบวมแต่อย่างใด เพียงดูแข็งแกร่งและเปี่ยมประสิทธิภาพ ทุกมัดกล้ามยามชกออก สามารถระเบิดพลังได้อย่างมหาศาล!

“จงกลับคืน”

รูนค่อยๆถูกดูดกลับมาหาฉินเฟิง เริ่มเผยให้เห็นร่องรอยไหม้เกรียมบนพื้นดิน มดเหล็กดำถูกเผากลายเป็นสีโค้ก หากลองแตะดูเบาๆ มันจะร่วงหล่นลงกลายเป็นขี้เถ้าทันที

แต่ก็ยังหลงเหลือส่วนที่ทนทานที่สุดอย่างเปลือกส่วนหัว ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่มีค่ามากที่สุดของมดเหล็กดำ

ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิ กวาดมันออกไปทั่วราวพายุทอร์นาโด สลายซากมดทั้งหมด เหลือทิ้งไว้เพียงเปลือกส่วนหัว จากนั้นก็ใช้พลังสมาธิของตน รวบรวมมันให้มากองรวมกันอยู่ในมือ

มดเหล็กดำส่วนใหญ่เป็นแมลงสัตว์ร้ายในเลเวล F3 และ F4 แต่เนื่องจากฉินเฟิงแข็งแกร่งเกินไป เขาเลยสามารถสังหารพวกมันได้ในวินาทีเดียว!

ไม่รีรอให้ฉินเฟิงเดินจากไป เหนือขึ้นไปบนถนนอีกฝั่ง มดเหล็กดำจำนวนมากเริ่มดาหน้ากันเข้ามา

ทุกหนแห่งมดเหล็กดำเหล่านี้เดินผ่าน จะกลายเป็นไร้ซึ่งชีวิตชีวา กระทั่งต้นหญ้าก็ไม่กล้าที่จะงอกเงย เพราะถูกพวกมันกัดกินจนสิ้น พวกมันกินไม่เลือกหน้า แต่จะโปรดปรานเนื้อของผู้ใช้พลังที่มีรสชาติถูกปากมากเป็นพิเศษ

ดั่งคำที่คนโบราณเคยกล่าวเอาไว้ ว่ามดมาก ย่อมสามารถล้มช้างได้!

ถึงฉินเฟิงไม่ใช่ช้าง แต่มดเหล็กดำนับว่ามีจำนวนมากเกินไป เกินกว่าจะรับมือแบบเผชิญหน้าตรงๆจริงๆ!

เดิมทีเขาตั้งใจจะกวาดล้างประชากรมดจำนวนหนึ่ง แต่มดที่ดาหน้าเข้ามามันมหาศาลเกินไป ทำเอาฉินเฟิงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

กองทัพสีดำสับขาขยุกขยิกตรงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง มองคล้ายคลื่นยักษ์ หมายโถมกลืนกินฉินเฟิง

“พรมโลกันต์!”

พรมโลกันต์ถูกปูโถมลงไปตามพื้นโดยฉินเฟิง แต่มดเหล็กดำก็ยังคงมีมากเกินไป มันสามารถวิ่งฝ่าพรมโลกันต์มาได้โดยการเหยียบย่ำสหายที่ตกตายลงเบื้องหน้า ขยับเข้าไปใกล้ฉินเฟิง หมายจะสังหารเขาให้ตาย แล้วได้ลิ้มชิมรสเนื้ออันหอมหวานเสียที!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท