โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 187

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.187 – ร่วมมือกันแก้แค้น

Provider : Muntra

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.187 – ร่วมมือกันแก้แค้น

ปืนใหญ่จักรกลถูกสวมทับลงบนแขนของฉินเฟิง

หลังติดตั้งเสร็จ เขาไม่ลังเลเลยที่จะกระแทกสวิตช์ ปลดปล่อยกระสุนสีเหลืองอำพันลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า ม้วนลงเป็นเส้นโค้ง พริบตาเดียวลอยไปถึงรถล่องเวหาที่กำลังแล่นหลบหนี

ศาสตราจารย์หวางในรถเบิกตาอ้าปากค้าง เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

สัญญาณเตือนจากรถล่องเวหาดังขึ้นแล้วก็จริง แต่ก็ไม่มีทางหยุดกระสุนปืนใหญ่ที่ทรงประสิทธิภาพนี้ได้

เปรี้ยง!

หัวกระสุนปืนใหญ่ เจาะเข้าใส่กลางลำรถล่องเวหา ตลอดทั้งยานพาหนะบังเกิดโล่แสงพลังงาน สาดรังสีพรั่งพราวออกมาต้านทาน

รถล่องเวหาลำนี้ ถูกออกแบบในฐานะรถศึกที่สามารถต้านทานการโจมตีของสัตว์ร้ายหรือกระสุนปืนใหญ่ได้ก็จริง แต่โล่ป้องกันดังกล่าวเป็นอะไรที่กินพลังงานมหาศาล และหากพลังงานถูกรีดออกมาจนถึงขีดจำกัด โล่ก็จะสลายไป

ยิ่งเป็นกระสุนของฉินเฟิง ที่สามารถเทียบเท่าได้กับการโจมตีของสัตว์ร้ายเลเวล E ผสานงานกับการควบคุมของพลังสมาธิ อำนาจทำลายของมันจึงไม่แพร่กระจายออกไป ทั้งหมดตกลงบนโล่พลังงานบนรถล่องเวหาเป็นจุดเดียว ไม่มีการสูญเปล่าแม้แต่น้อย

แสงสีขาวสว่างไสวค่อยๆจางหาย จนในที่สุดก็แทบจะโปร่งใส บ่งบอกถึงพลังงานที่ใกล้จะหมดลง แต่ทันใดนั้นเปลวเพลิงและคลื่นสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ดันชิงปะทุขึ้นเสียก่อน

เสียงสนั่นสะท้านสะเทือนราวกับพายุฝนกระหน่ำลงบนหลังคาบ้าน ตลอดทั้งเทือกเขาส่งเสียงสะท้อนจากแรงระเบิดดังไกลออกไป

และต้นตอของมันมิใช่มาจากกระสุนของฉินเฟิง หากแต่เป็นระบบทำลายตัวเองที่ศาสตราจารย์หวางตั้งทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ ฐานทดลองเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เศษดินเศษหินจากภูเขาถล่มลงมา ดูคล้ายแผ่นดินไหวขนาดย่อม

รถล่องเวหาของศาสตราจารย์หวางที่กำลังขับอยู่บนไหล่เขา พลาดท่าถูกก้อนหินขนาดใหญ่ร่วงกระแทกเข้าใส่ กลิ้งตกลงจากแนวเทือกเขา

ฉินเฟิงบอกให้ไป๋หลีเรียกม้าศึกออกมา ทั้งสองขึ้นขี่มัน หลีกเลี่ยงผลกระทบจากการสั่นสะเทือนของผืนดิน

ทางฝั่ง051 เองก็มิได้หวาดเกรงแรงสั่นสะเทือน เขากวาดตามองหาก้อนหินขนาดพอเหมาะที่อยู่ใกล้ๆ หยั่งเท้าลงบนมัน แล้วใช้พลังสมาธิเข้าควบคุม ให้ลอยอยู่กลางอากาศ

เกรงว่าผู้โชคร้ายเพียงคนเดียวในครั้งนี้ คงไม่พ้นศาสตราจารย์หวาง!

ม้าศึกถูกกระตุ้น ควบไปยังตำแหน่งที่รถล่องเวหาร่วงตกลงมา

ตามหาไม่นาน พวกเขาก็ค้นพบรถของศาสตราจารย์หวาง ปัจจุบันภูเขาไม่สั่นสะเทือนอีกต่อไป ทว่ารถล่องเวหาของศาสตราจารย์หวางที่พลาดตกลงมา ภายในกลับสาดกระเซ็นไปด้วยเลือด

เพียงแค่มอง ก็พอที่จะบอกได้ว่าศาสตราจารย์หวางคงตาย จนไม่อาจตายได้อีกแล้ว

นี่คงเป็นผลจากบาปกรรมที่ย้อนคืนกลับมาทำร้ายตนเอง

เดิมทีฉินเฟิงคิดจะสลายอานุภาพกระสุนปืนใหญ่ลงหลังจากทำลายโล่พลังงานได้แล้ว ยังไม่สังหารอีกฝ่ายทันที เพื่อเค้นข้อมูลที่ตนต้องการจะรู้ แต่ผลลัพธ์ดันมาลงเอยแบบนี้

“เอ้านี่!” ไป๋หลีโบกมือ กระดุมสีเทาเงินปรากฏขึ้นในมือของไป๋หลี ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันคืออุปกรณ์รูนมิติ

“ข้างในน่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับฐานทดลอง อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ยิงกระสุนเสียเปล่า” ฉินเฟิงก้มลงมองมัน ปากเอ่ยกล่าว แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด

“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อดี?” 051 เอ่ยถาม

“คงต้องพอเท่านี้ เพราะเกิดระเบิดขึ้นในฐานทดลอง บางทีสถานชุมชนที่อยู่ใกล้ๆอาจจะคิดว่าเป็นรอยแยกมิติ ไม่ก็แผ่นดินไหว แล้วส่งคนเข้ามาตรวจสอบก็ได้”

ว่าจบ ฉินเฟิงก็ขอให้ไป๋หลีเรียกรถลิมูซีนล่องเวหาออกมา ทั้งสองก้มตัว เข้าไปนั่งทางฝั่งคนขับ ประตูปิดลง ส่วนทาง 051 ยังคงนิ่ง มิได้เคลื่อนไหวใดๆ

“เข้ามาสิ มัวรออะไรอยู่” ฉินเฟิงกล่าว

“เอ่อ … รถนี่มันเปิดประตูยังไง มันดูหรูหรามาก ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ” 051ดูมีท่าทีกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

แต่นั่นคงไม่แปลกอะไร เพราะก่อนถูกจับเข้าห้องทดลอง 051 ยังเป็นแค่วัยรุ่นและตลอดทั้ง 5 ปีที่ผ่านมา เข้าต้องข้ามผ่านประสบการณ์ที่แทบบ้า แทบจะอยากฆ่าตัวตาย เศร้าสลดใจ และในที่สุดเพิ่งได้รับอิสรภาพ

ดังนั้นจึงมีความคิดมากมายตีกันในหัว สับสนเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ และอนาคตต่อจากนี้

ช่วงเวลาภายนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกๆวัน ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องยากเล็กน้อยสำหรับเขาที่จะทำใจซึมซับมัน

ฉินเฟิงค่อนข้างรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย เขากดปุ่มข้างประตูคนขับลิมูซีน ประตูด้านข้างถูกผลักเปิดออกจากด้านใน จากนั้นก็ค่อยๆเลื่อนไปด้านหลัง 051 พบว่าการตกแต่งภายในราวกับโรงแรมหรู

051 ก้าวขึ้นไปบนรถ เวลานี้เขาไม่เหมือนกับตัวตนทรงพลังเลเวล E อีกต่อไป แต่มีท่าทีไม่แตกต่างไปจากบ้านนอกเพิ่งเคยเข้ากรุง

“สำหรับโลกภายนอก ช่วงระยะเวลา 5 ปี นายไม่มีทางก้าวขึ้นไปถึงเลเวล E ได้อย่างแน่นอน” ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

051เผยรอยยิ้มขมขื่น “งั้นหมายความว่าฉันคงต้องขอบคุณห้องทดลองใช่ไหม”

ฉินเฟิง “ก็ไม่เชิงหรอก ขอบคุณแค่ในเรื่องที่ทำให้นายได้รับความแข็งแกร่งมากพอ และตอบแทนโดยการแก้แค้นพวกเขา … ว่าแต่นายสนใจมาอยู่กับฉันไหม มาช่วยกันขุดคุ้ยปริศนาอันลึกลับของฐานทดลองพวกนี้ มาร่วมมือกัน!”

051 มองไปยังฉินเฟิง และเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูหนักแน่น ไม่เหมือนกับกำลังกล่าวล้อเล่น

“ก็เอาซี่!” 051 รับคำ เพราะประเด็นสำคัญก็คือ เวลานี้เขาก็ยังไม่มีที่ไปเหมือนกัน

ฉินเฟิงพอได้ยินคำตอบ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจใดๆ

“อันที่จริงแล้วความแข็งแกร่งของนาย มันเทียบได้เลยกับผู้นำของสถานชุมชนขนาดเล็ก แต่ตอนนี้นายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ดังนั้นในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยอย่างร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง หรือสูญเสียจิตสำนึกจนก่อให้เกิดอันตรายขึ้น ฉันคงต้องรับผิดชอบด้วย ดังนั้นอันดับแรกนายต้องไปพักฟื้นในสถานชุมชนของฉันก่อนซักพักหนึ่ง”

“ตกลง ฉันจะไม่สร้างปัญหาแน่นอน ” 051 พยักหน้า เห็นด้วยกับคำของฉินเฟิง

“แล้วนายก็ไม่ต้องกังวล พอกลับไปฉันจะมอบสถานะให้นายเอง ทั้งหมดที่นายต้องทำก็แค่ย้อมผม ใส่คอนแทคเลนส์ แล้วค่อยๆเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆในระยะเวลา 5 ปี ที่เสียไปอย่างช้าๆ” ฉินเฟิงกล่าว

“เข้าใจแล้ว” 051 พยักหน้า ก่อนจะนึกได้แล้วเอ่ยอีกคำ “และขอบคุณ!”

บนรถลิมูซีนมีระบบเชื่อมต่อเครือข่ายนักสู้เป็นของตัวเอง หน้าจอของมันใหญ่กว่าบนอุปกรณ์สื่อสารเป็นอย่างมาก ฉินเฟิงแนะนำ051 ให้อีกฝ่ายท่องโลกออนไลน์เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในปัจจุบัน

ในความเป็นจริงแล้ว ในระยะเวลา 5 ปีก่อน มันไม่ค่อยจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก สิ่งเดียวที่เด่นชัดก็คงจะเป็น ประชากรมนุษย์ลดน้อยลง , สถานชุมชนแห่งไหนถูกทำลายไปแล้วบ้าง และสถานชุมชนแห่งไหนที่เปิดใหม่!

ส่วนภาพใหญ่โดยรวม ไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจ

ในช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงแนะนำตัวเองและไป๋หลีอีกครั้ง พลางเอ่ยถามความคิดเห็นของ 051

“เมื่อก่อนนายชื่ออะไร ตั้งใจจะเปลี่ยนกลับไป หรือว่าอยากเริ่มต้นใหม่?”

“ลืมมันเถอะ ฉันถูกเรียกว่า 051 จนชินแล้ว เรียกแบบนี้ต่อไปก็พอ!”

“ไม่ได้หรอก นายไม่สามารถใช้ชื่อนั้นในสถานะใหม่ได้”

“งั้นเอาเป็นสกุลหลิง ส่วนชื่อก็เรียกว่า ‘หวูยี่’ แล้วกัน หวู(武) จากนักสู้หรือองอาจ , ยี่(一) จากเลข 1 ในโค๊ดเนมของฉัน”

“ก็ฟังดูดีนี่นา” ฉินเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย

หลังจากนั้น หลิงหวูยี่ก็เริ่มหาข้อมูลจากเครือข่ายนักสู้ ขณะเดียวกันก็พักฟื้น ทางฉินเฟิงเปิดโหมดขับขี่อัตโนมัติ ตั้งปลายทางกลับสู่สถานชุมชนเฟิงหลี และเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์มิติของศาสตราจารย์หวาง

ภายในมีสิ่งของอยู่ไม่มากนัก มีบัตรสีดำ 3 ใบ ที่คล้ายถูกจับยัดเข้ามาอย่างไม่ใส่ใจ แต่ยังคงมีเงินอยู่มากกว่า 150 ล้านเหรียญ นี่พอจะช่วยเป็นหลักฐานได้ ว่าฐานทดลองแห่งนี้ขององค์กร Z ร่ำรวยขนาดไหน

นอกไปจากที่กล่าวมา ก็เป็นอาหารที่ใช้เลี้ยงเซลล์บางอย่าง , วัตถุดิบสัตว์ร้ายที่หายาก และกล่องที่ถูกปิดผนึกเอาไว้

หลิงหวูยี่เลื่อนสายตาไปมองกล่อง บนหน้าผากเริ่มเกิดรอยยับย่น

“ฉันเคยเห็นพวกเขาส่งมอบกล่องแบบนี้มาก่อน ภายในน่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ ต้องใช้รหัสผ่านเฉพาะเพื่อปลดล็อก นอกจากนี้ต้องใช้ลายนิ้วมือ อุณหภูมิร่างกายที่ตัวเครื่องจดจำไว้ และการตรวจสอบม่านตา ทั้งหมดต้องไม่มีอะไรผิดพลาด มิฉะนั้น ของที่อยู่ภายในจะถูกทำลายทันที”

ฉินเฟิงยิ้ม

“หลังจากเข้าสู่ยุคโลกาวินาศ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มันไม่มีทางเหนือไปกว่าอบิลิตี้ได้หรอก! ฝากจัดการหน่อยนะเสี่ยวไป๋”

ไป๋หลีเข้าใจถึงสิ่งที่ฉินเฟิงต้องการ เธอยกนิ้วขึ้น สะบัดมันเบาๆ

ในพริบตา บางสิ่งที่คาดว่าน่าจะอยู่ภายในกล่องพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศที่บางเบา เป็นดิสก์หน่วยความจำแผ่นหนึ่ง …

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท