โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 209

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.209 – ถ้ำสมบัติ

Provider : Muntra

วันนี้ลง 2 ตอน 209 210

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.209 – ถ้ำสมบัติ

หยางซานหูขยับเปลี่ยนท่านั่งและกล่าว “ผู้ว่าการฉิน คุณเองคงพอจะทราบว่าฉันมีหน้าที่ออกสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ ท่องโลกมานานปี รู้จักสถานที่ดีๆมากมาย แต่บางที่ไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเข้าไป … พูดตามตรงเลยแล้วกัน คุณสนใจจะเข้าไปสำรวจพวกมันด้วยกันไหม?”

ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส

นี่แหละคำที่เขาเฝ้ารอ!

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ ว่าแต่เรื่องสินสงครามพวกเราจะแบ่งกันยังไง ”

หยางซานหูขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายถอนหายใจ

“แต่ละสถานที่ที่จะพาไป หากไม่มีผู้ว่าการฉิน เกรงว่าฉันคงไม่สามารถเก็บกู้พวกมันได้ ดังนั้นเรามาแบ่งกันแบบ 20 – 80 ก็แล้วกัน แน่นอน เป็นฝั่งฉันที่ต้องการแค่ 20 เปอร์เซ็น!”

ข้อมูลของสถานที่เหล่านี้ เป็นหยางซานหูและกองทัพของเขาที่เสี่ยงตายสำรวจมา แต่กลับเสนอเงื่อนไขแค่ 20 – 80 ซึ่งมันไม่เลวเลย!

“งั้นผมตกลง!”

หยางซานหูพอเห็นอีกฝ่ายตกลงเขาก็บังเกิดความสุข ยกแก้วขึ้นชนกับฉินเฟิง

กองทัพทุ่งล่าจัดงานเฉลิมฉลอง แม้ทหารคนอื่นๆจะไม่ทราบว่าฉินเฟิงโค่นเสือเกราะเกล็ดลงได้อย่างไร แต่เมื่อพวกเขากลับไปยังสถานที่ชุมชน หยางซานหูสัญญาว่าจะมอบโบนัสบางส่วนให้ แค่นั้นก็นับว่าเพียงพอให้พวกเขาตื่นเต้นแล้ว

งานเลี้ยงเป็นไปอย่างมีชีวิตชีวา จนกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงเที่ยงวัน หยางซานหูจึงเสนอให้ฉินเฟิงพักผ่อนในวันนี้

เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าฉินเฟิงมีพลังพิเศษดูดกลืนที่ทรงพลัง ดังนั้นคิดว่าการต่อสู้ในช่วงเช้าฉินเฟิงคงสูญเสียพลังงานไปมาก และคงจำเป็นต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังสมาธิ

เป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงจะไม่ปฏิเสธ เขารับปากว่าจะหยุดพักที่นี่วันนึงก่อนเริ่มออกเดินทาง

ตกดึก

แม้ปัญหาเรื่องเสือเกราะเกล็ดจะจบลงแล้ว แต่กองทัพทุ่งล่ามิได้ละทิ้งเวรยาม ยังคงคอยจับตาดูพื้นที่โดยรอบ เฝ้าระวังการโจมตีของสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ

แต่เวรยามทุกคนกลับไม่มีใครสังเกตเห็นเลย ว่าท่ามกลางความมืดมิด ฉินเฟิงกับไป๋หลีได้ลอบออกจากค่ายไปแล้ว

ด้วยอบิลิตี้เทเลพอร์ตของไป๋หลี บ่อน้ำที่แต่เดิมควรจะใช้เวลาเดินทางกว่า 10 นาที เพียง 3 นาทีก็มาถึง

ภายใต้แสงสลัวยามค่ำคืน ฉินเฟิงมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าบ่อน้ำเล็กๆอีกครั้ง วิสัยทัศน์ของเขามิได้ถูกบดบังโดยความมืดมิด ตรงกันข้าม มันเห็นชัดเช่นเดียวกับกลางวัน

มือของฉินเฟิงจุ่มลงไปในบ่อน้ำ พลังสมาธิแพร่กระจาย กวาดสำรวจออกไปจนทั่ว

“ฮะฮ่า!”

เบื้องล่างของบ่อน้ำมีลักษณะแบนสนิท เห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยของการตรวจสอบ แต่นั่นเป็นเพียงในอดีต ไม่น่าใช่ฝีมือของหยางซานหู

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายไม่ได้ค้นพบอะไร

ฉินเฟิงกวักน้ำในมือ ยกมันขึ้นมาจิบ และสัมผัสได้ถึงความหวานในปาก

“เป็นของดีจริงๆด้วย แต่น่ากลัวว่าคงมีแค่คนที่ครอบครองพลังสมาธิระดับสูงเท่านั้น ที่จะตระหนักถึงมัน” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางๆ และระเบิดพลังสมาธิออกไป

เวลานี้ภายใต้พลังสมาธิของฉินเฟิง ‘การมองเห็น’ ทุกสิ่งรอบตัวเขาเปลี่ยนเป็นรูปแบบพลังงานและโปร่งใส

ทุกสิ่งดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไป ในสายตาของฉินเฟิง พื้นดินเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินค่อยๆถูกเปิดเผยสู่สายตาเขาทีละนิด ทีละนิด

บ่อน้ำตรงหน้าเขาไม่มีอะไรอยู่จริงๆ สิ่งที่ทำให้มันเคลื่อนไหวมีเพียงธารน้ำเล็กๆที่ไหลลงมาจากเบื้องบน อย่างไรก็ตามด้วย ‘การมองเห็น’ จากพลังสมาธิ ทำให้ฉินเฟิงสามารถค้นพบกระแสบางๆ ที่แฝงอยู่ท่ามกลางธารน้ำตก และเมื่อเงยหน้ามองตามกระแส จะพบว่ามันกำลังหยดลงมาจากบางสิ่งบางอย่างเป็นระยะๆ

มองทะลุผ่านไปตามภูเขา ฉินเฟิงเห็นกลุ่มแสงสีขาวที่มีขนาดเล็กใหญ่ แตกต่างกันไปกระจายตัวอยู่มากมาย

กลุ่มแสงเหล่านี้สว่างมาก มันดูเปล่งประกาย , อบอุ่น และกำลังปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพลังงานบางส่วนจากมันนั่นเองที่เล็ดลอดออกมา กลายเป็นกระแสไหลไปตามน้ำ

ดูเหมือนสิ่งที่ฉินเฟิงคาดการณ์ก่อนหน้านี้จะผิด เพราะเขาเดาว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ใต้บ่อน้ำ แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่!

อะไรบางอย่างที่ว่ามันอยู่อีกฝั่งของหน้าผาต่างหาก! ภายในหน้าผา มีโพรงกว้างเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ห่างออกไปจากบ่อน้ำถึงห้าสิบเมตร หากพึ่งพาเครื่องมือล้ำสมัยเพียงอย่างเดียว เกรงว่าคงไม่อาจค้นพบ

ทว่าเรื่องนี้ก็พอที่จะสรุปได้อีกข้อหนึ่ง นั่นคือในกองทัพทุ่งล่า เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีมือปืนหรือผู้ใช้อบิลิตี้ที่ครอบครองพลังสมาธิอันแข็งแกร่ง

ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงสังเกตได้ถึงสิ่งที่ฉินเฟิงกำลังมองอยู่แล้ว!

“ไป๋หลีทางนั้นมีถ้ำอยู่ ช่วยพาฉันเข้าไปที ”

มากับไป๋หลี ไม่มีที่ไหนที่ฉินเฟิงไม่สามารถไปได้ แค่ชี้นิ้วไปยังตำแหน่งที่ต้องการ ไป๋หลีก็สามารถรับรู้ และใช้เทเลพอร์ตพาฉินเฟิงกับตัวเธอไปทันที

หลังจากเทเลพอร์ตเข้ามา เวลานี้กระทั่งแสงจันทร์ที่คอยสาดส่องก็จางหายไป ภายในถ้ำใต้ดินมืดสนิท ได้ยินเพียงเสียงน้ำที่แผ่วเบา

ฉินเฟิงกวาดพลังสมาธิออกไป ทันใดนั้นท่ามกลางความมืดมิด เขาสามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งรอบตัว สามารถ ‘มองเห็น’ พวกมันได้ชัดเจน

แต่เดิม ที่นี่คือทางน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ ปัจจุบันมันเหือดแห้งไปแล้ว เหลือเพียงธารเล็กๆที่มีขนาดกว้างไม่ถึงฝ่ามือ

แน่นอน ว่าอะไรบางอย่างที่ฉินเฟิงเห็นไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ –เขาค้นพบว่าเป้าหมายของตนแท้จริงมันคือสุสานขนาดยักษ์!

แน่นอน ที่บอกว่าสุสานน่ะไม่ใช่สุสานของมนุษย์ แต่มันคือสุสานของสัตว์ทะเล

พลังสมาธิทำการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการมองเห็นของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน รูม่านตาของฉินเฟิงก็หดวูบ เขาก้าวฝีเท้าออกไป โดยไม่สนใจว่าจะมีซากศพหรืออะไรอยู่เบื้องล่าง หลังจากที่เดินไปจนถึงริมขอบถ้ำ เขาก็ค้นพบกับอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่มาก มันเป็นรอยแตกร้าวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

“ไป๋หลี มาดูนี่หน่อยสิ”

ไป๋หลีเดินโดยเท้าของเธอไม่แตะพื้น ชัดเจนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงซากศพที่นอนกองอยู่จนแห้ง

“ที่รัก ตรงนี้มีเคยมีรอยแยกมิติปรากฏขึ้นมา แต่มันก็ถูกปิดไปอย่างรวดเร็ว” ไป่หลีให้คำตอบแก่ฉินเฟิง

ฉินเฟิงหยิบเปลือกหอยขนาดเล็กบนพื้นขึ้นมา แล้วก็ต้องประหลาดเมื่อพบว่าแท้จริงแล้วมันคือสัตว์ร้ายต่างมิติ

“นี่มัน .. หรือว่าจะเป็นเปลือกหอยมุกเงิน?” ดวงตาของฉินเฟิงสว่างไสว

หอยมุกเงิน คือสัตว์ร้ายเลเวล E ทั่วๆไปที่สามารถพบได้ตามท้องทะเล และมันไม่มีอันตรายใดๆ

นอกจากเปลือกที่แข็งแล้ว มันไม่โจมตีผู้คน และสามารถผลิตไข่มุกพลังงานได้ ซึ่งไข่มุกเพียงเม็ดเดียวมีมูลค่ากว่า 30,000 เหรียญ และในสุสานแห่งนี้มีพวกมันอยู่เต็มไปหมด

นี่เท่ากับว่าฉินเฟิงสามารถรับทรัพย์โดยไม่ต้องลงมือต่อสู้แต่อย่างใด

ในสมองของฉินเฟิงเริ่มประมวลผล และจู่ๆก็มีฉากๆหนึ่งปรากฏขึ้น มันคือฉากที่รอยแยกมิติเปิดออกภายในโพรงภูเขา ทำให้สิ่งมีชีวิตทางทะเลจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ภายในถ้ำนี้ไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นสัตว์ร้ายทะเลจำนวนมากจึงไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ค่อยๆตกตายลงในที่สุด

ยังไงก็ตาม ใครจะสนว่ามันจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้? เพราะปัจจุบันฉินเฟิงคือมนุษย์คนแรกที่ค้นพบที่นี่ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ว่าวัตถุดิบทั้งหมดย่อมตกเป็นของเขา มันนับเป็นกำไรมหาศาล!

ภายใต้การมองเห็นโดยพลังสมาธิ ฉินเฟิงสามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของพลังงาน เขาใช้พลังสมาธิดึงพวกมันจากใต้ดินที่หมักหมมไปด้วยซากศพ

“จงออกมา!”

สิ้นเสียง บางสิ่งบางอย่างก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินสู่สายตาของฉินเฟิง มันคือสิ่งที่แทบจะเหมือนกับก้อนกลมๆสีขาว และเจ้าสิ่งนี้ คือหินพลังงานที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

เจ้าสิ่งนี้มีขนาดเล็กมาก มีขนาดแค่นิ้วหัวแม่มือเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้หินพลังงานที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจะมีพลังงานอยู่ไม่มากนัก แต่มันก็มีราคาแพงกว่าผลึกพลังงานที่ถูกบีบอัดทางวิทยาศาสตร์ หนึ่งก้อนน่าจะมีราคาซัก 30,000 – 50,000 เหรียญ

ฉินเฟิงรีบนับจำนวนพวกมัน และพบว่ามีอย่างน้อยก็ 30 ก้อน

เทียบเท่าได้กับเงินจำนวนกว่า 1 ล้านเหรียญ!

“จงออกมาอีกครั้ง!”

ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิขุดพวกมันที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นี่ไม่ต่างไปจากการขุดสมบัติเลย สำหรับเขามันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนานอย่างยิ่ง

หินบางก้อนมีการปลดปล่อยพลังงานที่จำกัด ตรงส่วนนี้น่าจะเกิดจากระหว่างกระบวนผุกร่อนของมัน แต่ยังถือว่าเป็นของดีสำหรับฉินเฟิงเช่นกัน

“ไหนดูซินี่อะไร? ฟันปลากลายพันธ์? โอ้ … นี่ก็ของดีเลเวล E เหมือนกัน”

“ส่วนนี่ก็เกล็ดปลากลายพันธุ์ แถมยังมีขนาดใหญ่มากซะด้วย!”

“หอยมุกเงินมีจำนวนมากเหลือเกิน น่าเสียดายที่พวกมันดันตายกันหมดแล้ว!”

ฉินเฟิงตื่นเต้นสุดๆ พลังสมาธิขุดสมบัติขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

วัตถุดิบไม่กระจุกรวมกันในจุดเดียว มันกระจัดกระจายอยู่รอบๆ และทั้งหมดล้วนเป็นของดี

“หืม?”

ฉินเฟิงชะงักงันอย่างกระทันหัน เพราะปัจจุบัน ในการมองเห็นของเขา มันคือโครงกระดูกขนาดใหญ่

และโครงกระดูกนี้ แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แต่ก็ยังสาดรังสีแสงสีขาว แตกต่างจากกระดูกสัตว์ทะเลตัวอื่นๆที่เปราะบาง ที่เพียงแตะแทบกลายเป็นผง มันยังคงสภาพเดิมเอาไว้ได้ ทั้งยังส่งกลิ่นอายอันทรงพลัง

“หรือว่าจะเป็นเลเวล D !?” เพียงจ้องมอง ฉินเฟิงก็รับรู้ได้ทันทีถึงความแข็งแกร่งของเจ้าสิ่งนี้

เขาหันไปตรวจสอบรอบๆอย่างรวดเร็ว และพบว่าบริเวณใต้กระดูกสัตว์ร้ายทะเล มีเกล็ดขนาดเท่าฝ่ามือกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ทั้งยังมีบางส่วนตกลงไปในธารน้ำเล็กๆ ปิดช่องทางเอาไว้ให้มันไหลผ่านไปได้ทีละน้อย และพลังงานที่อยู่ภายใน มันน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท